ชุมพล

เปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับฟิวส์ออดิโอเกรด C-3 รุ่น Noir Gold หรือ Noir Decade (ฉลองครบรอบ 10 ปี) หากนับกันจริงๆ แล้วฟิวส์ C-3 ออกมาให้นักเล่นเครื่องเสียงในประเทศไทยรู้จักกันมาร่วม 15 ปี นับจาก C-3 Classic มาเป็นรุ่น Noir >>> Sang Noi >>> Pur Sang และมาถึง Noir Decade

โดยปกติแล้ว เมื่อ C-3 ออกฟิวส์รุ่นใหม่มาขาย รุ่นเก่าจะเลิกผลิต หรืออีกนัยหนึ่งคือ แต่ละห้วงเวลาจะมีฟิวส์ C-3 จำหน่ายแค่เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น แต่พอมาถึง Pur Sang ซึ่งนับเป็นฟิวส์รุ่น Flagship ของ C-3 ราคาตัวละ 12,800 บาท คุณภาพสมกับราคาค่าตัวทุกบาททุกสตางค์ แต่ก็ถือว่าราคาค่อนข้างแพงในยุคเศรษฐกิจย่ำแย่ในขณะนี้ จึงมีแฟนๆ เรียกร้องให้นำฟิวส์ C-3 รุ่น Noir หรือ Sang Noir กลับมาจำหน่ายอีกครั้ง (ราคาต่ำกว่า 7 พันบาท)

ในที่สุด คุณเจมส์ บิดาแห่ง C-3 ก็ตัดสินใจรื้อฟื้น Noir (ซึ่งผมชอบส่วนตัว. แฮ่ม!) ขึ้นมาผลิตใหม่อีกครั้ง โดยที่ต้องอัพเกรดปรับปรุงคุณภาพให้ดีกว่ารุ่นดั้งเดิมขึ้นไปอีก ในปัจจุบันนี้จึงมีฟิวส์ C-3 จำหน่ายอยู่สองรุ่น คือ Pur Sang (Platinum / Gold) และ Noir Decade

            ผมเคยเขียนบทความทดสอบ Noir Decade ฉบับย่อไปแล้ว ปรากฏว่ามีผู้อ่านหลายท่านอยากอ่านรีวิวฉบับเต็ม แบบนี้ต้องฉลองศรัทธาเอาใจคนเล่นฟิวส์กันสักหน่อย มาครับ ผมจะเล่าให้ฟังว่า ฟิวส์ C-3 Noir Decade ให้ผลทางเสียงอย่างไร?

            สำหรับวิธีการเลือกขนาดฟิวส์หรือการฟังทดสอบทิศทาง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากๆ นั้น ผมได้เขียนเอาไว้หรือได้พูดไว้อยู่ในคลิปวิดีโอ ลองหาอ่านหาชมกันได้ไม่อยาก ในที่นี้จึงขอข้ามไปก่อนนะครับ ตัดกลับมาที่รูปลักษณ์ของฟิวส์ Noir Decade หรือจะเรียกว่า Noir Gold ก็ไม่ผิดครับ เพราะที่ขั้วฟิวส์ทั้งสองด้านชุบเคลือบด้วยพลาตินั่มโกลด์สีออกทองอร่ามตา ตรงบริเวณที่เป็นหลอดตรงกลางเป็นสีดำเหลือบน้ำตาลนิดๆ ฟิวส์รุ่นนี้เป็นฟิวส์เซรามิคชนิดขาดช้า และมีขายเฉพาะขนาดความยาว 20 มม. เท่านั้นครับ

            ความพิเศษของฟิวส์ C-3 ทุกรุ่น คือ ผ่านกระบวนการไครโอเจนิคแบบแห้ง มีการฝัง  Memory Effect ที่ความถี่ของกระแสไฟฟ้าเอซี บนตัวหลอดฟิวส์ฉาบไว้ด้วยสารกันคลื่นรบกวนและช่วย Fine Tune Resonance ส่วนรุ่น Noir Decade เพิ่มความพิเศษด้วยการชุบเคลือบขั้วฟิวส์ด้วย Platinum + Gold ราคาค่าตัวอยู่ที่หกพันบาทเศษ ไม่ถูกไม่แพง แต่แรงจริง นับตั้งแต่ทดสอบฟิวส์มา ผมให้คะแนนเต็ม 10 ทุกด้าน โดยเฉพาะเมื่อนำราคาขายมาพิจารณาร่วมด้วยแล้ว

            ฟิวส์ C-3 Noir Gold มีระยะเวลาเบิร์นอินค่อนข้างนาน นานเกินกว่า 80 ชั่วโมงขึ้นไป ถึงจะหยุดการเปลี่ยนแปลงนั่นแหละครับ ฟิวส์ตัวที่ผมได้รับมาทดสอบเป็นของใหม่ไม่เคยใช้งานมาก่อน ขนาดความต้านทาน 2A ผมเปิดเบิร์นอินกับเครื่องเล่นซีดี พอครบ 50 ชั่วโมงนำไปเล่นกับโฟโนเสตจ สุดท้ายพอจะฟังทดสอบจริงๆ ผมนำมันไปใส่ลงในกล่องภาคจ่ายไฟของปรีแอมป์ Octave HP-700 SE

ผลการทดสอบ

            เมื่อพ้นชั่วโมงที่ 80 ไปแล้ว Noir Gold ให้เสียงที่นิ่งสงัด แบ็กกราวด์น้อยส์ต่ำมาก  อิมเมจขึ้นรูปเป็นสามมิติชัดเจน เป็นตัวเป็นตนโดยที่ไม่ขึ้นขอบ สมดุลเสียงดีมาก ทั้งย่านเสียงทุ้ม กลาง แหลม โดยเฉพาะเสียงกลางของ Noir นี่ โดนใจมาตั้งแต่รุ่นแรกแล้วครับ เสียงนักร้องมีความอบอุ่น ละมุน เจือปนด้วยความหวาน หรือประกายกังวาน อีกนัยหนึ่งหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพคือ เสียงคล้ายๆ แอมป์ซิงเกิลเอ็นด์ คลาส A แบบนั้นครับ

            บรรยากาศเป็นจุดขายที่คงความเป็น C-3 เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ในรุ่น Noir Gold ยังคงสืบทอด DNA จากฟิวส์ C-3 รุ่นก่อนๆ เอาไว้ได้ไม่หายไปไหน ยิ่งเพลงที่บันทึกสดในสถานที่ปิด เช่น คอนเสิร์ตฮอลล์ หรือหอประชุม นี่บรรยากาศดีสุดๆ เลยครับ เสียงของห้องบันทึกเสียงปรากฏออกมาให้รับรู้กันได้ว่ามีความกว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน พวกเสียงเล็กเสียงน้อย หรือความละเอียดหยุมหยิมนี่มีให้ได้ยินกันอย่างง่ายดาย ไม่ต้องใช้ความพยายามในการฟังเลยครับ

            ความสามารถของการตอกย้ำตัวโน้ตให้มีความชัดเจน และมีน้ำหนักมากขึ้น เป็นของง่ายสำหรับฟิวส์ในระดับนี้ ไอ้ที่ยากกว่านี้คือ ไดนามิกคอนทราสต์ หรือลีลาในการถ่ายทอดเสียงหนักเบา อ่อนแก่ ในแต่ละระดับความดังครับ Noir Gold ทำได้ดีมาก การไล่เสียงและสวิงในแต่ละช่วงตอน ช่วยให้เข้าถึงอารมณ์ดนตรี ยิ่งเป็นเพลงที่มีการเปลี่ยนแปลงไดนามิกบ่อยๆ คุณจะได้สัมผัสถึงความสามารถของฟิวส์ตัวนี้ได้เป็นอย่างดี

ลองฟังเพลงคลาสสิก หรือ Big Band ในสังกัด Telarc หรือ RR จะรู้สึกได้

            สิ่งที่ผู้เล่นฟิวส์ทุกคนถวิลหาคือ พละกำลังและเบสอิมแพ็ค ฟิวส์ Noir Gold ไม่ใช่ฟิวส์บ้าพลังครับ หากแต่กำลังภายในของแต่ละตัวโน้ตนั้น สปริงตัวหลุดออกมาจากลำโพงได้ทุกเม็ด ในยามที่เบสอัดออกมาแรง มันก็ทิ้งตัวลงมาได้อย่างสะใจ และเป็นประเด็นที่เหนือกว่าฟิวส์ Noir ในอดีต เบสของ Noir Gold มีทั้งน้ำหนักและรายละเอียด ตามมาด้วยการกระเพื่อมตามเป็นลูกๆ หากเทียบกับ Pur Sang แล้ว คงจะเบากว่านิด แต่หากเทียบกับฟิวส์ในระดับราคาไม่เกินหมื่นบาทแล้ว ผมว่ามันไม่แพ้ใครในปฐพี

            คุณสมบัติย่านเสียงแหลมเป็นอีกประเด็นที่ Noir Gold ทำคะแนนนำรุ่นพี่ (Noir เดิม) และเป็นแหลมที่แตกต่างไปจาก Sang Noir ด้วย กล่าวคือ Noir Gold ให้แหลมที่สดใส เปิดโปร่ง แต่ไม่บาง และมีความกังวานปนอยู่ในเนื้อเสียง ไล่ตั้งแต่แหลมตอนต้นไปจนสุดปลายก่อนจะจางหายไป มีความเข้มข้นพอดี ถือว่าไม่เข้มจัดหรือเน้นว่ามันปรี๊ดปร๊าด เรียกร้องความสนใจจนเกินไป เสียงสไตล์นี้เทียบเคียงกับอะนาล็อกก็ว่าได้ครับ ฮาร์โมนิกของ Noir Gold ดีมากจนน่าตกใจ เปลี่ยนสายไฟเส้นละเกือบแสนยังไม่ได้เท่านี้เลยครับ

            เสียงเครื่องดนตรีในกลุ่มเดียวกันที่เล่นพร้อมๆ กัน เช่น ไวโอลิน วิโอล่า และ เชลโล่ หรือในกลุ่มเครื่องเป่าอย่าง ทรัมเป็ต ทรอมโบน และ แซ็กโซโฟน หรือ โอโบ ฟังออกว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ได้ผสมกันจนฟังไม่ออก พูดง่ายๆ คือ ความสามารถในการจำแนกแยกแยะนั้นใกล้เคียงกับการไปนั่งฟังการแสดงสด

            เหตุผลที่การเปลี่ยนฟิวส์แค่ครั้งเดียวให้ผลต่างทางเสียงออกมาได้ตั้งมากมายก่ายกองขนาดนี้ก็เพราะว่า มันช่วยทำให้กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านตัวมันมีความสะอาดสะอ้านไม่อั้นเป็นคอขวด พอพลังงานจ่ายมาได้เต็มประสิทธิภาพ เครื่องเสียงก็ทำงานดีขึ้นโดยอัตโนมัติครับ

สรุป

ผลการทดสอบ ฟิวส์ C-3 Noir Decade ทำให้ผมรีบควักกระเป๋าซื้อไว้ใช้งานส่วนตัวอย่างน้อยสองตัว และกำลังจะสั่ง Pur Sang ใส่ใน Power Amp อีก 2 ตัว มันเป็นฟิวส์ออดิโอเกรดที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในทางที่ดี ราคาค่าตัวถือว่าสมเหตุสมผล ใครที่สนใจรีบมาซื้อไว้ ก่อนที่จะหมด Stock เพราะไม่แน่ว่าด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทของไทยเราที่อ่อนตัวลงมา สินค้าล็อตหน้าจะปรับราคาขึ้นอีกหรือไม่ !!!

ราคา 6,600 บาท

ตัวแทนจำหน่าย

ร้าน TAAN โทร. 081-801-4224
Audio Supreme โทร. 099-397-6836
PRS Modify โทร. 081-665-3545