วิศัลย์ เอกธรรมกุล

ขอต้อนรับสู่ WJWJ ลำดับที่ 100 Century issue ครับ

ฉบับที่แล้วต้องขออภัยเรื่องการทดสอบสายไฟจากค่าย Tombo ซึ่งในระหว่างการทดสอบ WJ คาดว่าเป็นสายไฟรุ่นขุนพลรุ่นใหม่ (ซึ่งของเดิมอยู่ที่ผมนานแล้ว แต่มีนักเขียนท่านอื่นนำไปทดสอบแล้ว เลยไม่ได้เขียน) กลายเป็นว่าที่ถูกต้องคือ สายชื่อรุ่นว่า SPOOKY หรือรุ่นขนหัวลุก แปลกันแบบไทยๆ ก็สมชื่ออยู่นะครับ มีการสลักชื่อรุ่นที่เหล็กรัดสายอยู่แล้ว แต่ผมมองไม่เห็น ส่วนเรื่องราคาสายเห็นว่าพิมพ์เลข 0 เกินมา 1 ตัว อันนั้น กอง บก. คงต้องรับไปแก้ไขต่อนะครับ 

ในระหว่างที่กำลังเขียน WJ Volume 100 ก็ได้รับทราบข่าวอย่างเป็นทางการว่า นาย Dave Wilson ผู้ก่อตั้งและเจ้าของลำโพง Wilson Audio แบรนด์ที่เป็นที่ยอมรับคุณภาพกันทั่วโลกว่าสุดติ่ง ก็ได้ลาจากเรากันไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ผมในฐานะคนเคยกระทบไหล่ และมีโอกาสไปเยี่ยมเยือนบ้านและห้องฟังของ Dave ก็ต้องขอใช้พื้นที่สักเล็กน้อยเพื่อกล่าวคำอำลาจาก โดยขอภาวนาส่งใจไปให้ดวงวิญญาณของเขาไปสู่สุคติภพ ก่อน Dave จะจากเราไปยังสร้างคุณูปการแก่วงการเครื่องเสียง โดยเปิดตัวลำโพงรุ่น Top นั่นคือ WAMM Master Chronosonic ราคาราว 685,000 USD ซึ่ง ณ วันนี้ก็จัดได้ว่าขึ้นทำเนียบลำโพงระดับตำนานไปอีกคู่หนึ่งแล้วครับ ที่แน่ๆ มันเป็นแบบ Limited Edition ซะด้วย แต่เชื่อเถอะ ผมว่า มัน Made by order มากกว่า ไม่มีวางขายในร้านเป็นลำโพงสต๊อกแน่นอน 

สำหรับ WJ100 ฉบับนี้เป็นการทดสอบลำโพงวางขาตั้ง Dynaudio Contour 20 ซึ่งผมยินดีมาก เพราะช่วงนี้ WJ มีการดาวน์ซิสเต็มลงมาอย่างที่ทราบกัน จากแอมป์ใหญ่-ลำโพงใหญ่ ก็กลับมาแอมป์เล็ก-ลำโพงเล็ก (เล็กแต่ตัว ทว่า คุณภาพไม่ได้ย่อส่วนนะ) ก็ยังอุตส่าห์มีผู้นำเข้าส่งสินค้าขนาดเล็กมาให้ทดสอบ แต่มันก็เป็นลางบอกเหตุ (รึเปล่า) ว่ากันว่าก่อนพายุมา ฟ้าฝนจะสงบนิ่งเสมอ เอ! หรือ WJ จะมีการอัพเกรดซิสเต็มกันใหม่ อันนี้คอยติดตามคอลัมน์นี้ไปเรื่อยๆ นะครับ

 DYNAUDIO Contour 20 โปรเจกต์อนุกรม Contour เจเนอเรชั่นใหม่ของค่ายไดเนาดิโอ

อันว่า ไดเนาดิโอ Contour นี้ เป็นอนุกรมที่ถูกวางตัวในระดับ “ออดิโอไฟล์มืออาชีพ” ในระดับราคาที่จับต้องได้มานานเป็นระยะเวลามากกว่ายี่สิบกว่าปีแล้ว (รุ่นแรกออกมาเมื่อปี 1989) ผมจำได้ว่า ลำโพง Contour ในรุ่นก่อนๆ เคยนำมาประกวดกับลำโพง Proac Response One SC, Totem Model One, Focus Audio ซึ่งเจ้า Contour ก็ถูกจัดให้อยู่ในระดับตำนานลำโพงวางขาตั้งเช่นกัน เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ผลิตไดรเวอร์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Scanspeak, Vifa, Morel, Acuton, Dynaudio หรือ Focal เมื่อมาทำลำโพงเองไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจะเป็น ยกตัวอย่างเช่น ลำโพง Morel Fat Lady รุ่นเรือธงของค่ายที่ใช้ตู้ลำโพงเป็นวัสดุไฮเทคอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ ราคาตั้งคู่ละ 49000 USD ก็ไม่ได้เป็นที่แพร่หลายมากนัก ทั้งๆ ที่กวาดรางวัลไปได้หลายสำนักเป็นระยะๆ ก็ตาม ผมคิดว่า การทำไดรเวอร์ก็เรื่องหนึ่ง แต่พอมาทำลำโพง มีดีไซน์ตู้ วัสดุ ครอสโอเวอร์เน็ตเวิร์ก มิติ เรโซแนนซ์ตู้ มุมกระจายเสียง ความเที่ยงตรง และความไวของไดรเวอร์ที่เปลี่ยนไปเมื่อประกอบเข้ากับตู้ ผลกระทบของห้องฟัง มันมีศิลปะในการออกแบบและการจูนอัพที่มีทั้งค่าที่วัดได้และวัดไม่ได้ ความยากมันก็อยู่ตรงนี้แหละที่ทำให้ลำโพงให้เสียงที่ดีเฉยๆ หรือดีกว่านั้นคือ “ความน่าฟัง” และไอ้ที่ว่ามานี่ ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นกับ Dynaudio Contour 20 ตัวนี้แหละครับ 

Dynaudio Contour 20 เป็นลำโพงวางขาตั้ง คราวนี้มาคู่กับขาตั้งลำโพงขนาด 24” คือ ออกแบบมาให้ยึดลำโพงกับขาตั้งด้วยสกรู 4 ตัว และที่ฐานของขาตั้งลำโพงก็ออกแบบให้มีสกรูที่สามารถปรับความสูงและระดับได้สะดวกพอประมาณ นี่แหละเป็นการออกแบบที่ถูกต้อง เพราะเห็นถึงการทำงานร่วมกันระหว่างลำโพงกับขาตั้งที่เป็นหนึ่งเดียวกัน (สักที) ลำโพงคู่นี้มีน้ำหนักต่อข้างอยู่ที่ ราว 15 กิโลกรัม เป็นลำโพงตู้เปิด มีช่องเปิด ด้านหลัง มาพร้อมกับโฟมเพื่ออุดช่องเปิดได้ ตามความชอบไดรเวอร์ทวีตเตอร์ใช้รุ่น ESOTAR 2 อันลือชื่อของค่าย เป็นซอฟต์โดมขนาด 1.1” Mid/Bass ไดรเวอร์ ขนาด 7.1” วัสดุโคน เป็นแมกนีเซียมซิลิเกตโพลิเมอร์ ลดความหนา ลงจากเดิมอีก 0.1 มิลลิเมตร ให้ความแกร่ง เบา และมีความแดมป์ในตัว มาพร้อมกับกลไก แม่เหล็กขับเคลื่อนรุ่นใหม่ที่ใหญ่กว่าและลึก กว่าเดิม และการพันขดลวดวอยซ์คอยล์ที่ เพิ่มขึ้นในแนวลึกอีก 24% ยึดบนแผงแบฟเฟิล อะลูมิเนียมหนาครึ่งนิ้วเพื่อความแกร่ง ตู้ลำโพง ลบเหลี่ยมมุมทุกจุดเพื่อสลายความถี่ไม่ให้ กระจุกตัวที่มุมตู้ มิติตู้มีความโค้งมนเล็กน้อย ที่ชอบมากคือขั้วต่อลำโพงที่รู้สึกถึงคุณภาพ สูงมาก คาพาซิเตอร์ของครอสโอเวอร์เลือกใช้ ของ Mundorf แบ่งความถี่ที่ความชันออร์เดอร์ ที่สอง งานฟินิชชิ่งจัดว่าประณีตเรียบร้อยระดับเฟอร์นิเจอร์ ตัวที่ผมได้มาทดสอบเป็นฟินิช โรสวู้ดสวยมาก แล้วตัวตู้ลำโพงทั้งตัวก็ทำที่ เดน มาร์คครับ สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการออกแบบมิด/เบสไดรเวอร์ก็คือ แม้ออกแบบให้โคนไดรเวอร์มีน้ำหนักที่เบา และสนามแม่เหล็กที่ขับเคลื่อน มีความเข้มข้นสูง แต่ความไวของลำโพงก็จัดว่าโหดร้ายไปทางกลาง-ต่ำสักหน่อย สำหรับอิมพีแดนซ์ 4 Ohm อยู่ที่ 86dB เท่านั้นเอง ก็ได้แต่หวัง ว่าอิมพีแดนซ์ของลำโพงคงจะสวิงในช่วงแคบๆ นะ ไม่งั้นแอมป์เหนื่อยแน่ๆ 

เซ็ตอัพ 

ผมใช้แอมปลิฟายเออร์ HOVLAND Radia เป็นต้นกำลังขับเคลื่อน ซึ่งผมพอจะกล่าวได้ว่า เจ้า Dynaudio Contour 20 น่าจะชอบแอมป์ ลักษณะนี้ กล่าวคือ เป็นแอมป์ที่พลังสำรองดี ไม่ออกแนวบู๊รุนแรงรวดเร็ว ไปทางแนวลีลาสวยงามพลิ้วไสวมากกว่า สายลำโพงของ Tellurium Q Silver Diamond เชื่อมต่อซิงเกิ้ลไวร์ ฟรอนต์เอ็นด์ใช้ Oracle Delphi VI โทนอาร์ม SME V ติดตั้งหัวเข็ม MC Phasemation PP1000 ผ่าน ASR Basis Exclusive phono stage ผ่านปรี Audiovalve Conductor การเชื่อมต่อสายสัญญาณใช้ Nordost Tyr 2 XLR จากโทนอาร์มมาที่ โฟโนสเตจ จากโฟโนสเตจใช้ Nordost Tyr 2 RCA มาที่ปรีแอมป์ จาก ปรีแอมป์มาที่เพาเวอร์แอมป์ใช้สายสัญญาณ XLR Tellurium Q Silver Diamond ฟรอนต์เอ็นด์ถูกสลับด้วย Meridian 818 Reference AudioCore + Sooloos Digital Media เล่นกลับด้วย Hi-res format ครับ เพื่อการรันอินและฟังจริง 

ครั้งนี้ผมรันอินระบบไม่นานมากราวๆ 10 วัน เนื่องจากว่าเป็นลำโพง ที่ผ่านการใช้งานมาพอสมควร และก็เรื่องฝนฟ้าคะนองตามฤดูกาล ที่ไม่อยากจะเสี่ยง ประกอบกับคิวทดสอบยาวเฟื้อยด้วย 

Overture 

จอดิสเพลย์ของ Meridian 818  โชว์ข้อมูล
ขณะเล่นไฟล์ Hi-res

ขอเริ่มจาก Hi-Res format by Meridian 818, Florida Grand Opera-Bizet: Carmen อัลบั้มนี้เป็นการทดสอบที่โหด ซึ่งปกติผมเอาไว้ทดสอบกับซิสเต็มใหญ่ๆ กับ Dynaudio Contour 20 ผลการรับฟังนะรึ เริ่มจากแทร็ก แรก Act 4 End (ไม่น่าจะเรียงตามบทละคร) เวทีการแสดง โอเปร่ามีความใหญ่โต โอ่อ่า น่าตะลึงไม่แพ้ลำโพงใหญ่ ระดับ Magico Q3 การแพนของวงติดตามได้ตลอด นี่เป็นเครื่องเสียงของค่ายที่บรรลุการแปรสภาพจากความ เที่ยงตรงของเสียงมากลายเป็นภาพแห่งจินตนาการปรากฏ อยู่ตรงหน้า แทร็กต่อมา Carmen Aria นักร้องโอเปร่าโทนโซปราโน่ ให้พลังและไดนามิกส์ดีมาก มีน้ำมีนวลแบบหญิงสาวเป็นแก่นและมีพลัง ห่อหุ้มอีกชั้นเป็นบอดี้ที่ชัดเจนไม่คลุมเครือ ถัดมาเป็นความกังวานของ ฮอลล์ที่บ่งบอกอาณาเขตเป็นชั้นนอกสุด กลุ่มไวโอลินและกลุ่มนักร้อง ที่คอยประสานขึ้นมาให้ความเฉียบพลัน ยิ่งใหญ่ ในคราวเดียวกันก็มีลีลา การปลอบโยนนักร้องสาวด้วยลีลาเด็ดขาดมาก ผมเปิดดังขึ้นไปอีก จบแทร็กด้วยเสียงพลุที่ทำเอาสะดุ้ง และปิดท้ายด้วยเสียงปรบมือ ฟังแล้วปลาบปลื้ม อิ่มอกอิ่มใจมาก ข้ามมาที่แทร็ก Children March เริ่มจากฮอร์นเปิดวง แล้วกลุ่มเด็กวิ่งเข้ามาล้อมวงแล้วเต้นไปรอบๆ เสียงให้จังหวะเท้าชัดเจน มาก เด็กๆ ร้องได้รื่นเริงและให้ความรู้สึกถึงเด็กแก้มแดงกำลังยิ้มแก้มปริ แล้วก็ขับร้องไปด้วย นี่ไม่ใช่เสียงของ Dynaudio Contour ที่ผมเคยได้ยิน และผมคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินด้วย สิ่งที่เป็นพัฒนาการอีกจุดที่ชัดเจน คือ ความใสครับ เสียงตู้ไม่มีให้จับสังเกตได้เลย มีความเป็นอิสระของดนตรีจนภาพจริงหายไป (ลำโพง) แต่กลับผุดภาพแห่งจินตนาการขึ้นมาชัดเจน (เสียงที่ได้ยิน) ควบคุมการนำเสนอในโทนสว่างและมืดได้อย่างเป็นกลาง รุ่นเก่าผมว่าออกไปทางมืด สงบเย็น (ไปหน่อย) จนรู้สึกได้ ถ้าท่านลองฟังแล้ว ผิดแผกไร้อารมณ์ไปจากนี้ เช็คซิสเต็มเลย โดยเฉพาะแอมป์ที่ขับ การควบคุมเบสและการทอดตัวจางหายในด้านต่ำทำได้กลมกลืน ไม่รู้สึกว่าบกพร่อง (ในการทดสอบ ผมปิดซับฯ แต่ฟังส่วนตัวเปิดซับฯ มันยอดมากจอร์จ) ส่วนมิดเบสขึ้นไปจัดว่าทรงพลังและควบคุมได้ดีเลยครับ กลางแหลมคงไม่มี อะไรต้องแจกแจง ดูเอาจากที่ผมบรรยายการฟังเพลงก็พอจะคาดเดากันได้นะ ว่ามันไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว จบกับแทร็ก Torreador Aria ครับ 

Dynaudio Contour 20 ถึงผมเปิดดังค่อนข้างมาก แต่ไม่พบว่าฟังแล้ว เครียดหรืออึดอัด ช่วงที่ Choir หลายสิบคน ทั้งเด็ก สาว หนุ่ม ทั้งน้อยทั้งใหญ่ ให้การจำแนก แยกแยะ มีคาแรกเตอร์ของเสียงที่แจกแจงอายุชัดเจน ความกังวานและพลังของ Tenor ชาย แม้แต่เราๆ ท่านๆ ที่ไม่ประสีประสา โอเปร่ายังรู้สึกว่าฟังแล้วเพราะ และก็รับรู้ได้ว่าเขาเจ๋งจริง รายละเอียดที่พร่างพรายไปหมด สามารถหยิบยกเสียงตรงไหนขึ้นมาฟังอย่างสนใจได้ บ่งบอกว่า Dynaudio Contour 20 ให้ความเที่ยงตรง ไม่มีเหนื่อยหรือล้าจาก มอเตอร์ไดรเวอร์ที่ทรงพลัง อยู่ในความควบคุม และมีการแดมป์ด้วยวัสดุโคนที่เหมาะเจาะ ตามที่กล่าวไว้ว่า มันรักษาดุลความมืดและสว่างได้ตามที่บทเพลงพาไป ไม่ใช่บุคลิกของลำโพง 

ต่อไปนี้จะเป็นการทดสอบจากแผ่นเสียง ครับ ระดับความดังที่บ่ายสองครึ่ง เริ่มจาก Indiana Jones WB records 925 833-1 End Credits (RAIDERS MARCH) การเชื่อม โยงเมโลดี้ของโทนดนตรีกับภาพยนตร์ ระหว่าง Raider ต่างเจเนอเรชั่น (อัศวินครู เสดน้องเล็กผู้ตามหาและปกป้องจอก ศักดิ์สิทธิ์ และอัศวินในโลกใหม่ อินเดีย- นาโจนส์กับภารกิจช่วยเหลือบิดาและค้นพบที่ตั้งของจอก และการท้าทาย ผู้ศรัทธาสามประการ) แล้วต่อด้วยเอ็นด์เครดิตที่ควบม้า ผมว่า John William เป็นกระบี่มือหนึ่งของวงการโดยแท้ จิตวิญญาณของดนตรีที่เมื่อกล่าวถึง ยุคเก่าจะมีความเข้มขลังยิ่งใหญ่ตามความเชื่อของศาสนาที่ใช้ดนตรีประเภทเครื่องสายและเครื่องเป่าไม้เป็นหลัก ให้ความปลอบโยน สุขุม ทรงพลังน่า เกรงขาม จังหวะเนิบช้า ส่วนดนตรีที่กล่าวถึงโลกปัจจุบันมีความเจิดจรัสด้วย เครื่องเป่าทองเหลืองและเครื่องเคาะ จังหวะคึกคัก รู้สึกถึงเปลวแดด อิสรภาพ การผจญภัยในโลกกว้าง ความหวัง เป็นการถ่ายทอดความงดงามของบทประพันธ์ ผ่านซิสเต็ม เริ่มจากหัวเข็มเล็กๆ และจบลงที่ลำโพงตัวเล็กๆ แนะนำว่า ถ้าจะฟัง ซาวด์แทร็กเพราะๆ จาก Indiana Jones ต้องตอน The Last Crudade ครับ ตกผลึกของไตรภาคแล้ว เกือบลืมไปว่า ไวนิลแผ่นนี้โดน Dynaudio Contour 20 ฟ้องออกมาว่ามีอาการอั้นของไดนามิกส์อยู่ โดยเฉพาะขนาดวง น่าจะอลังการกว่านี้ คือรู้สึกอาการทับซ้อนไม่ปลอดโปร่งเท่าที่ควร ก็เป็นธรรมดาของ คอมเมอเชียลเกรดนะครับ แต่ว่าด้วยเรื่องการเสพดนตรีหรือคอนเทนต์แล้วล่ะก็ ฟังแล้วอินจนน้ำตาซึมเลยทีเดียว 

ขอฟัง Amadeus ให้ชื่นใจสักหน่อย Requiem ฉบับย่อของภาพยนตร์ครับ สุดติ่ง ท่านผู้ชม สนามเสียงมาครบทั้งกว้างยาวสูง โอ่โถงมาก การบันทึกดนตรีพบว่ามีความเข้มข้น ของเนื้อเสียงมากกว่าแผ่นที่แล้วชัดเจน ในแทร็ก Dies Irae และ Rex ผมพบว่า Dynaudio Contour 20 ควรจะใช้กับซับวูฟเฟอร์ในแทร็กนี้ครับ มีช่วงที่ผมว่าโน้ตเบสตอนล่างที่โคตรโหด ที่เล่นด้วยบาซูนยังมีเบลอนิดหน่อยตามประสาลำโพงสองทาง แต่เมื่อพิจารณาว่า ในขณะ เดียวกัน มัน (ลำโพงสองทาง) ต้องแบกภาระ Choir ที่ประสานกันหลายสิบคน และสวิงเมโลดี้ ขึ้นหลายชั้น โผล่ซ้ายขวาบนล่างสลับฉากกัน วูบวาบยังกะเธค ผมคงต้องยกนิ้วให้มันแหละ เพราะเสียงกลางมันช่างทรงพลังและเฉียบขาดมาก ต่อด้วยเปลวเพลิงโลกันต์ Confutatis ก็จะพบอาการเดียวกันในเบสย่านต่ำที่เล่นด้วยเบส แตกต่างกันตรงที่เป็นเบส (ความถี่ต่ำ) จากเครื่องเป่าและจากเครื่องสาย (น่าจะเป็นช่วงความถี่ที่เบสโรลออฟที่สโลปค่อย ๆ จางหายพอดี) ในแทร็กส่งลา Lacrimosa ไม่ผิดหวังครับ กลุ่ม Choir หลายสิบชีวิตประสานเสียง กันสวยงามดุจเทพธิดาและเทวะบนสรวงสวรรค์ขับกล่อมให้เราฟัง อา…..เมน…….น ไพเราะจริงๆ ว่าแล้วก็ต้องฟังซ้ำอีกหน่อย แล้วต่อด้วย Symphony No.9 ซึ่ง WJ ขอเอนหลังนั่งซึมซาบบทประพันธ์และดนตรีอยู่คนเดียวเงียบๆ นะครับ 

สรุปความ 

Dynaudio Contour 20 จัดว่าเป็นความสำเร็จของค่าย และมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดดเทียบกับอนุกรม Contour ที่ผ่านมาในสายตาของผม กล่าวคือ ราวกับ Contour รุ่นนี้ขึ้นไปเบียดอนุกรมที่ใหญ่กว่าอีกหนึ่งรุ่นจนติดขอบก็ว่าได้ นั่นคือ Dynaudio Confidence Platinum ล่าสุด Dynaudio Confidence Platinum รุ่นใหม่น่าจะเปิดตัวแล้ว โดยใช้ทวีตเตอร์ ESOTAR 3 เพื่อหนี Contour รุ่นปัจจุบันออกไป นี่เป็นลำโพงวางขาตั้งของ Dynaudio ที่ให้คุณภาพเสียง 

ครบเครื่องที่ลงตัวทั้งการฟังแบบออดิโอไฟล์และมิวสิคัล มันสื่อสารลำนำของบทเพลงและดนตรีที่ให้เราได้ซึมซับแบบการรับฟังของมนุษย์ มิใช่ที่ความพอใจ ตัวเลขทางสเปก แน่นอนว่ากว่าที่ Dynaudio Contour 20 จะได้มาซึ่งคุณภาพเสียงแบบนี้ย่อมต้องถึงพร้อมด้วยวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ ที่ถูกต้องแม่นยำผมไม่ลังเลที่จะกล่าวว่า นี่เป็นลำโพง Dynaudio Contour แบบลำโพงวางขาตั้งของค่ายที่ผมว่า “นี่แหละ ใช่แล้ว (สักที)” จัดเป็นลำโพง “Editor’s choice short list” ของ WJ อีกหนึ่งชุด (สักที) แนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักเล่นคอลำโพงวางขาตั้งที่ต้องการลำโพงที่ถ่ายทอด รายละเอียดเหนือรายละเอียดจนถึงระดับปลดปล่อยวิญญาณศิลปิน! ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ 

1. ผมมีโปรเจ็กต์เกี่ยวกับโฮมเธียเตอร์ โดยออกแบบระบบเป็นซับ/ แซทเทิลไลต์ เจ้า Dynaudio Contour 20 ก็ให้น้ำเสียงที่ติดตราตรึงใจซะ เหลือเกิน ขนาดที่อนุกรม Contour มีลำโพงเซ็นเตอร์ให้เลือกใช้ด้วยซ้ำก็ยังติดขัดตรงที่จะมีรีซีฟเวอร์รุ่นไหนในปฐพีสามารถผลักดันเจ้า Contour 20 ออกมาได้หมดจดไหม? ปวดหัวๆ 

2. ผมชอบฟังเจ้า Dynaudio Contour 20 ในสภาพที่โทอินเฉียดหลังหูเล็กน้อย ถ้าลองวาดรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ก็แปลว่า เราไม่ได้นั่ง ฟังที่ปลายแหลมของสามเหลี่ยมด้านเท่าซะทีเดียว แต่จะเข้ามาอยู่ในยอดสามเหลี่ยม ผมชอบนะ มันหลอนดี 

3. มันเป็นลำโพงที่เซ็ตอัพง่าย ในที่นี้คือ คุณสามารถปั้นเสียงในแบบที่คุณชอบได้ง่าย ผมจัดว่าเป็นข้อดี สำหรับแอมป์ที่ใช้ก็ควรมีคุณภาพสูงพอ กำลังขับอยู่ระหว่าง 120 – 150 วัตต์ ที่ 4 โอห์ม ก็น่าจะไปได้ดีสำหรับโซลิดสเตท ส่วนแอมป์หลอดน่าจะเหมาะมากกับซิงเกิ้ลเอ็นด์ คลาส A กำลังขับสัก 50 – 100 วัตต์ ที่ 4 โอห์ม เพราะระบบมอเตอร์ไดรเวอร์ของเขาไม่ได้ สร้างปัญหาให้กับซิงเกิลเอ็นด์ที่กำลังขับไม่สูงมาก หลีกเลี่ยงแอมป์ประเภท พลังดุจะเป็นการดี ความไวลำโพงที่ไม่สูงมากกลับไม่ค่อยมีปัญหาในการเล่น กลับด้วยแอมป์คุณภาพดีครับ 

4. ผมพบว่า มันเข้ากับซับวูฟเฟอร์ได้ง่ายด้วย ใครมีห้องใหญ่ แต่ไม่อยากลงลำโพงตั้งพื้นจะเล่นแบบ 2 + 1 ก็น่าจะตอบโจทย์ครับ เน้นซับวูฟเฟอร์ดีๆ ก็จบได้แบบไม่แพง สังเกตไหมว่า ผมเขียนทดสอบ Dynaudio Contour 20 ด้วยเพลงคลาสสิก ประทานโทษ มันยอดเยี่ยมจนผมตกหลุมฟังแต่เพลง คลาสสิก มัน เก่ง มาก โดยเฉพาะเมื่อฟังกับแผ่นเสียงฟินสุดๆ 

ท้ายสุด ขอปุกาดๆ ว่า WJ มีโครงการทำพ็อกเก็ตบุ๊กพกพาแทนไอแพด ประชดนิตยสารที่ทยอยกันปิดตัวเพราะคนไทยอ่านหนังสือน้อยลง ขณะนี้ กำลังหาสปอนเซอร์อยู่ คิดว่าจะใช้ชื่อ WJ Crazy Edition Project สนใจอยากเป็นสปอนเซอร์ติดต่อ กอง บก. ครับท่าน Project นี้ดีต่อใจ กำไรไม่มีนะท่าน 

แล้วพบกับ WJ 101 ฉบับหน้าครับ ได้ข่าวว่าอลังการจนปวดเนื้อปวดตัวไปหมด สวัสดีครับ. ADP

Special Color ราคา 250,000 บาท (ไม่รวมขาตั้ง) 
นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท Bulldog Audio จำกัด 
โทร.0-2321-0384, 083-758-7771 

นิตยสาร AUDIOPHILE VIDEOPHILE ฉบับ 256