ธีรวัฒน์
ธีรวัฒน์ โชติสุต

แรกๆ ที่ได้ทราบข่าวว่าจะได้รับ Heco: Direkt Dreiklang มาทดสอบนั้น ผมยังจินตนาการไม่ออกว่า ลำโพงจะใหญ่ขนาดไหน ยิ่งพอทราบว่าต้องให้ช่าง 3 – 4 คน เตรียมยกลำโพงมาให้ด้วย เลยเกิดคำถามขึ้นมาในใจจะใหญ่ขนาดไหนเชียว

พอเห็นของจริงๆ เท่านั้นแหละ โห… ลำโพงใหญ่จริงๆ ก่อนหน้านั้นผมขอสารภาพว่า ไม่ได้ทำการบ้าน ศึกษาหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของลำโพง Heco เลย เมื่อได้รับลำโพงมาแล้วจึงได้เข้าไปดูสเปกและรายละเอียดต่างๆ จึงทะลุแจ้งว่า ขนาดไม่ได้เล็กๆ เลยนะ

ตอนที่ช่างมาติดตั้งมีขารองลำโพงมาให้เลือก 2 แบบ คือ แบบเป็นเหล็กสไปก์แหลมๆ และเป็นลูกยาง ผมขอเป็นลูกยางดีกว่า ส่วนกล่องใส่ลำโพง ผมต้องขอให้ช่างนำกลับไปก่อน เพราะที่บ้านผมคงไม่มีพื้นที่จัดเก็บเพียงพอแน่ๆ 

Heco มีประวัติมาอย่างยาวนาน ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1949 ถึงปัจจุบันก็ถือว่าผ่านมา 68 ปีแล้ว นับเป็นผู้ผลิตลำโพงที่เก่าแก่รายหนึ่งของโลกเครื่องเสียงทีเดียว

Heco มีลำโพงที่หลากหลายแบบ นับได้ถึง 15 รุ่น ที่ออกแนววินเทจรูปร่างลักษณะใหญ่ก็จะเป็น Heco: Direkt ถ้าเป็นลำโพง 3 ทางก็จะเป็น Heco: Direkt Dreiklang ซึ่งเป็นรุ่นที่ผมได้รับมาทดสอบในครั้งนี้

ผมชอบวัสดุลำโพง Heco ที่ยังคงใช้กรวยลำโพงที่ทำมาจากกรวยกระดาษ (Kraft Paper Cone) ซึ่งจะให้เสียงออกมาสะอาด และมีความเพี้ยนของเสียงที่ต่ำมาก ทั้งเบสยูนิตและมิดเร้นจ์เป็นกรวยกระดาษทั้งหมด โครงสร้างภายนอกเป็น die-cast aluminium chassis เพื่อให้มีเสถียรภาพที่มั่นคงแข็งแรง ช่วยลดปัญหาเรื่องเรโซแนนซ์ทางโครงสร้างได้มากกว่า ดูจากขนาดของเบสยูนิตในรุ่นนี้ที่มีขนาดใหญ่ถึง 15 นิ้ว และมิดเร้นจ์ยูนิตซึ่งมีขนาด 8 นิ้วนั้น มั่นใจได้เลยว่า ความบิดเบือนและความผิดเพี้ยนของสัญญาณต้องต่ำแน่ๆ

ส่วนทวีตเตอร์มีขนาด 1.2 นิ้ว ล้อมรอบด้วยอะลูมิเนียมที่ลาดเอียงนิดๆ เพื่อให้มีมุมกระจายเสียงและความเข้มของเสียงที่ต้องกลืนไปกับขนาดความใหญ่ของเสียงย่านความถี่อื่นๆ ได้เป็นอย่างดี

Heco: Direkt Dreiklang มีจุดตัดความถี่ที่ 200, 3100Hz ลำโพงมีขนาดความกว้าง ความสูง และความลึก 700 x 1150 x 320 มม. ตามลำดับ มีขั้วต่อสายลำโพงมาเพียงคู่เดียว มีให้เลือก 2 สี คือ ขาว/เงิน และ ดำ

เซ็ตอัพ

ลำโพงที่มีหน้ากว้างๆ มักจะเซ็ตอัพหาตำแหน่งของลำโพงได้ง่าย เนื่องจากมีผลต่อสภาพอะคูสติกของห้องน้อยมาก ลำโพงหน้าแคบส่วนใหญ่แล้ว มักจะไวต่อสภาพอะคูสติกของห้องมากกว่า จึงต้องใส่ใจในการหาตำแหน่งของลำโพงมากกว่าลำโพงหน้ากว้าง

Heco: Direkt Dreiklang หน้ากว้างถึง 70 ซม. สำหรับลำโพงยุคใหม่ถือว่ากว้างใช้ได้เลย ข้อดีก็คือ หาตำแหน่งได้ง่าย เริ่มต้นกันอย่างง่ายๆ แค่จับวางให้เหมาะสมกับสภาพของห้อง เสียงก็ออกมาดีแล้ว เพียงแค่จัดให้ระยะห่างจากลำโพงสองข้างมาถึงเก้าอี้นั่งฟังให้มีระยะเท่ากันก็เพียงพอแล้ว เท่านี้จริงๆ 

สำหรับห้องที่ผมใช้ทดสอบลำโพงคู่นี้มีขนาดหน้ากว้าง4 เมตร ลึก 7 เมตร และสูง 2.83 เมตร จุดที่ลงตัวก็คือ วางลำโพงห่างจากผนังด้านหลัง 1.20 เมตร ห่างจากผนังข้าง 0.5 เมตร วางลำโพงโทอินเข้ามายังตำแหน่งนั่งฟังหน่อยหนึ่ง ในระยะนี้ เสียงจะลงตัวมากที่สุดสำหรับห้องที่ผมใช้ทดสอบ

เห็นขนาดของลำโพงแล้ว หลายท่านคงคิดว่า ลำโพงใหญ่ขนาดนี้ ห้องที่มีขนาดเล็กก็คงหมดสิทธิ์แน่ๆ

อย่าไปคิดอย่างนั้น Heco: Direkt Dreiklang ไม่ได้เกี่ยงขนาดของห้องเท่าไรนัก ผมได้นำไปลองในห้องขนาดที่เล็กลงมา คือมีความกว้างของห้องเพียง 3.25 เมตร ก็ยังฟังเพลงได้ ไม่ได้รู้สึกว่าเสียงอึดอัด หรือแน่นเกินไปแต่อย่างไร ยังฟังผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าลำโพงจะดูใหญ่เกินไปสำหรับห้องบ้างก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือ การเลือกเล่นสายลำโพงและแอมป์ให้เหมาะสมเท่านั้นเอง

ดูแล้วความไว้ 98dB ไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงในการเลือกอินทิเกรตแอมป์มาขับ แต่มันก็น่าแปลกใจอย่างหนึ่งก็คือ Heco: Direkt Dreiklang คู่นี้สามารถรองรับแอมป์กำลังขับสูงๆ ได้เช่นกัน กำลังขับยิ่งมากขึ้น เสียงก็ยิ่งแน่นมากขึ้น แต่ผมชอบแอมป์ที่กำลังขับน้อยๆ มากกว่า เนื่องจากเสียงลงตัวมากกว่า

ตอนที่ทดสอบ ผมมีตัวเลือก 4 ตัว คือ… Pass Lab: INT-250, C.E.C. 3300R C3-Red, Rega: Mira 3 และอินทิเกรตแอมป์หลอด Unison Research: Simply Italy ทั้งหมดให้เสียงไปด้วยกันดีกับลำโพง Heco: Direkt Dreiklang โดย Pass Lab: INT-250 เสียงลำโพงจะหนักแน่น และเสียงใหญ่ขึ้นอีกเยอะเลย อินทิเกรตแอมป์ทั้ง 4 ตัวนี้ ผมกลับชอบเสียงจาก Rega: Mira 3 มากที่สุด ตอนแรกอดหวั่นใจไม่ได้ว่าจะควบคุมการทำงานของกรวยเบสยูนิตขนาด 15 นิ้ว ได้หรือเปล่า แต่กลับกลายเป็นว่าควบคุมได้สบาย เนื่องจากเบสยูนิตของลำโพง Heco เป็นกรวยกระดาษ เลยขับและควบคุมได้ค่อนข้างง่าย

อีกอย่างหนึ่งที่เป็นข้อดีของ Rega: Mira 3 ก็คือ การให้เสียงที่ลิเนียร์และมีเร้นจ์เสียงกว้าง เลยมีเกนเสียงค่อนข้างต่ำมาก เมื่อเทียบกับอินทิเกรตแอมป์อื่นทั่วๆ ไป จึงไม่แปลกใจที่หลายเสียงจะบอกว่า Rega: Mira 3 ให้เสียงเบสนุ่มนวลน้อยไป ไม่ค่อยสร้างความคึกคักเท่าไรนัก แต่เมื่อนำ Rega: Mira 3 มาขับลำโพง Heco: Direkt Dreiklang ทุกอย่างลงตัวหมด ทั้งน้ำหนัก การควบคุม รายละเอียด ไดนามิกของเสียง และเสียงร้องที่โดดเด่นขึ้นมาอย่างมาก รายละเอียดของเสียงร้องนี่แหละที่ทำให้ผมเลือกใช้ Rega: Mira 3 ในการทดสอบเรื่องเสียงของลำโพงคู่นี้ในตอนท้ายสุด

อีกเรื่องที่ส่งผลต่อปัจจัยของเสียงของลำโพง Heco: Direkt Dreiklang ก็คือ ชนิดของสายลำโพง เนื่องจากตัวลำโพงให้เสียงต่ำที่ดีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องใช้สายลำโพงเส้นใหญ่กันอีก ในครั้งนี้ก็เช่นกัน จากสายลำโพงที่มีหลากหลายแบบ ไม่ว่าสายแบบถัก, สายแบบ Stranded และสายฝอยอ่อน สายลำโพงที่เหมาะสมกับลำโพง Heco: Direkt Dreiklang คือ สายลำโพงแบบฝอยอ่อนครับ ขนาดตัวนำที่ผมใช้งานมีหน้าตัดประมาณ 4 sq.mm ก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากอินทิเกรตแอมป์ที่ใช้คือ Rega: Mira 3

ข้อดีของสายฝอยอ่อนอีกอย่างหนึ่งก็คือ บางกรณีที่เราต้องการวางซิสเต็มเครื่องเสียงไว้ข้างๆ ที่นั่งฟัง แล้วลากสายลำโพงยาวๆ นั้น ปลายแหลมจะไม่กุดเท่าไร ยังคงรักษาความโปร่งของปลายเสียงเอาไว้ได้ 

เกือบลืมบอกไปครับ ลำโพง Heco: Direkt Dreiklang จะวางหน้าลำโพงเอียงๆ หน่อย ดังนั้น ระยะนั่งฟังที่เหมาะสมก็คือ จุดที่รู้สึกว่าให้เสียงร้องลอยอยู่เหนือลำโพงขึ้นมา ณ ระยะนั้น ถือว่าเป็นระยะการนั่งฟังที่ลงตัวแล้ว จะถอยเก้าอี้ออกไปอีกในการฟังลักษณะ Far Field มากขึ้นก็ได้ แต่จากระยะตรงนั้น ไม่แนะนำให้ขยับตำแหน่งนั่งฟังเข้ามาใกล้ลำโพงอีก

คุณภาพเสียง

ผมได้มีโอกาสฟังลำโพงวินเทจตัวใหญ่ๆ มาก็หลายบ้าน ติดใจในเสียงที่ใหญ่ให้ออกมาเต็มห้อง เสียงเบสที่สะอาดมากๆ เพราะสมัยก่อนกรวยเบสยูนิตนิยมทำมาจากกระดาษ แต่ลำโพงวินเทจสมัยก่อนนั้น บางรุ่นบางยี่ห้อก็ไม่ได้เหมาะสมกับเพลงในปัจจุบันเช่นกัน

ลำโพง Heco: Direkt Dreiklang ทำให้ผมลืมลำโพงวินเทจตัวใหญ่ๆ เก่าๆ ไปได้เลย คือไม่ต้องเสียงเวลาไปประมูล และตามหา เมื่อหามาได้ก็ไม่ต้องเสียเวลาปรับปรุงซ่อมบางอย่างอีกสำหรับลำโพงบางคู่ เพราะเสียงจากลำโพง Heco: Direkt Dreiklang นี่แหละ ใช่เสียงที่กำลังตามหาอยู่ แนวเสียงวินเทจที่เล่นได้ทุกแนวเพลงในปัจจุบัน

ความประทับใจแรกเลยนั้นคือ ความใหญ่ของเสียงนี่แหละ ทำให้เข้าถึงความรู้สึกของดนตรีสด (Live Performing) จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นความใหญ่ของเสียง ไดนามิกและเร้นจ์เสียงที่กว้างมากๆ

แผ่นซีดีชุด Sara K & Chris Jones – Are we there yet? (Live in Concert) แผ่นบันทึกการแสดงสด เสียงกีตาร์และเสียงร้องของทั้ง Sara K และ Chris Jones ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งฟัง Sara K ร้องเพลง และฟัง Chris Jones เล่นกีตาร์ในห้องฟังจริงๆ เลยครับ

เสียงกีตาร์และเสียงร้องนั้น Heco: Direkt Dreiklang ให้เสียงออกมาใหญ่เต็มห้อง ราวกับว่าทุกซอกมุมทุกของห้องด้านหน้าถูกเสียงแทรกซึมเข้าไปหมดทุกจุด ในความใหญ่ของเสียงกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัด และไม่ได้รู้สึกว่าถูกคลื่นความถี่ต่ำรุกเข้ามากดดันอะไรเลย เสียงโปร่ง และให้อิสระของเสียงออกมาดีมากทีเดียว 

ไดนามิกของเสียงจากการดีดโน้ตออกมาจากการดีดบนสายกีต้าร์ให้เสียงออกมาดุดันเข้มข้น ทั้งเนื้อเสียง น้ำหนัก บรรยากาศ และฮาร์โมนิกส์ของเสียง ถ่ายทอดออกมาได้ดีจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ เนื้อเสียงหนักแน่นและเข้มมากๆ ไดนามิกของเสียงกีตาร์ไม่ได้ให้หัวเสียงนุ่มเลย โอกาสที่ Rega: Mira3 ให้ไดนามิกเสียงไม่นุ่มมีไม่มาก แต่นี่มาครบทั้งไดนามิก น้ำหนัก และการตอบสนองสัญญาณได้อย่างฉับไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกโลว์เบสที่เกิดจากโครงสร้างภายในของตัวกีตาร์ สัมผัสได้ถึงมวลพลังความถี่ต่ำได้อย่างชัดเจน ทำให้รู้สึกได้ถึงตัวตนและเสียงกีตาร์จริงๆ ถือว่า Heco: Direkt Dreiklang เป็นลำโพงที่ขับได้ง่าย และรองรับทั้งแอมป์กำลังขับต่ำและกำลังขับสูง

จากการฟังเพลงหลายๆ แผ่น เพื่อทดสอบการควบคุมน้ำหนักของความถี่ต่ำและรายละเอียดของเสียงในการทำงานของลำโพง Heco: Direkt Dreiklang ยิ่งทำให้รู้สึกทึ่งในการออกแบบลำโพงเป็นอย่างมากทีเดียว เพราะไม่ว่าน้ำหนักเบสจะเป็นอย่างไร แต่การเคลื่อนที่ของกรวยเบสยูนิตนั้น ขยับสั่นน้อยมาก ไม่ได้ขยับและสั่นเป็นเจ้าเข้าเหมือนลำโพงบางคู่ ซึ่งกรวยของเบสยูนิตทำงานหนักมาก สั่นมาก จนอดหวั่นใจไม่ได้ว่า กรวยเบสยูนิตจะหลุดออกมาจากเบ้าหรือเปล่า 

ประสบการณ์จากการลองเล่นลำโพงมาหลายๆ คู่ ทั้งใหญ่และเล็ก ลำโพงความไวสูงๆ และใช้ขนาดเบสยูนิตขนาด 15 นิ้ว ก็ใช่ว่าแอมป์กำลังขับน้อยๆ จะให้เสียงออกมาได้ดีเสมอไป เพราะสิ่งสำคัญก็คือ การควบคุมระหว่างแอมป์และลำโพงนั้นเป็นอย่างไร

เนื่องจากกรวยลำโพงขนาด 15 นิ้ว หลายครั้งก็ต้องการควบคุมดีๆ จากแอมป์เช่นกัน ไม่อย่างนั้นจะควบคุมเรื่องรายละเอียดของเสียงเบสไม่ได้เลย ความคมหนักแน่นของหัวเบสจะไม่คม และจะออกมาในโทนเบสต่ำครางหึ่งๆ ตลอด หากกรวยลำโพงใช้แอมป์กำลังขับมากไป เสียงก็จะออกมาตื้อๆ หางเสียงเก็บตัวเร็ว เสียงเลยขาดบรรยากาศและฮาร์โมนิกส์ไป แต่ Heco: Direkt Dreiklang ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เลยต้องชื่นชมการออกแบบที่ให้ลำโพงรองรับได้ทั้งแอมป์กำลังขับต่ำและกำลังขับมากๆ ในแง่นี้

แผ่นซีดี Somewhere in Time / Jim Bajor เป็นเพลงบรรเลงจากเปียโนโดยเฉพาะ ผมฟังค่อนข้างบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาทดสอบความถี่ต่ำๆ จากลักษณะของคลื่นความถี่ต่ำที่เคลื่อนที่เข้ามาปะทะตัวเรา ข้อดีของซีดีแผ่นนี้คือเป็นเพลงที่ฟังง่ายๆ ฟังชุดไหนก็เพราะ แต่บางครั้งฟังแล้วก็จะหลับได้ง่ายๆ หากขาดไดนามิก โทนเสียงจะออกมาราบเรียบสักหน่อย

แผ่นนี้เมื่อฟังผ่าน Heco: Direkt Dreiklang เสียงเปียโนจะแตกต่างจากที่เคยฟังมาพอควรทีเดียว อย่างแรกเลยก็คือ ความใหญ่ของเสียง ก่อนหน้านี้ เมื่อฟังจาก Pass Lab: INT-250 + ลำโพง Paradigm Persona B ก็ให้เสียงใหญ่แล้ว แต่พอมาฟังจาก Heco: Direkt Dreiklang ได้เสียงใหญ่ออกมาเต็มห้องมากกว่า สเกลของเสียงเปียโนเสมือนว่าฟังจากเสียงเปียโนจริงๆ มาเล่นตรงหน้า ตรงนี้บอกได้เลยว่า ชื่นชมในแง่นี้ของ Heco: Direkt Dreiklang อย่างมากทีเดียว เพราะเคยฟังการเดี่ยวเปียโนจากนักดนตรีอย่างใกล้ชิดหลายครั้งในล็อบบี้เลาจน์ตามโรงแรม ก็รู้สึกว่าใช่เลย สเกลเสียงและไดนามิกแบบนี้แหละที่คุ้นเคย

ความแตกต่างต่อมา คือ ไดนามิกของเสียงเปียโนที่โดนกดคีย์ลงไปนั้น รู้สึกเสมือนว่าน้ำหนักที่กดลงบนคีย์เปียโนจะกดน้ำหนักมากขึ้น เพราะหัวเสียงและไดนามิกของเสียงที่ออกมามีเนื้อเสียงมากขึ้น และมีเร้นจ์เสียงที่ดังมากกว่าเดิม รายละเอียดการสั่นของเส้นสายภายในตัวเปียโน และบรรยากาศฮาร์โมนิกส์ของเสียงออกมาได้อย่างชัดเจนและมีรายละเอียดดีทีเดียว คลื่นความถี่ต่ำที่เกิดจากการสั่นค้าง สัมผัสได้ถึงโลว์เบสที่ส่งมาถึงตัวเรา เป็นคลื่นพลังงานความถี่ต่ำที่มากขึ้น ทุกครั้งที่คีย์เปียโนกดลงไปก็จะสัมผัสได้ถึงคลื่นเสียงที่มากระทบตัวเรา ทำให้รู้สึกว่า เสียงดนตรีมันเสมือนจริงมากๆ 

Heco: Direkt Dreiklang ให้เสียงที่เปิดกระจ่าง การตอบสนองความถี่เสียงต่างๆ ฉับไวกว่าลำโพงบางคู่ที่ผมเคยฟังมา ทำให้มีความถูกต้องของเสียงมากยิ่งขึ้น หัวเสียงที่ออกมาไม่ได้นุ่มนวลแต่อย่างไรเลย เป็นลำโพงความไวสูงที่ตอบสนองความถี่เสียงได้อย่างฉับไว แตกต่างลำโพงใหญ่ๆ บางคู่ที่ต้องเอา Supertweeter มาช่วยเพื่อให้ลำโพงตอบสนองความถี่เสียงได้อย่างฉับไวมากยิ่งขึ้น

จากแผ่นเปียโนก็ขอต่อด้วยแผ่นซีดีเสียงเปียโนอีกแผ่นหนึ่ง Rachmaninoff: Piano Concerto No.2 – Earl Wild / The Royal Philharmonic / Chesky Records แผ่นนี้เก็บเอาไว้นานแล้ว เอาออกมาฟังค่อนข้างน้อย เพราะหลายซิสเต็มพอให้ไดนามิกเร้นจ์ของเสียงไม่กว้างพอ โทนเสียงจะออกไปทางนุ่มนวลเกินไป ก็เลยไม่ค่อยอยากจะฟังเท่าไรนัก

แผ่นนี้มีไดนามิกและเร้นจ์เสียงที่หลากหลายมาก เสียงเปียโนเล่นคู่กับออร์เคสตร้าวงใหญ่ๆ นั้น ถ้าซิสเต็มไม่ถึงจริงๆ จะออกไปทางเนือยๆ ติดนุ่มๆ ไปเสียหมด แผ่นซีดีแผ่นนี้เมื่อเปียโนเล่นคู่กับวงออร์เคสตร้าขนาดใหญ่ต้องยอมรับว่าเสียงจาก Heco: Direkt Dreiklang ให้เสียงเปิดโปร่ง สะอาด กระจ่าง ให้รายละเอียดของเสียงและน้ำหนักของเสียงที่ดีมากทีเดียว การเล่นลำโพงใหญ่ๆ ข้อดีคือให้เนื้อเสียงที่ออกมาดีมากกว่าลำโพงเล็ก คือมีเนื้อเสียงที่เต็มกว่า ข้นกว่า

Heco: Direkt Dreiklang ให้การตอบสนองของเสียงที่ฉับไวมากๆ รายละเอียดของเสียงน่าแปลกใจว่าให้ออกมาได้ดี ไม่ได้แตกต่างลำโพงวางขาตั้งอย่าง Paradigm Persona B เลย ที่น่าแปลกใจก็คือ ในแผ่นซีดี Rachmaninoff: Piano Concerto No.2 ชุดนี้ เร้นจ์เสียงเปิดกว้างมากๆ จึงได้ยินรายละเอียดของเสียงต่างๆ ออกมาชัดเจนดี ไม่ได้รู้สึกถึงความอึมครึมที่มักจะกลบรายละเอียดเสียง และกดไดนามิกของเสียงเครื่องดนตรีต่างๆ เลย ทุกอย่างเปิดเผยออกมาให้สัมผัสได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ฟังลำโพงใหญ่ๆ มาก็หลายคู่ Heco: Direkt Dreiklang ให้ความกระจ่างของเสียงออกมาเด่นชัดมากๆ การปลดปล่อยพลังและรายละเอียดของเสียงนั้น ถือว่าสุดยอดมาก ยิ่งความก้องกังวานที่เกิดขึ้นในเปียโนก็ให้ออกมาได้อย่างชัดเจนทีเดียว

อิมเมจ โฟกัส และรายละเอียดของเสียง เหมือนกำลังฟังลำโพงวางขาตั้งคุณภาพดีๆ แต่เติมเรื่องน้ำหนักของเสียงเข้ามาเพียงแต่ด้วยลักษณะโครงสร้างของลำโพงซึ่งมีขนาดใหญ่ หากจะถามว่าเวทีเสียงเป็นอย่างไร เรื่องนี้บอกตรงๆ วัดผลกันยากมาก เพราะลำโพงวางห่างกันเกือบเต็มพื้นที่ห้อง ห่างจากผนังด้านข้างเพียง 0.5 เมตรในแต่ละด้าน ความกว้างเลยแผ่ออกมาเต็มด้านกว้างของห้อง และเสียงที่ออกมาก็ไม่ได้วางตัวซ้อนทับกันจนจับอิมเมจ-โฟกัสของเสียงไม่ได้ ทุกเสียงแยกแยะออกมาอย่างเด่นชัด รูปแบบเวทีเสียงของ Heco: Direkt Dreiklang จะสาดเวทีเสียงด้านลึกมาทางด้านลำโพงมากกว่าเลยด้านหลังลำโพงออกไป ระดับชั้นเวทีเสียงด้านลึก หากใครเคยฟังลำโพงเล็กขนาดวางหิ้งมาประจำก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย แต่เมื่อฟังไปนานๆ จะลืมเรื่องนี้ไปเลย เพราะจะรู้สึกถึงความเป็นดนตรีสดชนิด Live Performing แทน ซึ่งจะตรึงตราตรึงใจ ทำให้ลืมนึกถึงเรื่องอื่นๆ ไปเลย

ในแง่ของเสียงร้องนั้น ในเรื่องนี้ผมจะบอกว่า Heco: Direkt Dreiklang ให้เสียงร้องแปรเปลี่ยนไปตามแผ่นซอฟต์แวร์ที่ใช้งาน และชนิดของอินทิเกรตแอมป์ที่มาใช้ขับ หากเป็นแอมป์หลอดและเครื่องเล่นแผ่นเสียง โทนเสียงร้องก็จะออกไปโทนอบอุ่น ฟังดูน่าฟัง หากเล่นคู่กับแอมป์โซลิดสเตท เสียงก็จะออกไปทางมอนิเตอร์ที่มีความกลมกล่อมพอตัวทีเดียว

ความกังวลแรกของผมในเรื่องนี้คือ ความสดของเสียง เสียงจะสดไปหรือเปล่า กลัวว่าลำโพงจะดีดความสดของเสียงร้องมากเกินไปไหม สำหรับเรื่องนี้ สิ่งที่มากำหนดคุณภาพเสียงร้องของ Heco: Direkt Dreiklang จะขึ้นกับกำลังขับของแอมป์และชนิดของแอมป์มากกว่า อย่างเช่น พอขับลำโพงด้วย Pass Lab: INT-250 เสียงร้องก็จะสดขึ้นมา ออกแนวมอนิเตอร์มากยิ่งขึ้น เสียงร้องชัดมากขึ้น และสนามเสียงที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

แต่เมื่อขับด้วยอินทิเกรตแอมป์ Rega: Mira 3 หรืออินทิเกรตแอมป์หลอด Unison Research: Simply Italy เสียงก็จะออกไปอีกโทนหนึ่ง ไม่ได้ออกมาสดเหมือนอย่าง Pass Lab: INT-250 เพียงแต่จะเติมความน่าฟังมากกว่า

เขียนแบบนี้อาจจะงง ขออธิบายให้เห็นภาพว่า หากฟังเพลงวง The Eagle – Hell Freeze Over แล้วความรู้สึกเหมือนกำลังดูคอนเสิร์ตการแสดงดนตรีสดจริงๆ ก็เล่นคู่กับแอมป์กำลังมาก อาทิ Pass Lab: INT-250 หรืออื่นๆ แต่หากชอบเสียงร้องกลมกล่อม ฟังแล้วรื่นหูน่าฟัง ฟังเพลงออกมาไพเราะแนว Shirley Bassey ก็เล่นกับอินทิเกรตแอมป์กำลังขับไม่ต้องมาก หรือแอมป์หลอด อะไรทำนองนี้

สำหรับ Heco: Direkt Dreiklang ในแง่ของเพลงร้อง ผมจะพูดถึงอะไรคือสิ่งที่มาขับลำโพงมากกว่าจะพูดถึงคุณภาพเสียงของเสียงร้องโดยตรง เพราะเรื่องของเสียงร้อง Heco: Direkt Dreiklang ทำได้ดีอยู่แล้ว ไม่ว่าเสียงร้องจะตกในโทนเสียงใด ต่ำกลาง สูง ไดนามิกพีคเสียง เนื้อเสียง หรือรายละเอียดของเสียง ก็ให้ออกมาดีอยู่แล้ว

สิ่งที่จะเติมเข้ามาจากแอมป์ที่เลือกใช้ต้นทางนั้น คือการเลือกว่าจะให้เสียงออกมาแนวมอนิเตอร์สักนิด หรือจะเติมความกลมกล่อมน่าฟังลงไปเท่านั้นเอง แต่ข้อควรระวังในเรื่องนี้ ไม่ว่าแอมป์กำลังขับจะมากหรือน้อย ให้ดูเรื่องเกนเสียงของอินทิเกรตแอมป์ที่นำมาใช้งานด้วย เพราะอินทิเกรตแอมป์ยุคนี้มักมีเกนขยายที่สูง ไม่ว่ากำลังขับจะมากหรือน้อยก็ตาม จะเป็นคลาส A หรือ AB ก็ให้ดูเรื่องเกนขยายของอินทิเกรตแอมป์หรือปรีแอมป์ด้วยเช่นกัน ประเภทที่เปิดมานิดเดียวแล้วดังลั่นบ้าน เมื่อมาขับลำโพง Heco: Direkt Dreiklang เสียงก็จะสดหยาบกร้านไปเลย เสียงแข็งไม่น่าฟังเท่าไรนัก แต่หากเป็นแอมป์ที่เกนขยายเสียงต่ำๆ ไม่ว่ากำลังขับมากหรือน้อย ก็ให้เสียงออกมาน่าฟังทั้งหมด ตรงนี้ก็ต้องระวังด้วยเช่นกัน

ลำโพงแนววินเทจที่ฟังได้ทุกแนวเพลงในปัจจุบัน

ผมเองก็ชอบฟังลำโพงแนววินเทจ ชอบเสียงจากรวยกระดาษที่ให้โทนเสียงสะอาด มีความเพี้ยนของเสียงต่ำมาก เสียงออกมาใหญ่เต็มห้อง ฟังดูแล้วเสียงอลังการงานสร้าง ฟังเมื่อไรก็ชอบหลงรักทันทีที่ได้ยิน

Heco: Direkt Dreiklang เหมือนมาเติมเต็มในเรื่องนี้ มากลบจุดอ่อนของลำโพงวินเทจที่ไม่สามารถฟังเพลงได้ทุกแนวเพลงในปัจจุบัน และไม่สามารถเล่นกับแอมป์กำลังขับสูงๆ ได้ Heco: Direkt Dreiklang สามารถฟังได้ทุกแนวเพลง ไม่ว่าจะเป็นแนวไหนก็ตาม สไตล์แจ๊สเก่าที่ฟังเสียงเป่าแซ็กโซโฟนแต่ละครั้ง เสียงลมเป่าออกมาได้ยินชัดเจน เสียงเครื่องเป่าให้เสียงใหญ่ๆ ก็ให้ออกมาแบบนั้นเช่นกัน หรือจะฟังแนวร็อก ป๊อป สมัยปัจจุบันก็ตอบสนองได้หมด ส่วนการจัดวางลำโพงสามารถเซ็ตอัพหาตำแหน่งได้ง่าย และเล่นกับขนาดกำลังขับของแอมป์ที่หลากหลาย จะมากจะน้อยก็รองรับได้หมด 

จากจุดแข็งในเรื่องคุณภาพเสียงของ Heco: Direkt Dreiklang แทบจะหาจุดอ่อนไม่ได้เลย หากจะมองจุดอ่อนในเรื่องนี้ก็น่าจะมีอยู่เรื่องหนึ่งก็คือ การรับรู้ของแบรนด์ที่ยังเป็นที่น่ากังขา เพราะนักเล่นบ้านเรามักไม่ค่อยนิยมลำโพงใหม่ๆ คุณภาพเสียงดีๆ เพราะยึดติดกับความนิยมในตลาดมือสองเป็นที่ตั้ง แต่หากมองถึงคุณภาพเสียงเป็นหลัก ซื้อเพื่อจะนำมาฟังเพลงอย่างแท้จริง 100% แนะนำเลยว่า Heco: Direkt Dreiklang คือลำโพงที่ควรจะลองฟังเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ หากคุณผู้อ่านเป็นนักเล่นแนววินเทจอยากให้ลองฟังลำโพงคู่นี้ก่อน แล้วจะเปลี่ยนใจมาหลงใหลในลำโพง Heco: Direkt Dreiklang อย่างไม่รู้ตัว. ADP

ราคา 450,000 บาท

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
บริษัท Discovery HiFi จำกัด โทร. 0-2102-2610, 0-2747-6710

นิตยสาร AUDIOPHILE VIDEOPHILE ฉบับที่ 245