ธรรมนูญ ประทีปจินดา

เรื่องเล่าจากทริปอิสานไฮไฟ ครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมายังไม่จบ คืนวันขากลับ จากอุดรฯ มาถึงขอนแก่น ก็สี่ห้าทุ่มเข้าไปแล้ว แต่ ไหนๆ ก็ไหนๆ เมื่อมาถึงที่แล้ว จึงถือโอกาสแวะเยี่ยมเยือนโปรแดง อาจารย์สอนถ่ายภาพชื่อดัง คุณจักริน ภัสสรดิลกเลิศ ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ผู้มีประสบการณ์ชีวิตมากมาย ปัจจุบันเปิด Wedding Studio ชื่อ FineArt Studio รวมถึงรับถ่ายงานโฆษณา มีผลงาน ผ่านตาพวกเรามากมาย เช่น สายการบินนกแอร์ ฯลฯ ทั้งยังเป็นที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการถ่ายภาพแห่งประเทศไทย เป็นคนอีสานคนเดียวในที่ปรึกษาสิบคน สำหรับกิจกรรม ทางด้านช่วยเหลือสังคมคือ โครงการสอนถ่ายภาพรุ่นใหม่ หาทุนมอบให้กับโรงพยาบาลขอนแก่น ถ้าเห็นว่าดีก็ทำต่อไป ตั้งแต่กลับเข้าวงการมาก็ร่วมสิบปีได้ถ่ายทอดความรู้ ให้กับรุ่นน้องนับพันคน และมีที่เข้าตาถึงสี่สิบห้าสิบคนทีเดียว กระซิบนิดหนึ่ง ภาพประกอบบทความที่เห็นทั้งหมด นี้เป็นฝีมือโปรแดงทั้งสิ้น 

ทำควมรู้จักกันหน่อย 

ตั้งแต่เล็กเป็นเด็กขี้สงสัย สนใจในสิ่งรอบตัว อยากรู้ว่ามันเกิดขึ้น อย่างไร แต่บางครั้งผู้ใหญ่ก็ให้คำตอบเราไม่ได้ บางคนคิดว่าผมเป็น เด็กแปลก เราสนใจสิ่งรอบข้าง ชอบเก็บของที่เขาทิ้งจากกองขยะ มาประดิษฐ์ของเล่นตามประสาเรา เช่น เอารองเท้าแตะเก่าที่ถูกทิ้งมาตัดทำล้อรถ หรือเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ เล่นตามจินตนาการ ของเรา ผมต่อวงจรไฟฟ้าได้ตั้งแต่อายุไม่ถึงสิบขวบ เรียนประถม จากโรงเรียนในเครือลาซาล คนในอำเภอบอกว่า ไอ้เด็กคนนี้ต้อง ไปเรียนเทคนิค คุณแม่ผมอยากให้เรียนหมอ อย่างเราเนี่ยนะจะ ไปเรียนได้ยังไง สุดท้ายได้ไปเรียนวิชาไฟฟ้ากำลังที่เทคนิคสัตหีบ จนจบ ด้วยความที่เราสนใจสิ่งอื่นมากกว่าในห้องเรียนก็เลย ไม่ตั้งใจเรียน เกรดไม่ค่อยดี โดดเรียนบ่อย ไปดูอะไรที่บ้านเราไม่มี ปีนเขาบ้าง ตกน้ำเกือบตายก็หลายครั้ง ว่ายน้ำไม่เป็น แต่ดันไปเล่นวินด์เซิร์ฟ บ้าหรือเปล่า ผมก็ยังไปเป็นนักดำน้ำเลยดำได้ แต่ว่ายน้ำไม่ค่อยเก่ง ไม่เคยเรียนว่ายน้ำทั้งๆ ที่อยู่ริมน้ำไม่รู้เหมือน กันว่าทำไมไม่หัดเสียให้เป็น จบเทคนิคใช้วิชาชีพช่างมาทำงาน โรงแรมมณเฑียร มาซ่อมลิฟต์ ไปทำงานซ่อมเครื่องมือแพทย์ ทำงานบริษัทกำจัดปลวก อะไรที่แปลกผมทำหมด ก็ทำมาหมด… จนกลับมาทำงานกิจการของครอบครัว คือทำโรงแรม ก่อนที่จะมาทำอะไรอีกหลายอย่าง  

พ …บอกเล่สิ่งรอบข้ง 

เพราะความที่ชอบอ่านหนังสือ ช่วงอายุสิบกว่าขวบไปอ่านตามแผงหนังสือ อย่างที่ สนามหลวง สมัยก่อนที่จะย้ายไปจตุจักร เป็นช่วงที่เรียนรู้ หนังสือเกี่ยวกับศาสนา นิกายเซน อียิปต์โบราณ เก็บรายละเอียดสนใจเรื่องแปลกใหม่ ส่วนความรู้เรื่องการ ถ่ายภาพ เนื่องจากโดดเรียนบ่อย ชอบไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ก็พบว่าภาพที่เราเห็น นั้นมันสวย อย่างตะวันขึ้น ทะเลหมอก มันสวยนะ ทำไมเราไม่หาอะไรมาเก็บภาพ ไปให้คนอื่นดู ก็เลยไปแอบจิ๊กกล้อง Nikon FM เป็นกล้องฟิล์มของพ่อ ซึ่งแกเก็บ ไว้ในตู้เสื้อผ้าเพื่อเอามาถ่าย พอเอาไปถ่ายจริงๆ ปรากฏว่ามันไม่ได้อย่างที่เราเห็น… 

หนังสือถ่ายภาพ สมัยนั้นมีสองสามเล่มเอง อ่านที่เขาเขียนบรรยายไว้ ตัวอย่าง เช่น ใช้ฟิล์มโกดักรุ่นนี้ เปิดรูรับแสงเท่านี้ISO เท่าไหร่ อ่านเสร็จก็ทำตามหนังสือ เลย มันกลับไม่ได้เหมือนอย่างที่เขาเขียน ไม่ใช่เพราะกล้องของเราไม่ดี คงต่างกรรม ต่างวาระกัน แสงมันก็ผิดกัน แถมเขาบอกไม่หมด เขาใส่ฟิลเตอร์มาอีกด้วย เพราะต้องทำให้ภาพสวย ผมหลงทางมานานเลย ก็ค้นพบว่าสิ่งที่เขาบอกในหนังสือมันไม่ใช่ เรารู้ ว่าทำยังไงถึงสวย ก็เลยเบื่อ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า เอางี้ดีกว่า… มีอารมณ์ค่อยถ่ายแล้วกัน ก็พอใจเลย เรื่องอื่นก็เช่นแข่งรถไง เริ่มจากมอเตอร์ไซค์ได้แชมป์บ่อยจนน่าเกลียด เปลี่ยนไปเป็นรถยนต์ก็ได้แชมป์อีก จนได้แชมป์ภาคอีสานไปอีก แข่งยิงปืนก็ได้แชมป์ ภาคอีสานอีก จนคนถาม คุณอีกแล้วเหรอ เราก็ต้องวางมือไป เดี๋ยวคนรุ่นใหม่ไม่ได้เกิด 

หวนคืนสังเวียนจับกล้องอีกครั้ง 

สมัยซ่อมเครื่องมือแพทย์ ซ่อมเครื่องฆ่าเชื้อ ตู้อบเด็ก ประตูตู้ชอบเสีย ล็อกไม่ได้ ก็ดัดแปลงติดแม่เหล็กเข้าไป ทำให้ปิดได้ง่าย พอมาช่วยกิจการโรงแรมก็ทำนั่นทำนี่ ก็ ไปขัดกับคนที่เขาทำอยู่ก่อน ส่วนเรื่องถ่ายรูปนี่ หวนกลับมาอีกทีก็ตรงที่ เบนซ์ เรา รู้จักกัน เพราะเป็นคอเครื่องเสียงเหมือนกัน ไปมาหาสู่กัน เครื่องเสียงเราคงไม่ต้อง ไปเทียบกับเสี่ยเขาหรอก แต่แกน่าคบ ไม่ถือสาเรา ให้ลองนั่นลองนี่สารพัด เขาเคย เห็นรูปในห้อง ผมถือกล้องถ่ายรูปอยู่ ตอนนั้นราวปี 2007 เป็นช่วงที่กล้อง Digital SLR กำลังเริ่มบูม จู่ๆ เบนซ์เอากล้องดิจิทัล Nikon D200 มาวางตรงหน้า ก็เลยเป็น จุดหวนกลับมาจนถึงวันนี้ 

ตกแต่งบ้นยังไง 

ออกแบบเอง เลื่อยไม้เอง วาดรูปเอง เพราะเราทำบ้านเอง อย่างเฉลียงตรงระเบียง แทนที่จะเป็นปูนดิบๆ ก็ย้อมโทนสีบ้าง ให้ไม้เลื้อยขึ้นมา มีสีเขียวตัดบ้าง ภายในก็มีกรุ อะคูสติกส์บ้าง เสียงไม่รบกวนชาวบ้านหรอก ความถี่ต่ำถึงจะออกไปด้านนอก ผมว่า ซับวูฟเฟอร์ต้องยอมบ้างเพื่อหาจุดที่เหมาะสม เขาบอกซับต้องวางกลางห้อง บ้าหรือเปล่า แล้วจะเดินยังไง หรือว่าจะเอาไว้เป็นโต๊ะวางแก้วเหล้า ต้องยอมวางในตำแหน่ง ที่อาจไม่ใช่จุดที่ดีที่สุด ส่วนที่เล่นโปรเจกเตอร์ก็เพราะได้อารมณ์โรงหนังมากกว่า

ชอบฟังเพลง เล่นเครื่องเสียง 

เราชอบฟังเพลง เล่นดนตรี โดยเฉพาะกีตาร์ เล่นมาตั้งแต่ วัยรุ่น สมัยบวชก็บ้าอ่านหนังสือเครื่องเสียง ฟังเพลงมา ตลอด ยุคนั้นเป็นเทปรีลยี่ห้อ Teac ต่อมาเป็นคาสเซ็ตต์ เทป ใช้แอมป์ Sansui ที่มันมากก็ต้อง McIntosh กับ ลำโพง JBL นี่ เสียงมหึมามาก ชอบครับ บางคนก็ชอบ Luxman เขาว่าเสียงนุ่มมาก ผมว่าเป็นสไตล์ญี่ปุ่นนะ 

เริ่มเข้ากรุงเทพฯ ไปบ้านหม้อ ช็อปปิ้งซื้ออุปกรณ์มาต่อแอมป์ ต่อตู้ลำโพงเอง ต่อมาเล่นดอกลำโพง ของ Audax กับ Davis พันคอยล์ ทำ Crossover เอง ต่อตู้เอง เป็นลำโพงแบบทรานสมิสชั่นไลน์ ยังอยู่หลังบ้านเลย ต่อ มามีดอก Vifa, Seas, Scanspeak เล่นอยู่พักหนึ่ง เสียเงิน ไปเยอะพอดู ปรากฏว่าบรรลุเลย “ทำให้ตายก็สู้ของฝรั่งไม่ ได้” เราว่าเราละเอียดแล้ว ก็ไม่มีทางสู้เขา แต่เราก็สนุกกับมัน บ้าไปกับมัน บางครั้งฟังเพลงหลับคาโต๊ะ มันเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง เป็นประสบการณ์ที่ดีนะ 

คุณควรฟังเพลงจากเครื่องเสียง ชุดโปรดตามอัตภาพของคุณนะ อย่าหลงผิดไปชอบของคนอื่นเข้า จะก่อกิเลส แล้วจะขาดความสุข

เล่นเครื่องเสียงก็คือศิลปะ 

การเล่นเครื่องเสียงเป็นเครื่องเล่นที่ช่วยจรรโลงใจเรา คือสิ่งที่เราเสพมันได้ เหมือนอาหารชนิดหนึ่ง เสพทางโสต ทั้งหู และตา สามารถบ่งบอกไลฟ์สไตล์ของคนคนนั้น เป็นเรื่องที่ดี ที่จะเล่นมัน เป็นเรื่องจำเป็นที่คนเราต้องมีดนตรีในหัวใจ คุณควรฟังเพลงจากเครื่องเสียงชุดโปรดตามอัตภาพของคุณนะ อย่าหลงผิดไปชอบของคนอื่นเข้า จะก่อกิเลส แล้วจะขาดความสุข ต้องเชื่อหูของคุณเอง ในอัตภาพที่ตัวคุณเองไม่เดือดร้อน ถึงเป็นความสุขความรื่นรมย์โดยแท้ 

เล่นของมือสอง 

เริ่มรู้จักเพื่อนที่ไม่เล่นแบบเรา เขาเล่นของนอก ไม่ต่อเอง เมื่อเข้ากรุงเทพฯ ก็ยังต้องหาโอกาสไปฟัง ปัจจุบันบนฟอร์จูน ผมก็ไปนั่งฟังของเขาที่ว่าดี ดียังไง เราก็ซื้อเครื่องมือสอง เล่น ของมือสองก็ไม่ผิด มันลองได้ ผมเป็นช่าง ซื้อของมาตามสภาพ ผมซ่อมได้ ไม่มีปัญหา ถ้าเป็นของมือหนึ่ง ลองไม่ไปที่ร้านเขา อยู่ต่างจังหวัดไกลๆ แบบนี้ คงไม่ได้ฟังหรอก 

เลือกเครื่องเสียง 

แปลกที่ห้องฟังที่เขาขายเครื่องเสียง มักฟังแล้วดี เพราะแม็ตชิ่ง ไว้ดี ไม่งั้นจะขายได้เหรอ ไอ้จะบอกว่าให้ยกมาฟังที่บ้านเรา ทุกครั้งไปก็ไม่ได้ เราอยู่ต่างจังหวัดน่ะ มันไม่ง่ายเลย ก็เหมือน คนส่วนใหญ่ที่เลือกลำโพงก่อน เพราะลำโพงไวต่อสภาพ แวดล้อมมาก วัสดุในห้องมีผลต่อเสียงหมด แต่ก็ปล่อยมัน ไปเถอะ มิฉะนั้นคงซีเรียสน่าดู ที่เลือกลำโพงเพราะเสียงมันติดหู ชอบก็ชอบ ไม่ชอบก็ไม่รู้จะฝืนทำไม ผมฟัง Vienna Hyden แล้วชอบ ก็เข้าใจว่าดอกลำโพง แค่ 4.5 นิ้วจะคาดหวังให้เสียงกลองทิมปานีใหญ่คงไม่ได้ แต่มันให้ความสมดุล หรือโทนัลบาลานซ์ระหว่างเสียงต่ำ กลาง สูง กลมกลืนได้ดี บางคนบอกเบสดี แหลมดี จะฟังเบสบวมๆ หรือแหลมเยอะๆ ไปทำไม ทำไมไม่พูดว่าดุลเสียง ดีล่ะ พอเราได้ลำโพงแล้วก็ต้องหาแอมป์ที่จะมาควบคุมมันให้ได้ จริงๆ แล้ว ไม่ได้ซีเรียสมากนัก ฟังเสร็จชอบก็ซื้อเลย เอากลับบ้านมาฟังก็พอใจ ถ้าเลือกได้ ใครคิดหลอดหรือทรานซิสเตอร์ก็ควรซื้อเขา มันถึงจะได้วิญญาณมันมา บางคน มัวมานั่งจับผิด ว่าอะไรมีความเพี้ยนน้อยกว่ากัน จะมีความสุขตรงไหน ที่ชอบ แอมป์หลอดเพราะมันเข้ากับบรรยากาศบ้านของผมที่ตกแต่งด้วยไม้ทั้งหมด เป็นความชอบส่วนตัว แต่ยังไม่ถึงกับต้องฟังเพลงยุคนั้น ต้องเอาเครื่องเสียง ยุคนั้นมาเล่นถึงจะเพราะหรอก แต่ถ้าเป็นไปได้ก็น่าจะดี ไม่รู้ว่ามีใครเคยพูด ไหม เครื่องเสียงก็เล่นมาตลอด หนังก็ดู เฮียสมชายก็มาจัดการให้ 

เสียงธรรมชติ 

ผมว่าสุดยอดจริงคือการได้ฟังดนตรีสด เพราะไม่ว่าคุณนั่งตรงไหน ตำแหน่งเครื่อง ดนตรีแต่ละชิ้นอยู่ตรงนี้ ตรงโน้น หรือนักร้องอยู่ตรงนั้น แต่เราคงไม่สามารถฟังดนตรี สดได้ทุกวัน ทีนี้เราก็ต้องซื้อแผ่นมาฟังสิ เครื่องเสียงไฮเอ็นด์ก็พยายามทำให้ได้แบบนั้น ซึ่งไม่ง่ายเลย ถ้าทำได้ คุณจะขายแพงเท่าใดก็ไม่มีปัญหา บางคนซีเรียสกับจุด Sweet Spot ถึงขนาดบ่นว่าทำไมลำโพงข้างซ้ายดังกว่าข้างขวา แหม! ก็เพราะดันนั่งเอียง ซ้าย เสียงลำโพงซ้ายเลยดังกว่าข้างขวา นี่เป็นเรื่องจริง เซียนตกม้ามาเยอะ ผมไม่ใช่ นักวิชาการ ไม่มีเครื่องเสียงหลายๆ ล้านเหมือนเขา ผมพูดคุณก็คงไม่ฟังผม ในที่สุด คุณก็ฟังในกลุ่มของคุณ ขำกลิ้งเลย มีนักวิจารณ์บางคนเขียนว่าได้ยินเสียงร้องลมออก ตามไรฟันซี่ที่ 30 โอ้! คุณรู้ได้ไงวะ บ้าหรือเปล่า วิจารณ์กันแบบนี้ ผมอ่านพบจนผม เบื่อมาก แต่เชื่อไหมทุกวันนี้เขายังอยู่ในวงการ ยังมีคนติดตามเขา ผมล่ะไม่เอาหรอก 

เอางี้ เดี๋ยวผมเปิดให้ฟังจากชุดเล็กๆ ของผมกับแผ่นซีดีราคา 130 บาทนี่แหละ คุณจะรู้เลยว่านักร้องเธอถีบจักรยานอยู่ ผมกำลังสื่อว่า คนทำเพลงเขาอยากให้เรา รื่นรมย์กับสิ่งที่เขาทำจึงตั้งใจถ่ายทอดจินตนาการของเขามาให้เราฟัง เราก็ควรเข้าถึงอารมณ์มากกว่า นี่ดันไปนั่งจับผิดว่าเขาทำจากต้นฉบับดิจิทัลหรืออะนาล็อก หรือว่า ฉาบมันตีแรงไปไหม หรือกีตาร์ไม่ใช่กิ๊บสันนี่หว่า ไปจับผิดทำไม คุณควรหาความสุข ไปกับมันเถอะ แต่อาจอยากเท่ที่ได้ไปคุยกับคนข้างบ้านว่า หูทอง ถ้าอยากหูทองก็ไป ร้านทองสิ 

ทุกคนทราบดีว่า เงินคือวัสดุตัวนำที่ดีที่สุด สารที่ป้องกันอ็อกไซด์ดีที่สุดคือทอง ก็เอาเงินมาทำสายเข้าหัวชุบทองซะก็สิ้นเรื่อง แล้วเขาใส่ทองแดงหรือนิกเกิลไปทำไม เพราะเป็นการปรุงแต่งเพื่อให้ได้สายที่ให้เสียงที่ชอบ เห็นไหม สายยังไม่แฟลตเลย ความจริงคุณไม่ยอมรับเสียงที่แฟลตหรอก แต่จะปลื้มกับคำว่าแฟลตบนตัวหนังสือ ทำไมเรารู้ว่าเสียงที่ดังจากข้างบ้านคือเสียงดนตรีจริง ไม่ใช่ดังจากเครื่องเสียง เพราะ นั่นคือเสียงธรรมชาติ ศิลปะก็คือธรรมชาติอันเป็นสิ่งรอบตัวเรานั่นเอง เราฟังเครื่อง เสียง มันก็คือการเลียนแบบธรรมชาติ แต่เราอย่าไปหลีกหนีมันสิ ธรรมชาติของเสียง กลอง ไม่ว่าตีตรงนี้หรือตีตรงโน้นก็ควรเหมือนกัน กำลังจะเปรียบให้ฟังว่าลำโพงเล็ก หรือใหญ่ ถ้าให้เสียงเป็นธรรมชาติของเสียงกลองจริง มันก็ควรให้เสียงกลองชัดขึ้น หรือดังเบาลง เมื่อขนาดกลองเล็กลง ถ้าเราเข้าใจแบบนี้ เราจะฟังเพลงมีความสุขขึ้น เพราะมันเป็นแบบนี้เอง อย่าไปหาเหตุอะไรมากไปเลย นั่นคือความจริง 

ในส่วนของการตลาดซึ่งเป็นคนละเรื่อง ผมยอมจ่ายกับเครื่องเสียงที่ให้เสียง ธรรมชาติในราคาที่เหมาะสมเท่านั้น ผมว่ายุคนี้เครื่องเสียงหลายตัวแพงจริงและ ก็ดีจริง เพราะถูกออกแบบมาอย่างนั้น มีเครื่องเสียงหลายตัวราคาแพงเกินไปไม่มี เหตุผล ไม่เหมาะสม ไม่มีเหตุผลอันควรที่จะลงทุน เอางี้ เอาเพาเวอร์แอมป์มาตั้ง เอาอะไรมากำหนดราคาค่าตัวมัน มันมีต้นทุน มีค่าการตลาด มีกำไร โน่นนี่นั่น แต่ ไม่มีใครกำหนดมูลค่าที่แท้จริงของมันเลย เครื่องเสียงที่ดีสำหรับผมต้องให้เสียงที่ผม พอใจ เล่นแผ่นซีดีที่คุณชอบ แผ่นราคา 130 บาท ถ้าคุณชอบมัน เปิดฟังบ่อยๆ ฟัง เมื่อไหร่ก็มีความสุข แผ่นนั้นอาจมีค่าเป็นพันบาท กำไรตั้งแปดร้อยกว่าเชียวนา ใน ทางกลับกัน เครื่องเสียงแพงกว่านี้เล่นแผ่นออดิโอไฟล์ราคาเป็นพัน จะด้วยเหตุผลอะไรไม่ทราบ แต่คุณกลับไม่ชอบ ราคามันเหลือแค่ยี่สิบบาทเท่านั้น มัน ไม่ใช่เรื่องผิดเรื่องถูก เราคงไม่จำเป็นต้องชอบเหมือนคนอื่น สินค้าแต่ละ แบรนด์ก็มีลูกค้าของเขา มันเป็นเรื่องปกติ จะเกิดอะไรขึ้นที่เด็กสมัยนี้ฟัง เพลงจาก YouTube ซึ่งมันคือ MP3 นั่นเอง ธุรกิจเพลงถึงสาหัสขนาดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เราไม่ปลูกฝังรสนิยมที่ดีให้กับคนในชาติของเรา น่า เสียดาย พวกนี้จึงเสพขยะเข้าไปทั้งนั้น 

อย่หลงทงเพระเชื่อคนอื่น 

ไม่ว่าจะถ่ายรูปหรือเล่นเครื่องเสียงต้องเชื่อตาและหูตัวเอง ชอบคุณก็ซื้อ เงินของคุณ อะไรกัน เขาบอกว่าฟังวงแจ๊ส Trio ต้องชุดนี้ ฟังซิมโฟนีต้อง ชุดนี้ ชุดเล็กเล่นฟังไม่ได้ ตกลงบ้านผมต้องมีกี่ชุดฟะ ไปตามเขาก็ไม่ไหว บ้าไปแล้ว คุณต้องมีเงินกี่สิบล้านกันถึงจะพอ ความเห็นผมนะ ว่ามัน ไม่เข้าเรื่องเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งไปเอา B&W 801 มา ฟังที่บ้านเขา แหม… เสียงร้องมันหวานซะ เบสโอบมาข้างหลังเลย เสร็จแล้วยกกลับบ้าน สองแสนกว่าก็จะเอา เอามาฟังที่บ้านอยู่สามวันสามคืน ไม่ใช่แล้ว จริงๆ โน้ตตัวแรกก็ไม่ใช่แล้ว มันแม็ตชิ่งไม่ได้เลย ไม่ใช่ลำโพงไม่ดี เพียงแต่ไม่คู่ควรกับซิสเต็มในบ้านผม บ้านผมไม่เหมาะกับลำโพงคู่นี้ ตกลงแบกเอาไปคืน อยากหักเปอร์เซ็นต์เท่าไหร่ก็ยอม แต่เขาก็ไม่คิดตังค์หรอก แต่มันสอนผมเลยว่า ไอ้ DIY (Damn It Yourself ) นี่มันหลงทางชัดๆ 

อ่านนิตยสารยุคนั้นโดยผู้รู้ไม่พูดเรื่องจริงกับเรา เราก็เพ้อไปตามเขา อย่าง อ่านรีวิวแล้วอยากได้ ต้องนั่งรถ ขี่เครื่องบินเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปฟัง ไม่รู้ว่าเขาจะ ต้อนรับเราหรือเปล่า เราไม่ได้แต่งตัวดี คุณเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่เหมือนที่ผมรู้จักเสี่ยเบนซ์ ที่อยากลองแบบไหน ลองเลยเฮีย มันต่างกันจริงๆ จากวันนั้นผมก็ไปขอฟังหมด เวลา ฟังผมจะฟังอย่างเดียว ปิดตาเลย แบรนด์อะไรผมไม่สนใจเลย ไม่ดูยี่ห้อ ขืนดูโหงวเฮ้ง เมื่อไหร่ ผมว่าเอียงแน่ เพราะผมจะเชื่อตัวเอง ผมเล่นดนตรีด้วย ผมฟังเพลงเพื่อ ความสุนทรี ไม่ติดแบรนด์ บางคนติดคำวิจารณ์ของ Harry Pearson หรือคนอื่น เขาชมมาก็เชื่อเขา ไม่ใช่พ่อใช่แม่ผมนี่ ทำไมต้องเชื่อ เราก็ฟังเอาเองสิ หลายๆ อย่าง เลย อย่างลำโพงเล็กๆ อย่าคิดว่าแอมป์ต้องเล็กตาม เพราะเราฟังไม่ดัง แต่มันคือ ความสามารถที่จะหยุดกรวยลำโพงต่างหาก เพาเวอร์แอมป์สามารถควบคุมมันได้ไหม กำลังจะบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นลำโพงใหญ่หรือเล็ก กำลังของเพาเวอร์แอมป์ต้องดี กล้ามต้องใหญ่ไว้ก่อน จะให้ออกแรงเมื่อไหร่ต้องมาเลย ข้อสำคัญแม็ตชิ่งต้องได้ ของแพง ไม่แพงไม่สำคัญ แต่ลำโพงคู่ละล้านกับแอมป์ตัวละสองพัน ทำให้ตายไม่มีทางแม็ตช์ หรอก มันควรจะไปด้วยกันได้ ขำอีกอย่าง บางคนบอกว่าแอมป์แฟลต ลำโพงก็แฟลต แต่ควรฟังกับเพลงร้องหรือเพลงแจ๊ส ถ้าพูดแบบนี้ แฟลตตรงไหน มันควรจะตอบสนองไดนามิกเรนจ์ได้กว้าง ไร้ข้อจำกัดสิ ถึงจะถูก หมายความถึงตอบสนองได้ทุกย่าน ความถี่อย่างสมดุล เปิดยังไงก็เพราะ บางคนบอกว่าลำโพงคู่นี้เป็นลำโพงมอนิเตอร์ อยู่ ในสตูดิโอดังๆ ของโลก แต่ถ้าฟังแล้วจะจืด ไม่สดใสนะ ถามหน่อยเถอะ ซื้อทำไม ทำไม ไม่ซื้อลำโพงที่สดใสล่ะ จะฟังเสียงจืดๆ ชืดๆ ทำไม คุณควรจะซื้อลำโพงที่คุณฟังแล้ว สดชื่นมีความสุข จะดียังไงถ้าฟังแล้วคุณไม่ชอบ ฟังแล้วไม่มีความสุข ภูมิใจนักเหรอ ที่มีลำโพงมอนิเตอร์ แต่เสียงชืดมาก แต่กรูมีความสุขมาก ภูมิใจที่เป็นเจ้าของ เห็นไหมว่ากรูมีลำโพงมอนิเตอร์ชั้นดีนะเนี่ย ผมว่ามันไม่ใช่ มันขัดกับความเป็นจริง ผมเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ผมไม่เอากับคุณแล้ว ผมว่าคุณบ้าไปแล้ว อย่าให้เอ่ยเลยว่าเป็นใคร กูรูบางคนสมัยนี้ บ้ามาก เลอะเทอะ หลุดโลกไปแล้ว เป็นนักเขียนที่เก่ง เขียนเนียน เก่งที่ทำให้คนเชื่อเขาได้ ยอมรับว่าเป็นนักการตลาดที่เก่ง ที่พูดมานี่เป็นความคิดเห็น ส่วนตัวของผมนะ คุณไม่จำเป็นต้องมาตามผมก็ได้ 

ฝากถึงแฟนหนังสือ ออดิโอไฟล์ 

ผมยังเห็นว่าการการเล่นเครื่องเสียง ฟังเพลง เสียง ดนตรี เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต ดนตรีเป็นศิลปะแขนง หนึ่งที่ช่วยจรรโลงจิตใจ ทุกคนมีศิลปะในใจของตัวเอง อยู่แล้ว ดนตรีมีหลายแนว คุณชอบแนวนี้เพราะคุณมีวิจารณญาณของตัวคุณเอง เราควรปลูกฝังนิสัยการ ฟังดนตรีให้กับเด็กๆ จะยิ่งดีถ้าเล่นดนตรีเป็นด้วยก็ยิ่งดี จะทำให้เป็นคนที่จิตใจดี อ่อนโยน โลกที่มันยุ่ง แย่งชิงรบราฆ่าฟันกันทุกวันนี้ก็เพราะกิเลส อยากได้ ของคนอื่น เครื่องเสียงไม่จำเป็นต้องแพง ไม่ต้องถึงกับ เดือดร้อนกู้หนี้ยืมสินซื้อมาฟัง จะเกิดทุกข์ เราอาจจะฟังจากหูฟังที่พกพาไปที่ไหนก็ได้ ประเด็นคือ… ขอให้ฟังมันอย่างมีความสุขเถอะ การฟังเครื่องเสียงที่ถูกต้อง คือ ฟังแล้วไม่เครียด เครียดเพราะหนี้สิน จะฟังเพลง เพราะตรงไหน ฟังแล้วรู้ว่ามันสื่ออะไรให้กับเรา อย่า แปลกใจว่าทำไมบางคนฟังดนตรีแล้วน้ำตาไหล แผ่น ต้องซื้อ หรือยืมแล้วไม่คืนก็ได้นะ… 555 

ความสุขเล็กๆ ในบ้านสไตล์โฮมสตูดิโอ ตกแต่ง มีสไตล์ที่แปลกตาในทุกมุมมอง เครื่องเสียงในห้องฟังของห้องโถงกลางบ้าน แม้กระทั่งในห้องน้ำบันไดทาง ขึ้น ล้วนบ่งบอกตัวตนของโปรแดงเป็นอย่างดี ต้องขอขอบคุณเสี่ยเบนซ์ และคุณสมชายแห่งขอนแก่นไฮไฟ ในฐานะเจ้าถิ่นไว้ ณ ที่นี้ด้วย และที่คุณผู้อ่านได้ทราบ เรื่องราวเช่นนี้ก็เพราะ…. “WE ARE AN AUDIOPHILE”. ADP 

นิตยสาร AUDIOPHILE VIDEOPHILE ฉบับที่ 231