ฟิวส์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับเครื่องเสียง หรือที่เราเรียกติดปากว่า “ฟิวส์ออดิโอเกรด” นับเป็นอุปกรณ์เสริมอย่างหนึ่งที่ได้การยอมรับในวงการแล้วว่ามีผลต่อคุณภาพเสียง

หลายคนอาจไม่ทราบว่า นักเล่นเครื่องเสียงเมืองไทยใช้ฟิวส์ออดิโอเกรดกันมากว่า 20 ปีแล้ว โดยบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการผลิตฟิวส์ออดิโอเกรดรายแรกของโลก คือ HiFi-Tuning จากเยอรมนี

โดยส่วนตัว ผมเองมีฟิวส์ของ HiFi-Tuning ใช้งานอยู่แล้ว คือ Ultimate Silver/Gold รุ่นเก่าที่เข้ามาจำหน่ายในบ้านเรากว่า 10 ปีแล้ว มีบอดี้เป็นเซรามิก ใช้ตัวนำลวดเงินบริสุทธิ์ แคปเงินเคลือบทอง ผ่านกระบวนการไครโอเจนิก ถือเป็นฟิวส์เครื่องเสียงเทคโนโลยีสูงของยุคนั้น

จำได้ว่าอ่านรีวิวจากนิตยสาร Stereophile แล้วตัดสินใจสั่งมาทดลองทันที ด้วยความสงสัยว่า ฟิวส์ตัวเล็กๆ จะช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงได้เพียงไร ผลลัพธ์คือ มันช่วยยกระดับเสียงได้จริง และแตกต่างจากการอัพเกรดปลั๊ก IEC หรือสายไฟเอซีออดิโอเกรด เป็นการเปลี่ยนแปลงระดับไมโคร แต่ส่งผลต่อโครงสร้างโดยรวมของเสียงอย่างไม่น่าเชื่อ เนื่องจากกระแสไฟต้องวิ่งผ่านลวดตัวนำเส้นเล็กนี้ก่อนเข้าสู่วงจรอุปกรณ์

นี่คือความบันเทิงของการเล่นเครื่องเสียง จ่ายเงินเพียงร้อยหรือพันบาท แต่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณที่ชัดเจน ใกล้เคียงกับการเปลี่ยนสายไฟเอซี

ปัจจุบันมีฟิวส์ออดิโอเกรดให้เลือกหลากหลายมากขึ้น (ส่วนตัวก็สะสมหลายรุ่น) ทั้งแบรนด์เอเชีย ยุโรป หรือแม้กระทั่งของคนไทย เทคนิคการผลิตก็ก้าวหน้าไปมาก ราคาตั้งแต่หลักพันจนหลักหมื่น เรียกว่าราคาพุ่งไม่แพ้ทองคำ!

แต่หลักการส่วนตัวยังถือว่า “ฟิวส์ คือ เครื่องมือป้องกันความเสียหายต่ออุปกรณ์” เป็นอันดับหนึ่ง นั่นหมายความว่า มันต้องทำงานตามสเปคด้านความปลอดภัย ยอมรับว่ายัง “ใจไม่ถึง” หากต้องใช้ฟิวส์ออดิโอเกรดราคาหลักหมื่น แม้โอกาสฟิวส์ขาดมีน้อย และได้ยินคำชื่นชมว่า คุณภาพมหัศจรรย์ก็ตาม

ถือเป็นข่าวดีที่ทาง เคลฟ ออดิโอ นำ HiFi-Tuning เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และเริ่มทำตลาดใหม่ มาพร้อมฟิวส์เวอร์ชั่นล่าสุดชื่อ Supreme³” ซึ่งเป็นพัฒนาการก้าวหน้าจากรุ่น Ultimate ที่ใช้งานมาหลายเจนเนอเรชั่น โดยครั้งนี้ Mr. Bernd Ahne เจ้าของ HiFi-Tuning เดินทางมาเยือนเมืองไทยด้วยตัวเอง

นอกจากเป็นผู้ก่อตั้ง HiFi-Tuning แล้ว คุณ Bernd Ahne ยังเป็นที่รู้จักในระดับโลก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านเสียง ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา รวมถึงการได้รับความสนใจจาก NASA ที่ได้ส่งจดหมายถึงเขาเพื่อสอบถามเกี่ยวกับผลงานต่างๆ

แนวคิดของเขาคือ ระบบเสียงจะดีได้เท่ากับจุดที่อ่อนแอสุด

ชิ้นส่วนเล็กที่สัญญาณ/กระแสต้องไหลผ่านจึงมีผลรวมต่อคุณภาพเสียง แม้เครื่องมีราคาสูงก็ตาม นี่คือเหตุผลที่เขาใส่ใจกับฟิวส์และฮาร์ดแวร์ฝั่งไฟฟ้าอย่างจริงจัง โดยมีหลักการออกแบบสำคัญดังนี้

  • ใช้ เซรามิก แทนกระจกเป็นบอดี้เพื่อลดเรโซแนนต์ และเพิ่มความแข็งแรง
  • ลวดตัวนำ/แคปทั้งสองด้าน ทำจากวัสดุเดียวกันเพื่อลดจุดต่อโลหะต่างชนิด
  • มีการ แดมป์ ตัวนำที่ใช้ทำไส้ฟิวส์ด้วยสารเคลือบเฉพาะ
  • ทำ ไครโอทรีตเมนต์ ที่เบอร์ลิน ก่อนบรรจุแต่ละชิ้นด้วยมือ
  • เป้าหมายคือ ค่าความต้านทานภายใน ที่ต่ำกว่าฟิวส์ทั่วไป

ฟิวส์โรงงานทั่วไปมีราคาถูกและได้มาตรฐานสำหรับการป้องกัน แต่ไม่ใส่ใจคุณสมบัติที่ส่งผลต่อเสียง เช่น วัสดุที่ใช้ การสั่นสะเทือนของเส้นลวด หรือการรบกวนจากขั้วแม่เหล็ก เป็นต้น เขาจึงออกแบบให้ “จุดสัมผัส/โลหะทางเดินกระแส” มีคุณภาพสูง และสอดคล้องกันตลอดเส้นทาง เพื่อไม่ให้ฟิวส์กลายเป็นคอขวด

Supreme³ Silver/Gold: รุ่นนี้ถือว่าอัพเกรดจากรุ่น Ultimate เดิมอย่างมาก กระบอกฟิวส์เป็นเซรามิกดำผสมสารพิเศษ ลวดตัวนำอัลลอย (เงินบริสุทธิ์ 99% ผสมทองคำ 1%) เช่นเดียวกับแคปหัว-ท้าย ปกติฟิวส์เงินผลิตแบบ slow blow ได้ยากมาก เนื่องจากคุณสมบัติการนำไฟฟ้าสูง แต่คุณ Ahne ก็ทำออกมาได้สำเร็จ

Supreme³ Copper: กระบอกฟิวส์เป็นเซรามิกดำผสมสารพิเศษ ลวดตัวนำทำจาก “Cardas Grade 1 Copper” ทองแดงความบริสุทธิสูง ปราศจากเกรน แคปหัว-ท้ายใช้วัสดุเดียวกันแต่เคลือบชั้นทองคำบาง 0.2 ไมครอน ป้องกันออกซิเดชั่น ผ่านกระบวนการ WA-Quantum ซึ่งบริษัทเคลมว่าช่วยลดความต้านทานและการรบกวนทางไฟฟ้า

Supreme³ Diamond: ฟิวส์รุ่นท็อปสุดของตระกูล ซึ่งมีทั้งเวอร์ชั่น Silver/Gold และ Copper ด้านวัสดุและเทคนิคก็คล้ายกับรุ่น Supreme³ ปกติ แต่ไฮไลต์ คือ การฝังเพชรลงไปบนกระบอกฟิวส์ ซึ่งคุณ Ahne ให้ข้อมูลไว้ว่า เพชรธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์สูงมีผลดีต่อการส่งผ่านคลื่นเสียง ช่วยเพิ่มความชัดเจนและโปร่งใสไปอีกระดับ

ส่วนประกอบทั้งหมด (ยกเว้นทองแดงคาร์ดาส) มาจากเยอรมนี ประกอบด้วยมือทุกขั้นตอน ใช้ตะกั่วเงิน Supreme³ สูตรของบริษัท ผ่านการทำ cryogenic treatment ลดอุณหภูมิของวัสดุเพื่อปรับปรุงโครงสร้างโมเลกุล และ demagnetize เพื่อลดการสะสมสนามแม่เหล็กในวัสดุ

ที่สำคัญคือคุณ Ahne เชื่อว่า ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อให้ได้เสียงคุณภาพสูงสุด จึงเลือกราคาขายปลีกที่ทุกคนเข้าถึงได้ เพื่อให้นักเล่นจำนวนมากได้ลองเล่นกันจริงๆ ซึ่งหากจะเทียบคุณภาพของ HiFi-Tuning กับฟิวส์ออดิโอเกรดในตลาดปัจจุบัน ผมถือว่าสมเหตุผลทั้งในแง่คุณภาพและราคา

สำหรับฟิวส์ Supreme³ ที่นำมาทดสอบ มีสองรุ่นคือ Supreme³ Copper และ Supreme³ Silver/Gold ขนาด 5x20mm แบบ Slow blow (ฟิวส์แบบขาดช้า) ทางร้านส่งค่า T 6.3A มาให้อย่างละหนึ่งตัว ซึ่งสูงกว่าที่ระบุไปคือ 3.15A เป็นการเผื่อเอาไว้ก่อน

ฟิวส์ออดิโอเกรดต้องการระยะ burn-in เนื่องจากวัสดุตัวนำและโครงสร้างพิเศษ คุณสมบัติเสียงบางอย่างจะปรากฎชัดเจนและคงที่ เมื่อใช้งานไปสักระยะ อย่างน้อย 100 ชั่วโมงขึ้นจึงจะสรุปผลได้ แต่ฟิวส์ทั้งสองก็แสดงตัวให้เห็นตั้งแต่ชั่วโมงแรกแล้ว ทำให้มีกำลังใจ burn-in ต่อ แตกต่างจากฟิวส์บางรุ่นที่ชั่วโมงแรกฟังดี แต่คุณภาพเสียงจะผันผวนขึ้นลงสลับกันไปจนทุกอย่างเสถียร ซึ่งไม่ค่อยสนุกนัก

เรื่องทิศทาง ขีดเส้นใต้ไว้ว่า “สำคัญมาก” สำหรับการใช้ฟิวส์ออดิโอเกรด ผู้ผลิตมักระบุลูกศรบอกทิศทางมาให้ แต่หากไม่มี ให้สังเกตจากอักษรที่สกรีนบนฟิวส์ ส่วนทิศที่ถูกต้องให้ทดลองกลับด้านฟิวส์ แล้วเทียบเสียงดู หากผิดด้านเวทีเสียงจะหุบ มิติจะแบนเหมือนหน้ากระดาน แบบสังเกตได้ชัดเจน แนะนำให้ใช้วิธีฟังจริงแทนที่จะยึดติดกับทิศทางลูกศรหรือตัวหนังสือ

ในการทดสอบครั้งนี้ ผมเปลี่ยนฟิวส์ HiFi-Tuning ทั้งสองรุ่นเข้าที่ภาคจ่ายไฟลิเนียร์ของ Topping P50 ที่ต่อกับสตรีมเมอร์ WiiM Pro และอีกสองตำแหน่งคือ ท้าย IEC ของ DAC Gustard X26III สลับกับเน็ตเวิร์คทรานสปอร์ต S26 เพื่อสรุปผลการเปลี่ยนแปลงในภาพรวม

หมายเหตุ สำหรับการทดสอบจะใช้ค่าฟิวส์ T 6.3A แต่ในการใช้งานจริงควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับกระแสไฟของอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย

หน้าที่หลักของฟิวส์ออดิโอเกรด คือเสริมคุณสมบัติทางเสียงที่มีอยู่แล้วของอุปกรณ์หลัก ในแง่ความสะอาด โปร่งใส และไดนามิก ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งจะดีขึ้นแค่ไหนขึ้นอยู่กับศักยภาพของอุปกรณ์นั้น แต่ด้วยโครงสร้าง วัสดุ และกระบวนการผลิตเฉพาะตัว ทำให้มีคาแรกเตอร์เฉพาะตัวที่ผสมผสานเข้าไป

ฟิวส์ HiFi-Tuning ทั้งสองรุ่นนี้ก็เช่นเดียวกัน มีบุคลิกเสียงเฉพาะตัวที่โดดเด่นแตกต่างกันอย่างชัดเจน เหมือนศิษย์ร่วมสำนักที่ได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาจากอาจารย์เดียวกัน แต่ต่างก็มีกำลังภายในที่โดดเด่นไปคนละสาย

ฟิวส์รุ่นนี้ให้ความสมดุลในทุกย่านเสียงอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะย่านกลางมีความอบอุ่น และชัดถ้อยชัดคำดีมาก บรรยากาศรอบตัวโน้ตเด่นชัด ทำให้แต่ละเสียงมีพื้นที่ของตัวเอง น่าแปลกที่ไม่ทำให้ความใสลดลง ยังคงให้ช่องไฟที่แยกแยะได้ชัดเจน ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากคุณสมบัติ “ความเงียบ” ของพื้นเสียงที่ดีเยี่ยม ทำให้รายละเอียดเสียงเล็กๆ ยังครบถ้วน อย่างเสียงกระทบของไม้ตีกลอง หรือเสียงลากคันชักไวโอลิน แสดงผิวเสียงหรือเท็กซ์เจอร์ของเครื่องดนตรีตามลักษณะที่ควรเป็น มีความนุ่มนวล ไม่จัดจ้าน หรือแข็งกระด้างผิดธรรมชาติ

เรื่องเวทีเสียง ฟิวส์นี้ไม่ยุ่งเกี่ยวกับขนาดหรือสัดส่วน เป็นไปตามความสามารถของซิสเต็ม แต่จะช่วยเสริมมิติความลึกและบรรยากาศภายในเวทีเสียงให้มีความเข้มข้น ทำให้รู้สึกถึงชั้นมิติที่ลดหลั่นกันได้ดีขึ้น เช่น ดนตรีคลาสสิกที่บรรเลงโดยวงออร์เคสตร้า ตำแหน่งเครื่องเป่าลมไม้และเครื่องสายชัดเจน นอกจากนี้ยังมีทรวดทรงกลมกลึง ไม่แบนราบ ซึ่งคล้ายคุณสมบัติของสายคาร์ดาสรุ่นใหญ่อยู่หลายส่วน

เรื่องไดนามิกเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่น Copper ที่เรียกว่ามีชั้นเชิง คือฟังผ่านๆ มีความนิ่ง ราบรื่น และประณีตในการนำเสนอช่วงที่ดนตรีต่อเนื่องหรือแผ่วเบา แต่ในช่วงที่ดนตรีโหมกระหน่ำ หรือมีทรานเชี้ยนต์ฉับพลัน ก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วหนักแน่น โดยไม่เสียโทนัลบาลานซ์ เสมือนมีพละกำลังแฝงที่ถ่ายทอดออกมาทั้งเข้มแข็งและอ่อนช้อยอย่างสมดุล ไม่มีบุคลิกเฉพาะตัวที่โดดเด่นเกินไป ทำให้เข้ากันได้กับทุกอุปกรณ์

แม้โครงสร้างพื้นฐานทางเสียงใกล้เคียงกัน คือ ความสะอาด โปร่ง และ ไดนามิกที่ชัดเจนขึ้น แต่บุคลิกของรุ่น Silver/Gold ถูกนำเสนอในโทนที่สว่างกว่า โดยยังคงรักษาสมดุลเสียงที่ดีไว้

เหมือนความสว่างยามเช้าตรู่ที่มีความอบอุ่นนิดหน่อย แต่สว่างสดใส เทียบกับรุ่น Copper ซึ่งเป็นความสว่างยามเย็นโพล้เพล้ที่อบอุ่นกว่าและดูสงบผ่อนคลาย

รายละเอียดหยุมหยิมเล็กๆ ถูกนำเสนอได้อย่างหมดจดและแม่นยำ เรียกว่าใครที่ชอบฟังแบบเก็บรายละเอียดจะต้องหูผึ่งแน่นอน อย่างอัลบั้มแนว vocal โดยเฉพาะเสียงนักร้องหญิงจะได้ยินทุกอักขระอย่างชัดเจนขึ้น โดยไม่ต้องตั้งใจฟัง ยิ่งอัลบั้มที่บันทึกเสียงมาดี ยิ่งยอดเยี่ยมเป็นทวีคูณ เสียงกีตาร์ก็ได้ยินรายละเอียดการกรีดสายที่แยกแยะได้ชัดเจนครบถ้วนทั้งตัวเสียงและฮาร์โมนิก ทำให้มีความฉ่ำหวานของเสียงที่มีเสน่ห์ พวกเสียงเครื่องเป่าทองเหลืองจะเผยความสดและแน่นออกมาอย่างน่าประทับใจ ไร้ความหยาบกร้านของเนื้อเสียง

ไดนามิกเร้นจ์มีความเปิดกว้างพอๆ กัน แต่ในแง่คอนทราสต์ รุ่น Silver/Gold มีลีลาที่คึกคักเร้าใจมากขึ้น มีความเด็ดขาดฉับพลันกว่า เสียงเคาะโลหะอย่างฉาบหรือไตรแองเกิล เสียงเบสหรือกลอง มีอิมแพ็กที่เร็ว แน่นและกระชับ มีน้ำหนักพอเหมาะ การทอดตัวของหางเสียงจางหายไปอย่างธรรมชาติ รักษาสมดุลระหว่างความโปร่งพลิ้ว และความหนักแน่นอย่างลงตัว เวทีเสียงแผ่กว้างกว่ารุ่น Copper ให้อิมเมจที่หลุดลอยขาดออกจากพื้นหลังอย่างชัดเจน ช่วยเสริมอรรถรสการฟังได้ดีเป็นพิเศษ

จากประสบการณ์ในการเล่นฟิวส์ HiFi-Tuning มาตั้งแต่รุ่นแรกๆ คุณภาพเสียงของฟิวส์รุ่น Supreme³ มีการยกระดับขึ้นอีกมาก โดยเฉพาะเนื้อเสียงที่สะอาดเกลี้ยงเกลา ไม่มีคำว่าจัด คม กระด้าง หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย ช่วยเสริมคุณสมบัติด้านไดนามิกของอุปกรณ์ได้อย่างน่าประทับใจ หากชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ ต้องการอัพเกรดคุณภาพเสียง และช่วย “เกลี่ย” โทนัลบาลานซ์ให้ราบรื่นขึ้น แนะนำ Supreme³ Copper ส่วนใครที่อยากเพิ่มความสดใส ความพลิ้วกังวานของปลายเสียง หรือหวังผลกับระบบภาพด้วยละก็ Supreme³ Silver/Gold คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด ADP.

HiFi-Tuning: Supreme³ Copper
5x20mm ราคา 2,990 บาท

HiFi-Tuning: Supreme³ Silver/Gold
5x20mm ราคา 2,990 บาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
บริษัท เคลฟ ออดิโอ
โทร. 02-932-5981