ในโลกของออดิโอไฟล์ การไล่ล่าหาความสมบูรณ์แบบของเสียงเป็นเส้นทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด บางครั้งเราพบว่า ตัวเองกำลัง “ขี่ช้างจับตั๊กแตน” เสียเงินมากมายกับอุปกรณ์เสริมที่ให้ผลตอบแทนเพียงเล็กน้อย แต่ในบางครั้ง หากเกาถูกที่คันก็สร้างการเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจได้เช่นกัน

เสน่ห์ของการเล่นเครื่องเสียง มันก็เป็นแบบนี้

ตอนนี้ streaming music กลายเป็นแหล่งโปรแกรมหลักสำหรับคนรักเสียงเพลงไปแล้ว โดยเฉพาะนักเล่นเครื่องเสียง เราเลยต้องมาถกเถียงกันถึงคุณภาพของระบบเน็ตเวิร์ค โดยเฉพาะเรื่อง น้อยส์ (noise) และ จิตเตอร์ (jitter) ซึ่งมีผลกระทบต่อคุณภาพเสียงโดยตรง

คำกล่าวที่ว่า garbage in, garbage out – หากป้อนข้อมูลที่มีความผิดพลาดหรือมีสัญญาณรบกวนเข้าไปในระบบ ย่อมไม่มีทางทำให้ผลลัพธ์ปลายทางสมบูรณ์แบบได้ ยังใช้ได้เสมอ

ในระบบสตรีมมิ่ง “ทางเข้า” ที่ว่า เริ่มต้นที่เน็ตเวิร์คจากโมเด็มเราท์เตอร์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตของผู้ให้บริการเข้ามานั่นเอง

หากสังเกตการณ์เล่นสตรีมมิ่งในระดับไฮเอนด์ ล้วนเชื่อมต่อสาย LAN เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงสูงสุด เนื่องจากมีข้อได้เปรียบเหนือ WiFi ในแง่ความเสถียรและการจัดการสัญญาณรบกวน

ดั้งนั้น เราท์เตอร์ / เน็ตเวิร์ก สวิตช์ ที่เชื่อมต่อผ่านสาย LAN ไปยัง DAC หรือ สตรีมเมอร์ จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบเครื่องเสียงยุคใหม่โดยปริยาย

แม้ว่า เราท์เตอร์ หรือ เน็ตเวิร์ก สวิตช์ ทั่วไป มีระบบป้องกันข้อมูลสูญหาย (TCP/IP และระบบบัฟเฟอร์) ได้จริง แต่มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อกำจัดสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าที่มีผลต่อคุณภาพเสียง และยังสามารถสร้างสัญญาณรบกวนเข้าสู่ระบบเน็ตเวิร์กไปยังอุปกรณ์เครื่องเสียงได้หลายรูปแบบ

  • Phase noiseจาก clock ในวงจร ทำให้ส่งแพคเก็จข้อมูลในจังหวะเวลาไม่สม่ำเสมอ
  • Ground-plane noiseจากระนาบกราวด์ของ PCB ที่ออกแบบไม่ดีพอ
  • Electrical noise – จากแหล่งจ่ายไฟ เพิ่มน้อยส์ฟลอร์ให้ระบบ
  • EMIคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แพร่ผ่านสาย Ethernet และอุปกรณ์ต่างๆ

Figure 1ภาพเปรียบเทียบสัญณาณรบกวนที่ทำให้รูปคลื่นผิดเพี้ยน

อุปกรณ์เครื่องเสียง โดยเฉพาะภาค DAC มีความอ่อนไหวต่อสัญญาณรบกวนเหล่านี้ ซึ่งสามารถสะสมจนส่งผลต่อการแปลงสัญญาณเป็นแอนะล็อก ทำให้รูปคลื่นผิดเพี้ยนไปจากต้นฉบับที่รับรู้ได้ เช่น ระดับแบคกราวด์นอยส์สูงขึ้น, เสียงแหลมจัดกระด้าง หรือ มิติเสียงแบนหุบแคบ แถมอาการยังผันผวนตามสภาพแวดล้อมยากต่อการระบุสาเหตุ กลายเป็นปัญหาที่ซ่อนอยู่ในระบบ

เราท์เตอร์ หรือ เน็ตเวิร์ก สวิตช์ ออดิโอเกรด จึงเข้ามามีบทบาท เพราะมีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ใช้วงจร clock ที่แม่นยำสูง มีระบบแยกสัญญาณที่ดี ช่วยลดสัญญาณรบกวนและปรับปรุงคุณภาพแพคเก็จข้อมูลที่ส่ง ทำให้เสียงและภาพที่ได้จากการสตรีมมีคุณภาพใกล้เคียงกับการเล่นไฟล์โดยตรงจากอุปกรณ์จัดเก็บในเครื่อง

แต่แนวทางนี้ ส่วนใหญ่ต้องลงทุนสูง ทำให้ผลลัพธ์ทางเสียงอาจไม่คุ้มค่าในซิสเต็มระดับเริ่มต้นถึงกลาง เมื่อเทียบกับไฮเอ็นด์ซิสเต็มที่ไวต่อรายละเอียด

Fidelizer เป็นแบรนด์สินค้ากลุ่มเน็ตเวิร์กออดิโอ ก่อตั้งและพัฒนาโดยคุณนนท์ (Keetakawee Punpeng) มาหลายปี และโกอินเตอร์ไปสร้างชื่อกับสื่อชั้นนำในต่างประเทศ อาทิ 6Moon, Audiostream, Positive Feedback, Stereophile มาแล้วมากมาย

ล่าสุดคุณนนท์ ประกาศว่า HyperLink คือ “เน็ตเวิร์ก สวิตช์ สำหรับฟังเพลงที่จับต้องได้ง่ายที่สุดในโลก” นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี สำหรับผู้ที่อยากทดลองอัพเกรดคุณภาพแบบชิมลางก่อน  โดยไม่ต้องรีบกระโดดไปลงทุนกับเน็ตเวิร์ก สวิตช์ หลักหมื่นหลักแสนในทันที

HyperLink เป็นการนำ 8-Port Gigabit Ethernet Switch ปกติ ที่ใช้ไฟเลี้ยงจากอะแดปเตอร์ขนาด 12V/1A มาทำการโมดิฟายในหลายๆ จุดเพื่อเพิ่มคุณภาพเสียงและประสิทธิภาพ

  • อัพเกรดตัวเก็บประจุที่จุดรับไฟเข้าและส่วนจ่ายไฟ ด้วยตัวเก็บประจุแบบโพลิเมอร์ไฮบริดที่มีความจุสูงและความต้านทานต่ำเพื่อลดสัญญาณรบกวน
  • ใช้ Clock Oscillators ความแม่นยำสูงเพื่อลดจิตเตอร์และเพิ่มความเสถียรของสัญญาณ
  • ใช้การบัดกรีคุณภาพสูงเพื่อเพิ่มความหนักแน่นของเบสและไดนามิก รวมถึงถอดบัดกรีคุณภาพต่ำที่ช่องรับไฟออก และแทนที่ด้วยบัดกรีคุณภาพสูง
  • ติดตั้งขาตั้งยาง 3M คุณภาพสูงเพื่อควบคุมเรโซแนนซ์

เหมาะสำหรับสตรีมเมอร์, เครื่องแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอะนาล็อก (DAC), สมาร์ททีวี ช่วยลดสัญญาณรบกวน คล้ายตัวแยกสัญญาณ LAN ทำให้คุณภาพการสตรีม Tidal หรือ Netflix 4K ดีขึ้น

เหมาะสำหรับ: บ้านที่เน้นใช้ WiFi หรือระบบ Mesh WiFi กรองสัญญาณรบกวนก่อนกระจายผ่าน WiFi ช่วยให้สมาร์ทโฟน, แลบท็อป, สมาร์ททีวี ทำงานได้เสถียรขึ้น

  • เชื่อมต่อสาย LAN จากเราท์เตอร์ที่ช่อง 1 และเสียบอุปกรณ์อื่นที่ช่อง 3, 5, หรือ 7
  • การเสียบกับอุปกรณ์เพียงชิ้นเดียวจะได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

Fidelizer Aura เป็นภาคจ่ายไฟสวิตชิ่ง (SMPS) ระดับ medical grade ที่ออกแบบมาเพื่อให้กระแสไฟสะอาด สำหรับอุปกรณ์เน็ตเวิร์กในระดับเริ่มต้น เช่น เน็ตเวิร์ก สวิตช์ HyperLink หรือ Wi-Fi เราท์เตอร์ ซึ่งเน้นเรื่องความคุ้มค่าต่อประสิทธิภาพที่สูง

ตัวกล่องเป็นโลหะขนาด 96 x 140 x 45.5 mm น้ำหนัก 1 กก. จ่ายไฟ DC ได้สองชุด ใช้ขั้วต่อสายไฟเอซีแบบ IEC พร้อมเซรามิกฟิวส์อย่างดี ขนาด 3.15A/250V ในกล่องจะแถมสาย DC to DC (5.5mm x 2.5mm) ขนาด 2×18 AWG มาให้สองเส้น ตัวที่ได้มาเป็นเวอร์ชั่น 12V (สามารถสั่งซื้อเป็น 5V ได้)

จากข้อมูล คุณนนท์ เลือกใช้โมดูล SMPS ของ Meanwell ซึ่งนิยมใช้ใน DAC หรือแอมปลิฟายเออร์คุณภาพสูง เป็นพื้นฐาน และทำการปรับปรุงคุณภาพตามมาตรฐานแบบเดียวกับ Nikola ภาคจ่ายไฟรุ่นใหญ่ของ Fidelizer มีการวายริ่งสายใหม่เป็นทองแดงบริสุทธิ์แกนเดี่ยวขนาด 18 AWG คุณภาพดี made in USA ถอดขั้วต่อ AC input และ DC output ล้างทำความสะอาดบัดกรีลงบอร์ดตรงๆ เปลี่ยนการเชื่อมต่อ AC ground จากต่อหางปลาบนน้อตยึดบอร์ดเป็นบัดกรีลงจุดกราวด์บนบอร์ดตรงๆ และปรับ output voltage ให้แม่นยำระดับ .000 (ทศนิยม 3 ตำแหน่ง)

  • ให้กระแสไฟที่สะอาดและเสถียร ripple ต่ำกว่า 1% ลด ground-plane noise
  • กระแสรั่วต่ำ ลดการรบกวนและผิดเพี้ยนไปยังอุปกรณ์ในซิสเต็ม
  • สามารถจ่ายไฟ 12V/5A (หรือ 5V/10A) ให้กับสองอุปกรณ์พร้อมกัน
  • การใช้ Aura ร่วมกับ HyperLink จะเป็นโซลูชั่นที่ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น ตามที่ผู้ผลิตออกแบบมา ซึ่งก็สอดคล้องกับแนวทางของผู้ผลิตออดิโอเกรด เน็ตเวิร์ก สวิตช์ ระดับไฮเอนด์ที่มีการออกแบบภาคจ่ายไฟคุณภาพสูงให้ใช้ร่วมกัน

การเล่นกับระบบออดิโอเน็ตเวิร์ค จากประสบการณ์ ผมมองในภาพรวมเป็น ecosystem ซึ่งต้องใช้งานร่วมกันทั้งระบบจึงจะได้ผลอย่างแท้จริง เริ่มตั้งแต่ เราท์เตอร์ / เน็ตเวิร์ก สวิตช์, ภาคจ่ายไฟ, สายไฟเอซี, รวมถึงการใช้สาย LAN คุณภาพดีประกอบกัน

ไม่เหมือนการเล่นกับระบบแอนะล็อค เช่น การเปลี่ยนสายลำโพง สายนำสัญญาณ สายไฟเอซี หรือแม้แต่การเปลี่ยนฟิวส์ตัวเดียวในระบบก็ได้ปริมาณความเปลี่ยนแปลงที่ฟังออกชัดเจนกว่า

จากการทดลองกับอุปกรณ์ต่างๆ พบว่า การจัดการระบบไฟที่กล่องแปลงสัญญาณไฟเบอร์และเราท์เตอร์ของผู้ให้บริการด้วย Aura ส่งผลต่อคุณภาพมากที่สุด ส่วน HyperLink + DC adaptor ติดตั้งให้อยู่ใกล้อุปกรณ์ปลายทางมากที่สุด (ในที่นี้คือ ก่อนเข้าสตรีมเมอร์ SMSL N100)

ใช้สาย LAN Profinet Cat.6A Industrial grade สำหรับการเชื่อมต่อทั้งระบบ และทดสอบต่อเนื่องในสภาพการใช้งานจริงที่ต้องเปิดอุปกรณ์ทิ้งไว้ตลอด เกินหนึ่งสัปดาห์ พบว่า อุปกรณ์ทั้งหมดทำงานเสถียร ไม่มีความร้อนเกิน และให้คุณภาพที่ดีแบบสม่ำเสมอ

จากการทดลองใช้ Aura เป็นภาคจ่ายไฟสำหรับกล่องแปลงสัญญาณไฟเบอร์และเราท์เตอร์ แทนที่ภาคจ่ายไฟเดิม และเปรียบเทียบกับภาคจ่ายไฟแบบลิเนียร์ พบว่า Aura ซึ่งใช้เทคโนโลยีสวิตชิ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีในแง่ความเสถียรและการจัดการความร้อน

เมื่อเทียบกับภาคจ่ายไฟลิเนียร์ที่มักมีความร้อนสะสมสูง เมื่อใช้งานต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ซึ่งอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง เช่น สัญญาณรบกวนในระบบเพิ่มขึ้น Aura ช่วยลดปัญหาความร้อนและรักษาความเสถียรของไฟฟ้าได้ดีกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานต่อเนื่องยาวนาน

ในแง่คุณภาพเสียง สิ่งแรกที่สังเกตได้ไม่ยาก เมื่อเปลี่ยน Aura เข้าไปจ่ายไฟ มันช่วยบาลานซ์ย่านความถี่กลางและต่ำให้มีความชัดเจนและสมดุลมากขึ้น เนื่องจากนอยส์ที่ทำให้เกิดความขุ่นมัวลดลง เสียงโดยรวมมีน้ำหนักที่ดีขึ้น ซึ่งผิดคาดกับความรู้สึกที่ว่า SMPS เสียงน่าจะบาง นอกจากนี้ ผลลัพธ์ที่ได้ยังมีความ “มั่นคง” ตลอดเวลา แสดงถึงความนิ่งและเสถียรของภาคจ่ายไฟ

ผลพลอยได้นี้ยังส่งผลถึงระบบภาพด้วย สังเกตจากการดู Netflix ความคมชัดของรายละเอียดในฉากที่มีความเปรียบต่างสูงดูลอยเด่นมีมิติ สีสันดูเนียนสะอาดตาขึ้น

แค่สองประเด็นนี้ เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวของ Aura ถือว่าสมเหตุผลไม่น้อย

สำหรับ HyperLink โดยความเห็นส่วนตัว อุปกรณ์พวกเน็ตเวิร์ก สวิตช์ ไม่ควรมีบุคลิกใดๆ เพราะมันทำหน้าที่ในการส่งสัญญาณที่สมบูรณ์เท่านั้น แต่มันจะไปส่งเสริมต่อ “โครงสร้าง” ที่เป็นคาแรคเตอร์เดิมของอุปกรณ์ให้เด่นชัดขึ้น จากประสบการณ์ที่ได้ลองฟังออดิโอเน็ตเวิร์คสวิตช์มาหลายรุ่นต่างกรรมต่างวาระ เช่น SOtM, Ansuz, Nuprime, Nordost ก็มีผลไปในทิศทางเดียวกัน

การที่เปลี่ยนออดิโอเกรด เน็ตเวิร์ก สวิตช์ เข้าไปในระบบ แล้วมีการอิมปรูฟในระบบก็คือศักยภาพที่แท้จริงของอุปกรณ์นั้นที่เคยถูกนอยส์หรือจิตเตอร์รบกวนการทำงาน จนไม่สามารถแสดงคุณภาพแท้จริง เน็ตเวิร์ก สวิตช์ จากผู้ผลิตแต่ละรุ่น การเซ็ตอัพ รวมถึงสาย LAN เป็นตัวแปรว่าจะไปส่งเสริมกับอุปกรณ์ในลักษณะไหนอย่างไร

เมื่อลองฟังสตรีมมิ่ง โดยผ่าน HyperLink ก่อนเข้าสตรีมเมอร์ จุดเด่นอย่างแรกเลยคือ มวลเสียงมีความอิ่มและกลมมากกว่าเดิม ย่านเสียงแหลมมีน้ำมีนวล ให้ความต่อเนื่องที่ฟังแล้วรื่นหู แถมให้เท็กซ์เจอร์ของเสียงที่เด่นชัด ช่วงหนึ่งของการทดสอบสลับเอาเน็ตเวิร์ก สวิตช์ TP-Link SG1016 เข้าไปแทนที่แบบ A/B เทสต์ ฟัง TIDAL เพลงเดิมซ้ำ ปรากฏว่าเสียงแบน แห้ง และหยาบกว่า แม้จะลองเปลี่ยนสายไฟเอซีออดิโอเกรดก็ไม่ช่วยอะไร

เวทีด้านกว้างขยายออกไปอีกเล็กน้อย และโฟกัสกับเลเยอร์ของชิ้นดนตรีต่างๆ ได้ง่ายขึ้น นิ่งขึ้น ซึ่งโดยปกติการเล่นไฟล์เพลงจาก NAS หรือ USB flash drive จะให้อิมเมจของเสียงที่แน่นเข้มและตรึงตำแหน่งชิ้นดนตรีได้นิ่งกว่าการเล่นสตรีมมิ่ง การใช้ HyperLink ถือว่าช่วยลดความแตกต่างนี้ลงได้อย่างดี

อีกประเด็นที่สังเกตได้คือ ได้ยินรายละเอียดช่วงเงียบของเพลงดีขึ้น เร่งระดับโวลุ่มได้มากขึ้นกว่าเดิม นั่นหมายถึงการปรับปรุงคุณภาพของไดนามิกเรนจ์ให้กว้างขึ้น จุดนี้แม้จะไม่โดดเด่นเท่ากับออดิโอเกรด เน็ตเวิร์ก สวิตช์ ระดับไฮเอ็นด์ที่เคยทดสอบไป แต่ก็น่าพึงพอใจ เมื่อเทียบกับราคาค่าตัวของ HyperLink ที่ห่างกันหลายเท่าตัว

Fidelizer: HyperLink และ Aura เป็นโซลูชั่นที่ยอดเยี่ยมสำหรับการยกระดับคุณภาพการเล่นระบบสตรีมมิ่งในราคาเบาๆ ให้เสียงมีความเป็นธรรมชาติน่าฟังขึ้น ภาพดูสวยสบายตาขึ้น ซึ่งเหมาะกับนักเล่นที่ใช้ซิสเต็มระดับเริ่มต้นถึงระดับกลาง บางทีการไปลงทุนกับเน็ตเวิร์ก สวิตช์ หรือภาคจ่ายไฟออดิโอเกรดที่ราคาพอๆ กับเครื่องหรือสูงกว่า ดูจะไม่สมเหตุผลเท่าไรนัก

ด้วยราคาที่ไม่สูงเกินไป ทำให้การขยับขยายเพิ่มเติมในอนาคตทำได้คล่องตัว เช่น การเพิ่ม Aura แทนการใช้ภาคจ่ายไฟสวิตชิ่งแถมในจุดต่างๆ อัพเกรดฟิวส์และสายไฟเอซี หรือการเพิ่ม HyperLink สำหรับแต่ละอุปกรณ์แต่ละตัวเพื่อลดการกวนกัน แค่คิดก็มันส์แล้วครับ. ADP

Fidelizer HyperLink – Network Switch
ราคา 4,900 บาท

Fidelizer Aura – Medical Grade Power Supply
ราคา 6,900 บาท

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
บริษัท ฟิเดลไลเซอร์ ออดิโอ จำกัด
โทร. 084-655-3548