นักเขียน : ธรรมนูญ ประทีปจินดา

ยุคสมัยเปลี่ยนจากต้นทางแผ่น Physical สู่ระบบ File based เพลง Hi-Res มีขายออนไลน์ หาซื้อง่าย จนร้านขายแผ่นแทบจะหายไปหมด วันนี้ เพลงคุณภาพดีที่สุดจะถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ตในแพลตฟอร์ม Streaming แบบเหมาจ่ายรายเดือน ถือเป็นการฟังเพลงกระแสหลัก อีกทั้งการแข่งขันในเรื่องบริการของ ISP สปีดอินเทอร์เน็ตที่กำลังจะถึงยุค 5G กันแล้ว อย่าว่าแต่เพลงเลย หนังยังสตรีม 4K HDR Dolby Atmos กันเฉย จึงไม่แปลกใจที่เห็น RIAA สรุปยอดการเติบโตของ Music Streaming รุกคืบกินพื้นที่ไปถึง 80% รวมกับไฟล์ Download อีก10% ที่เหลือคือยอดขายฝั่ง Physical ที่นับวันจะหดตัวเล็กลงไปเรื่อยๆ

ฝั่ง TIDAL Master ถึงขั้นสตรีม MQA ที่ให้คุณภาพระดับ Master Quality เปิดทางให้คนที่เป็นสมาชิกสามารถเข้าถึงแคตตาล็อกเพลงในคลังแสงยักษ์ของโลกได้มากกว่าที่เคยเป็น แถมเป็นเรื่องง่าย และสนุก

NAD เป็นบริษัทที่มีต้นกำเนิดในอังกฤษ แต่ปัจจุบันทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์มีฐานอยู่ที่ประเทศแคนาดา นับเป็นผู้ผลิตไฮไฟมือเก๋าในกลุ่ม Lenbrook อายุบริษัทร่วมครึ่งศตวรรตแล้ว โดยมี BlueSound เป็นแบรนด์ผู้น้องที่เป็นเครื่องเสียงแนวไลฟ์สไตล์ สำหรับ NAD สินค้าที่ออกมาล่าสุดคือ รุ่น Masters M10 BluOS Streaming Amplifier เป็นเครื่องเสียงระดับพรีเมี่ยม ล้ำสมัย แนว Minimalist ประเภท All in ONE Streaming Amp อันเป็นเทรนด์ของไฮไฟ ณ พ.ศ. นี้ เพื่อให้เป็นโซลูชั่นครบวงจรที่จะพาคุณไปสู่จุดหมายแห่งเสียงดนตรีที่คุณชื่นชอบชนิดไร้ขีดจำกัด ตามรสนิยม และไลฟ์สไตล์ของคุณ นอกจากนั้นยังรองรับระบบเสียงไร้สายแบบมัลติรูมได้อย่างง่ายดายอีกด้วย

BluOS Streaming All in One Amplifier

M10 เป็นเครื่องเสียง All in One ขนาดคอมแพ็คไซส์ที่ฉลาดล้ำ อยู่ในกลุ่มเรือธง Master Series ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุดของ NAD โดย M Series เริ่มมีมาตั้งแต่ปี 2005 ล้วนเป็นเครื่องเสียงไฮเอ็นด์แยกชิ้น Full Size ส่วน M10 มาแบบ Half Size รูปแบบใหม่ที่ทุกอย่างจบในตัวเดียว ดูหรู และชาญฉลาด รูปลักษณ์ขรึมสุขุม กะทัดรัด สามารถทำหน้าที่ที่ในอดีตต้องการชั้นวางที่เต็มไปด้วยเครื่องเคราประกอบมากมาย แต่ M10 ทำงานได้ครบหมดทุกหน้าที่ แต่ใช้พื้นที่น้อยมาก แถมออกแบบได้ดี และมีจอแสดงผลทัชสกรีนที่มีสีสันสวยงาม

M10 มีภาคขยาย 100 วัตต์ต่อข้าง ที่ 8 โอห์ม มากพอเหลือเฟือสำหรับขับลำโพงใดๆ แม้เป็นลำโพงระดับไฮเอ็นด์ก็ตาม ที่เจ๋งก็ตรงใช้งานง่ายมาก แม้ว่า M10 มีฟังก์ชั่นคล้ายกับ BlueSound POWERNODE ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการใช้เทคโนโลยีร่วมกันกับ Masters Series รวมทั้ง M32, M12 และ M22  

โครงสร้างตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียมที่สวยงาม ด้านหน้าและด้านบนเป็นแผงกระจก Gorilla Glass และแม้แต่รายละเอียดที่เล็กที่สุดก็ใช้ชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูงสุด การใช้งานง่าย ถึงแม้ฟังก์ชั่นของ M10 บรรจุไว้ด้วยความซับซ้อนเหนือกว่าเครื่องเสียงใดๆ ในระดับเดียวกัน

Control

M10 ใช้งานง่าย ด้วยระบบสัมผัสที่จอแสดงผลด้านหน้า หรือสั่งการด้วยแอพพลิเคชั่นที่ดาวน์โหลดได้ฟรีสำหรับ Android, Apple iOS, เดสก์ท็อป และระบบควบคุมจาก Smart Devices ควบคุมได้ทุกฟังก์ชั่น มากมาย สามารถใช้คำสั่งด้วยเสียงจาก Alexa หรือ Siri การควบคุมแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนในหมวดหมู่เครื่องเสียงประเภทนี้

BluOS Streaming and Music Management

ในการบริหารจัดการเพลง หัวใจสำคัญของ M10 คือ BluOS ระบบปฏิบัติการสำหรับการฟังเพลง Hi-Res ทำงานบนLinux ด้วยโปรเซสเซอร์ ARM A9 Cortex NXP 1GHz Processor

BluOS มีเอกลักษณ์ในการผสานการทำงานที่สมบูรณ์แบบทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ สร้างประสบการณ์การฟังระดับไฮเอ็นด์แท้จริง ไม่ว่าเพลงของคุณถูกจัดเก็บไว้ในเครื่อง, Thumb drive, NAS หรือ สตรีมจาก Cloud services นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Hi-Fi Chain ด้วยผลิตภัณฑ์ของบริษัทในเครือและพาร์ทเนอร์ที่ใช้ BluOS ที่สามารถนำมาใช้ร่วมกันในเครือข่ายเดียวกันในการฟังเพลงแบบ Multi Room ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในหลายแบรนด์ รับประกันว่าจะทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ แม้แต่แหล่งข้อมูลในระบบเดียวกันก็สามารถสตรีมผ่านเครือข่ายไปยังเครื่องเล่น BluOS อื่นๆ ซึ่งสามารถซิงก์เพื่อเล่นพร้อม กันหรือเล่นแยกกันจากแหล่งโปรแกรมต้นทางอื่นๆ  

ด้วยบริการเพลงในระบบสตรีมมิ่งรวม 20 แบบ มีทั้งที่ฟรีและเหมาจ่ายรายเดือน เช่น Amazon, Spotify, Tidal หรือ Qobuz ช่วยให้การเข้าถึงคลังแสงเพลงของโลกอยู่เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสแบบง่ายๆ ซึ่ง BluOS รวบการสั่งการทุกฟังก์ชั่นให้อยู่ในมือควบ จะจากคอมพิวเตอร์ หรือ Smart Devices ทำให้ความซับซ้อนสามารถใช้งานได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้รีโมตคอนโทรลที่เหมือนกลายเป็นส่วนเกินไป ทางผู้ผลิตจึงตัดออกไป ไม่ได้ให้มาด้วย

เพื่อเอาใจคนเล่นไฟล์ นอกจากไฟล์ 24/192 PCM และ DSD แล้ว ยังรองรับ MQA ที่สามารถคลี่ไฟล์ (Unfold) ได้อย่างหมดจด รวมถึงสามารถเล่นไฟล์ FLAC, WAV และ Decode เสียงที่ถูกบีบอัดเช่น MP3 และ AAC ได้ทั้งหมด

M10 มาพร้อม AirPlay2 และ aptX HD ล่าสุด ที่รองรับถึง 24 บิต ใช้การบีบอัด 4X เพื่อสร้างบลูทูธที่เสียงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และยังสามารถตั้งค่าให้ส่งสัญญาณเสียงจาก M10 ไปยังหูฟังไร้สาย True Wireless หรือแม้กระทั่งลำโพงไร้สายที่เชื่อมด้วย Bluetooth

Flexibility to add other source components

M10 รองรับแหล่งสัญญาณทั้งแบบอะนาล็อกและดิจิทัล เช่น เทิร์นเทเบิ้ล, เครื่องเล่นซีดี หรือเกมคอนโซล นอกจากนี้ยังมีอินพุต HDMI ที่รองรับ eARC ทำให้ M10 สามารถทำงานร่วมกับทีวีได้โดยตรง เมนูที่ใช้งานง่ายช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าแต่ละอินพุตเพื่อปรับแต่ง M10 สำหรับความต้องการเฉพาะของแต่ละคน รวมถึงการตั้งชื่อของอินพุต และปิดใช้งานอินพุตที่ไม่ได้ใช้ มีช่องต่อ Subwoofer output อีกสองช่อง และยังมีช่อง Pre out เพื่อใช้งานเป็นปรีแอมป์ชั้นดีให้กับเพาเวอร์แอมป์ตัวเก่ง

State-of-the-art Amplification

M10 ใช้ภาคขยายแบบ Hypex nCore และภาคขยายนี้ยังถูกนำไปใช้ใน Masters Series ทุกรุ่น

M10 มีกำลังขับ 100 วัตต์ ที่ 8 โอห์ม และสามารถบริดจ์ได้เผื่อต้องการเบ่งกล้ามขึ้นไปอีกเพื่อคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมกว่า การออกแบบนี้มีความพิเศษในหลายด้าน Hypex nCore เป็นภาคขยายคลาส D แต่ไม่ได้ใช้ clock หรือ Saw Tooth Generator สำหรับการมอดูเลต Low Noise จึงมีความเพี้ยนต่ำ ให้เสียงสะอาด มีพลัง แม้เร่งดังเพียงใดก็ไม่เพี้ยน มี Frequency Response ที่ flat เสียงสมจริงเป็นธรรมชาติ หัวโน้ตชัด รายละเอียดดี ตามสไตล์ของ NAD Master Series

Premium DAC

ทีมงานเลือก ESS Saber DAC ESS 9028 สำหรับ M10 ให้ความแม่นยำสูง Noise ต่ำ และลด Jitter ที่ไม่เหมือนใคร รูปแบบโครงสร้างของ DAC มีชื่อเรียกว่า HyperStream™ DAC 32 บิต พร้อมคุณสมบัติ Time Domain Jitter Eliminator นำเสนอประสิทธิภาพสุดล้ำสำหรับการสตรีมเสียงความละเอียดสูง Output Filter ที่ตั้งโปรแกรมได้ ทำให้ ESS 9028 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับการปรับจูนจาก MQA ได้ผลดีที่สุด

Dirac Live Room Correction

M10 น่าจะเป็นเครื่องเสียง All in One ตัวเดียวในระดับนี้ที่เป็นตัวแรกที่มาพร้อมกับ Dirac Live Room Correction ที่เลือกได้ว่าจะให้ครอบคลุมพื้นที่ฟังกว้าง หรือแคบแบบมีเก้าอี้ตัวเดียวอย่างห้อง Home Studio ซึ่งในการใช้งานต้องหาขามาเสียบไมค์

Dirac Live Room Correction ช่วยแก้ปัญหาเรื่องแอคูสติกส์ การทำงานของระบบถือว่าซับซ้อนมาก แต่ใช้งานไม่ยาก โดยใช้ไมโครโฟนที่ให้มาวัดค่าจากหลายๆ ตำแหน่ง แล้วส่งข้อมูลไปยังระบบ Cloud ที่ Dirac โดยจะกำหนดค่า Filter ให้ เอง แล้วส่งค่านั้นมาโหลดลงใน M10 โดยอัตโนมัติ

Dirac จะจัดการคลื่นเสียงในห้องฟัง รวมถึงเสียงก้องสะท้อนที่จะทำลายคุณภาพเสียงให้ลดลง ทำให้เสียงมีโฟกัส ให้เสียงมีความคมชัดเข้มข้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นการตั้งค่าครั้งเดียว ทำให้เสียงมีการตอบสนองความถี่ที่ราบเรียบ รองรับการทำงานที่ความถี่ต่ำได้ถึง 500Hz สำหรับห้องที่ใช้ซับวูฟเฟอร์หลายตัวจะมีเวอร์ชั่นที่มีฟังก์ชั่นมากขึ้น ซึ่งลูกค้าสามารถซื้อได้โดยตรงจาก Dirac โดยส่วนตัว ผมคิดว่ารุ่นนี้คุ้มค่าที่สุดสำหรับทุกคน เป็นแพ็คเกจพื้นฐานที่ยอดเยี่ยม นอกจากนั้นยังมีแพ็คเกจสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการการทำงานขั้นสูงด้วย

Hook Up

แกะกล่องที่แพ็คมาอย่างดีด้วยถุงผ้า วางบนแท่นในห้อง Home Studio ลำโพง Manger เจ้าบ้านกินกำลังพอดู จะไหวมั้ย น้อง M10 ตัวเล็กแค่นี้ เอาน่า ลองดู เสียบสายลำโพงเข้าไป ไม่ลืมว่าจะต้องลากสาย LAN มาเชื่อมต่อเน็ตเวิร์ก จริงๆ จะต่อ Wi-Fi หรือ Wired ก็ได้ ถือเป็นกฎเหล็กของการเล่นเครื่องเสียงประเภท Network Audio และเป็นสิ่งแรกที่ต้องมีสำหรับระบบโฮมเน็ตเวิร์ก จะมีสายหรือไร้สายก็ไม่ขัด แต่ผมชอบต่อแบบ Wired มากกว่า บังเอิญได้ของใหม่มาเล่น คือ… sNH-10G High-End Audio Switch Hub ที่ช่วยขจัดการรบกวนใดๆ ในวงเน็ทเวิร์ก และต้องไม่พลาดที่จะใช้ Supra: Ethernet Cable CAT8 ซึ่งรองรับ Speed สูงสุดถึง40GBASE-T ผ่านสายเคเบิลเส้นเดียว แบนด์วิธกว้างกว่า CAT6 ถึง 4 เท่า คือที่ 2,000 MHz สายCAT8 ให้ความเร็วและแม่นยำในการถ่ายโอนที่เหลือเชื่อกว่า 40 เท่า (1GB เทียบกับ 40GB) ให้ค่า Dynamic Head Room ที่เหนือกว่า เป็นทางเชื่อมต่อสู่โลกกว้างให้กับ M10 เมื่อต่อสาย LAN เสร็จแล้ว จากนั้นจึงค่อยเสียบไฟเข้าเครื่อง

บอกก่อนเลยว่าจะเล่น M10 ด้วยตัวเองโดดๆ กับลำโพงหลักในห้อง อ้อๆ ก็ไม่เชิง ต้องมี REL Subwoofer ที่ต่อแบบHi Level ซึ่งก็เป็นอุปกรณ์มาตรฐานไปแล้ว ส่วนแอพก็ใช้ BluOS Controller กับ A+ ที่เอาไว้ลองเล่น DSD256 เท่านั้น แค่นี้ก็เหลือเฟือ สำหรับ Roon อาจไม่จำเป็น ซึ่งผมว่า BluOS ก็ทำได้ดีมากแล้ว เมื่อให้มันจัดการ Library จาก Noon NAS ง่ายๆ โดยไม่ลืมใช้คำสั่ง \\Noon\Music ซึ่งใช้เวลาสแกนไม่นานนักสำหรับเพลง 7 หมื่นแทร็ก อีกอย่างที่ต้องไม่ลืมก็คือ ลงทะเบียนการใช้งาน TIDAL แค่นี้ก็เหลือเฟือ ไม่ต้องดิ้นรนลงทุนกับ Roon เว้นแต่ว่าคุณมี Roon Core อยู่แล้ว ก็ไม่มีปัญหานี่ครับ

แม้ M10 สามารถควบคุมได้ด้วยเสียงจาก Alexa และ Apple Siri ของ Amazon แต่ผมไม่ได้ใช้หรอก และเนื่องจาก M10 ไม่มีรีโมตควบคุมระยะไกลเหมือนเครื่องเล่นทั่วไป แต่ฉลาดกว่านั้น จึงต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายทั้ง Wi-Fi/LAN เพื่อการใช้งานเต็มรูปแบบ ทำตามคำแนะนำที่ดีเยี่ยมในคู่มือ พร้อมจัดทำข้อมูลดีๆ อยู่บน USB thumb drive สีทองขนาดความจุ16G สวยงาม

M10 เชื่อมต่อกับวง LAN ของ Noon Network ส่วน iDevices เชื่อมด้วย Wi-Fi โดยใช้แอพควบคุม BluOS Controller ที่ทำงานบน iPad/iPhone ถึงตรงนี้แอมป์ได้เชื่อมต่อโฮมเบสแล้ว เปิดเครื่อง ตรวจสอบเพื่อดูว่าจำเป็นต้องอัพเดตเฟิร์มแวร์หรือไม่ ซึ่งเป็นตามคาด มันขออัพเดตก่อนเลย ขณะรอดาวน์โหลดและติดตั้งการอัพเดต – โลโก้ NAD ที่แผงหลังเครื่องด้านบนจะกะพริบเป็นสีแดงในระหว่างกระบวนการนี้ – หลังจากที่ M10 รีบู้ตตัวเองและพร้อมที่จะเล่นเพลง จากนั้นก็ลองใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบไร้ใช้สาย ฟังแว้บๆ ก็แทบไม่ได้ยินความแตกต่างระหว่างสองโหมด แต่พอฟังนานขึ้นรู้สึกได้ว่าแตกต่าง ยิ่งใครก็ตามที่จัดเต็มด้วยสาย LAN/Hub sw แบบไฮเอ็นด์ แล้วก็สาย CAT8 ล่ะก็ ให้เสียงมีไดนามิก มีฮาร์โมนิกน่าฟังกว่านะ ถ้าใครไม่เชื่อก็ต้องลองฟังเอง

Showtime

ผมฟังเพลงหลากหลายแนว ทั้งจากไฟล์ Hi-Res ใน NAS และแน่นอนว่าจาก TIDAL ที่เน้นๆ ก็ต้องเป็นอัลบั้มที่มีโลโก้ MQA รายละเอียดเสียงดีมาก ที่แน่ๆ บอกเลยว่าเป็นคนมือหนัก เปิดดังมาก ก็เกรงอยู่เหมือนกันว่าจะไหวมั้ย แต่ก็พบว่า M10 ทำได้ดี ไม่พบว่าเสียงเพี้ยนแต่อย่างใด โดยเฉพาะความแม่นยำใน Image ที่ส่งผ่าน Manger ZeroBox ลำโพงอ้างอิงที่ใช้กับ M10 นั้น ยอดเยี่ยมทีเดียว ความที่เป็นแอมป์ Class D ให้ background noise ต่ำ และไร้ซึ่งความเพี้ยน ฟังออกถึงช่องว่างระหว่างตัวโน้ตได้ไม่ยาก เป็นแอมป์ที่ให้ Soundstage กว้าง และลึกพอตัว ไม่ถึงกับเด่นนัก แต่ก็ฟังเพลงที่มีความซับซ้อนได้ดี  อัลบั้มที่โชว์ไดนามิกจัดๆ อย่างอัลบั้มล่าสุดของ TOOL: FEAR Inoculum มันส์สุดจัดปลัดไม่ต้องบอก เมื่อเปิดฟังก์ชั่น Dirac  พบว่าเบสบางลงนิดหนึ่ง ให้เสียงเคลียร์ ฟังเสียงร้องได้ชัดขึ้นนิดหน่อย จะเป็นเพราะห้องผมถูกปรับแอคูสติกส์มาระดับหนึ่งแล้วก็ได้ จริงๆ แล้ว ผมชอบแบบที่ไม่เปิดการใช้งานมากกว่าแฮะ

“Music Meant to Be Heard”

เครื่องเสียงดีไม่จำเป็นต้องมีขนาดที่ใหญ่ เยอะ ยุ่งเข้าไว้ แล้วจะเป็นคำตอบ คงปฎิเสฐไม่ได้ว่า All in One Streaming Amp คือคำตอบสุดท้ายของเทรนด์ของไฮไฟใน พ.ศ. นี้ ที่ Digital Audio ครองโลก

ด้วย NAD M10 BluOS Streaming Amplifier ที่พกพาความสามารถรอบด้านยิ่งกว่า Swiss Army Knife ของพระเอกแม็กไกวเวอร์ ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ เพียงหาลำโพงคู่ใจสักคู่ สายลำโพงและสายไฟ หรือจะใช้หูฟังไร้สายก็ยังได้ สนองตอบไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ที่ต้องการความเรียบหรูของเครื่องเสียงชั้นดีแบบ Minimalist เหมาะกับ Music Lover ผู้ที่ต้องการหยุดซึ่งการแสวงหา ชอบความเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องเป็นนักเล่นเครื่องเสียงที่โชว์ว่า ไฮไฟต้อง “ใหญ่และเยอะ” ซึ่งอาจมีคนไม่ถูกใจบ้าง ไม่เหมือนไฮไฟยุคเดิมที่ต้องอวดกันไว้ก่อน ทำให้ Conice ขายเครื่องไปแล้ว ลูกค้าหายหน้าไปนาน กว่าจะกลับมาอีกรอบ  ซึ่งอาจจะเหงาบ้าง ถ้าลูกค้า M10 กลัวเหงา ก็เข้ามาคุยกันในกลุ่ม TIDAL Thailand ก็ได้นะ 

Streaming เล่นง่าย สนุกไปกับการค้นหาอัลบั้มใหม่ๆ ที่มีให้ค้นหาได้ไม่จบสิ้นในโลกกว้าง ทำให้เราฟังเพลงเก่ง ฟังดนตรีกว้าง หลากหลายแนว ไร้ขีดจำกัด แม้แต่อัลบั้มเพลงไทยคุณภาพจากค่ายใบชาซองค์ก็มีให้ฟังด้วย ฟังกันเพลินๆ ด้วยหูมากกว่าที่จะมัวเจริญตากับความใหญ่ ยุ่งและเยอะ แถมเซ็ตอัพยุ่งยาก 

NAD M10 BluOS Streaming Amplifier นั้นสามารถตอบโจทย์ของคุณได้ ฟังด้วยหูสิครับ “น้านูญ ฟันธง”ครับ. ADP

ราคา 97,000 บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
บริษัท โคไน้ซ์ อีเล็คโทรนิค จำกัด
โทร: 02.276.9644 (อัตโนมัติ)
FB: https://www.facebook.com/pages/Conice-Electronic/110618535634637
Instagram: coniceth
LINE: @conice