ธีรวัฒน์
ธีรวัฒน์ โชติสุต

จริงๆ แล้ว Simply Italy ไม่ได้สื่อถึงความเรียบง่าย แต่เป็นการผลิตอินทิเกรตแอมป์หลอดขนาดเล็กเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีในการรวมประเทศขึ้นมา ตอนนั้น Unison Research มีอินทิเกรตแอมป์รุ่น Simply Two อยู่แล้ว เลยเป็นที่มาของรุ่น “Simply Italy” การออกแบบบางอย่างของ Simply Italy จึงถอดแบบมาจากรุ่น Simply Two โดยอินทิเกรตแอมป์รุ่น Simply Two ออกแบบในลักษณะ Dual Mono แต่ใน Simply Italy เรียกว่า Quasi-Dual-Mono ซึ่งภาคจ่ายไฟแต่ละส่วนแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

ส่วนใหญ่อินทิเกรตแอมป์หลอดขนาดเล็กมักได้รับความสนใจจากนักเล่นค่อนข้างน้อย เนื่องจากยึดติดกับกำลังขับมากเกินไป มากกว่าจะมั่นใจในเสียงที่ได้ยิน ยิ่ง Simply Italy ระบุกำลังขับเพียง 12 วัตต์ ก็ยิ่งเกิดความสงสัยว่าจะขับลำโพงได้หรือเปล่า ถ้าซื้อไปก็ไปพะวงเรื่องลำโพงกันอีก นักเล่นหลายท่านจึงสรุปตอนท้ายไปกับรุ่นอื่นที่มีกำลังขับสูงกว่าเพื่อความสบายใจ

แต่ลืมไปว่าอินทิเกรตแอมป์หลอดไม่ใช่อินทิเกรตแอมป์โซลิดสเตท เพราะอินทิเกรตแอมป์หลอดมีหม้อแปลงเอาท์พุต ถึงแม้กำลังขับน้อยก็สามารถขับลำโพงต่างๆ ได้ไม่ยากนัก อีกทั้งหัวใจหลักของอินทิเกรตแอมป์หลอดคือ คุณภาพของหม้อแปลงเอาต์พุตนี่แหละ เรื่องหม้อแปลงผมเชื่อในคุณภาพของหม้อแปลงอิตาลีครับ เพราะเขามีสูตรของเขาโดยเฉพาะ หลักการพันหม้อแปลงไม่ได้แตกต่างกัน แต่น้ำยาที่เคลือบในหม้อแปลงเอาต์พุตแตกต่างจากที่อื่น ทำให้เสียงอินทิเกรตแอมป์หลอดจากอิตาลีมีเอกลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างจากอินทิเกรตแอมป์หลอดของที่อื่น Unison Research ผลิตหม้อแปลงเอง ไม่ได้จ้างหรือซื้อจากแหล่งใด เรื่องคุณภาพหม้อแปลงเอาท์พุตของ Unison Research: Simply Italy จึงเชื่อถือได้เสมอ 

ฟังก์ชั่นอีกอย่างหนึ่งของ Unison Research: Simply Italy ที่ทำให้ความกังวลเรื่องการหาลำโพงมาขับไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปก็คือ มีสวิตช์โยกสับเปลี่ยนฟีดแบ็กได้ 2 ระดับ คือ 5dB หรือ 1.8dB ถามว่าอย่างไหนดีกว่ากัน ก็ต้องลองโยกสลับดู แล้วลองฟังเสียงอีกครั้ง หากโยกไว้ที่ 5dB เบสจะควบคุมได้ดีขึ้น มีปริมาณมากขึ้น แน่นขึ้น หากสวิตช์กลับลงมา 1.8dB เนื้อเสียงเบสจะบางลง สำหรับลำโพงบางคู่ หากปรับฟีดแบ็กลงมาเหลือ 1.8dB ฟังดูแล้วเสียงปลายแหลม bright สดไปบ้าง ก็ต้องปรับไปที่ 5dB แทน แต่ต้องขอบอกก่อนนะครับ ว่าลักษณะของเสียงที่ว่านี้ก็ขึ้นกับลำโพงเช่นกัน ลำโพงบางคู่ 5dB เสียงฟังแล้วอึดอัดสู้ปรับไว้ที่ 1.8dB ไม่ได้ แต่หากลำโพงคู่ใดที่ความไวต่ำก็ให้ปรับไว้ที่ 5dB ไว้ก่อน ถ้าลำโพงขับไม่ยากก็ปรับไว้ที่ 1.8dB

Unison Research: Simply Italy ตัวที่ผมได้รับมาทดสอบ ตัวถังดำและมีไม้ประกบด้านหน้าแลดูสวยงาม ด้านหน้ามีปุ่มปรับเลือกอินพุตทั้งหมด 5 ชุด ประกอบด้วย CD, TUNER, AV, AUX และ TAPE ถัดจากปุ่มเลือกอินพุตเป็นสวิตช์โยกเปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียงซึ่งใช้ของ Alps ด้านบนมีกรงโครเมียมครอบหลอดเอาไว้ทั้งหมด เมื่อถอดกรงโครเมียมออกก็จะพบปุ่มสวิตช์โยกปรับฟีดแบ็ก 5dB และ 1.8dB 

อินทิเกรตแอมป์หลอด Unison Research: Simply Italy ออกแบบบนพื้นฐาน Class A Ultra-Linear Single Ended โดยใช้วงจรแบบ Triode ใช้หลอดเอาต์พุตเบอร์ EL34 (6CA7) จำนวน 2 หลอด ส่วนภาคปรีแอมป์ใช้หลอด ECC82 (12AU7) จำนวน 2 หลอดเช่นกัน

Unison Research: Simply Italy ไม่มีขั้วต่อสายลำโพงให้เลือกแม็ตช์กับอิมพีแดนซ์ของลำโพง 8 โอห์ม หรือ 4 โอห์ม เหมือนอินทิเกรตแอมป์หลอดรุ่นใหญ่ ค่าเอาต์พุตสำหรับลำโพงของ Unison Research: Simply Italy จึงตั้งไว้ที่ 6 โอห์มแทน สำหรับ Fuse ที่ใช้หลังเครื่องมีขนาดพิกัด 1 A เท่านั้น เพราะกินปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพียง 80 วัตต์เท่านั้น 

12 วัตต์ ใครว่าน้อย

สำหรับ Unison Research: Simply Italy ถึงแม้ว่ากำลังขับแค่ 12 วัตต์ แต่ดูแล้วเป็น 12 วัตต์ที่เปี่ยมด้วยปริมาณและคุณภาพ ที่บอกว่าคุณภาพก็เพราะว่า เมื่อนำไปขับลำโพง Paradigm Persona B ซึ่งความไวไม่มากไม่น้อย 89dB ก็ให้เสียงออกมาเต็มดีมากทีเดียว ทำให้ประทับใจอย่างมาก เนื่องจากลำโพง Paradigm Persona B จะไปได้ดีกับแอมป์ที่มีกำลังขับถึงๆ หน่อย อย่างเช่น Pass Lab: INT250 กำลังขับ 250 วัตต์ ที่ 8 โอห์ม สามารถขับลำโพงออกมาสมบูรณ์สุดๆ แต่เมื่อลองเอา Unison Research: Simply Italy มาขับ ก็ไม่ได้ทำให้เสียงแย่หรือด้อยลง แต่กลับให้เสียงออกมาดีมากเช่นกัน เพราะหากจะให้เสียงออกมาใกล้เคียงกับ Pass Lab: INT 250 คงต้องใช้อินทิเกรตแอมป์หลอดอย่างน้อย 30 – 45 วัตต์เป็นอย่างต่ำแต่นี่หลอด EL34 กำลังขับเพียง 12 วัตต์ กลับขับลำโพง Paradigm Persona B ให้เสียงออกมาดีจนน่าแปลกใจทีเดียว 

น้ำหนักของเบสและแรงปะทะนั้น ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะขับได้หรือเปล่า หรือฟังไปต้องเอาใจช่วยตลอด เพราะน้ำหนักของเบสและแรงปะทะไม่ได้น้อยเลย อย่าลืมนะครับ นักเล่นหลายท่านมักคิดว่า เบสจะดีจะแน่นต้องใช้สายลำโพงที่มีขนาดตัวนำเส้นใหญ่ๆ แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย การใช้สายลำโพงเส้นใหญ่ๆ ยิ่งทำให้เสียงยิ่งเครียดกว่าการใช้สายลำโพงเส้นเล็ก แต่แอมป์หลอดนั้นใช้สายลำโพงเส้นเล็ก เสียงจะดีกว่าเสมอๆ 

สายลำโพงสำหรับ Unison Research: Simply Italy ผมใช้สายลำโพงเส้นฝอยละเอียด ขนาดตัวนำไม่เกิน 2.5 sq.mm เท่านั้นเอง ด้วยสายลำโพงขนาดนี้ ผมได้ทั้งเบส รายละเอียด และแรงปะทะที่ดีมากทีเดียว ความหมายของดีมากคือ ไม่ได้เทียบเท่ากับ Pass Lab: INT250 แต่ให้ออกมาเกินค่าที่คาดหวังไปมาก ในทางกลับกัน เมื่อใช้ขนาดสายโตกว่านี้คือ 6 sq.mm เนื้อเสียงหนาและฟังดูอึดอัดไปมากทีเดียว ฮาร์โมนิกส์ของเสียงไม่ค่อยมีเท่าไร 

ขอเริ่มต้นจากแผ่นซีดีที่คุ้นเคยดีกว่า Meet Me In London: Antonio Forcione & Sabina Sciubba จากแทร็กที่ 3 เพลง Caruso สังเกตความเข้มของเนื้อเสียงกีต้าร์ตอนต้นเพลง เนื้อเสียงและไดนามิกของเสียงถือว่าทำได้ดี คือไม่บาง และให้ออกมาไม่ได้น้อยเกินไป โลว์เบสยังพอสัมผัสได้ เสียงกระเดื่องกลองความเข้มของมวลเสียงแน่นอนว่าใหญ่ แต่ความหนักแน่นสู้ Pass Lab: INT250 ที่เคยขับลำโพง Paradigm Persona B ไม่ได้แน่ๆ ด้วยความเป็นหลอดกำลังขับ 12 วัตต์ ค่อนข้างน้อยไป ความเข้มของเนื้อเสียงเลยน้อยกว่า แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน และสรุปว่าจะเป็นเช่นนั้น อย่าลืมเรื่องที่ผมเคยย้ำเสมอว่า ลำโพงรุ่นเดียวกันย่อมให้เสียงซึ่งเป็นบุคลิกของเสียงใกล้เคียงกัน ก็เลยกดเล่นแทร็กที่ 6 ในเพลง Could You Believe ในขั้นตอนนี้ ผมต้องการเล่นความรู้สึกของคลื่นเสียงที่มากระทบตัวผม ซึ่งเป็นความถี่ต่ำและเสียงกีต้าร์นั้น บอกเลยว่า เมื่อฟังแล้วก็รู้สึกอยากให้มีมวลมากขึ้น ข้นขึ้น แต่แก้โดยการเปลี่ยนสายไฟเอซีให้ใหญ่ขึ้นหรือเปล่า ตอบได้เลยว่า โน โน โน เปล่าเลย สายไฟเอซียังเป็นเส้นเดิม เพียงแต่ขยับลำโพงใหม่เท่านั้นเองเพื่อให้เสียงได้ใกล้เคียงกับที่ต้องการ เพราะเมื่อไรที่เราเปลี่ยนอะไรลงไปแล้วกระทบกับโลว์เบส ก่อนที่จะวิพากษ์ตัดสินว่า อินทิเกรตแอมป์ที่กำลังทดสอบให้เสียงแย่กว่าอีกตัวหนึ่ง ก็ต้องลองขยับลำโพงดูก่อน เพราะตำแหน่งลำโพงแต่ละคู่จะขึ้นกับเหตุปัจจัยของซิสเต็มที่ใช้ในตอนที่เซ็ตอัพลำโพงด้วย 

เมื่อ Simply Italy ทำให้เสียงเล็กลง โลว์เบสบางจนรู้สึกได้ ก็ต้องมาขยับลำโพงเซ็ตอัพใหม่อีกครั้ง เพราะเราไม่สามารถเซ็ตอัพลำโพงแล้วได้ตำแหน่งที่ดีที่สุดชั่วกาลนาน เมื่อบางอย่างในซิสเต็มเปลี่ยน แล้วทำให้บุคลิกหลักบางอย่างของลำโพงหรือโลว์เบสเปลี่ยนไป ก็ต้องลองขยับลำโพงตามด้วยเช่นกัน เพราะมิฉะนั้นก็จะหมายความว่า เราไม่ได้กำลังหาเสียงที่ดีที่สุด แต่กำลังฟังในเสียงที่พอใจมากที่สุด ณ ตำแหน่งลำโพงขณะนั้น

นี่ก็เช่นกัน เมื่อเสียงจาก Simply Italy ทำให้เสียงบางอย่างของลำโพงเปลี่ยนไป คือมวลเสียงเล็กกว่า เนื้อเสียงบางกว่า และความเข้มข้นของมวลน้อยกว่า สิ่งที่ผมทำอย่างแรกไม่ใช้การเปลี่ยนสายไฟเอซี เปลี่ยนสายลำโพง หาอุปกรณ์เสริม แต่แก้โดยการขยับลำโพงให้แม็ตช์กับ Simply Italy เท่านั้นเอง 

เสน่ห์เสียงหลอดอิตาลี

ผมเคยใช้หม้อแปลงของอิตาลีมาก่อน เลยรู้สึกว่าหม้อแปลงของอิตาลีมีบางอย่างที่เป็นเฉพาะตัวมากๆ ไม่ค่อยเหมือนหม้อแปลงอื่นๆ สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะน้ำยาเคลือบขดลวดในหม้อแปลงถือว่าเป็นสูตรลับเฉพาะเลยทีเดียว ทำให้เสียงร้องหวานละเอียดเป็นพิเศษ และเท่าที่ฟังจากเสียงของนักเล่นที่เคยเล่น Unison Research มาก่อน ก็มักบอกว่า เรื่องหวานละเอียดนั้น เป็นสิ่งที่ชอบมาก แต่ติดเรื่องเบสที่ไม่ค่อยเข้มแน่นเท่าไรนัก เรื่องนี้ผมมองเป็นสองเรื่องคือ เรื่องของแม็ตชิ่ง และตำแหน่งของลำโพงเสียมากกว่า ยิ่งตอนนี้มีลำโพงรุ่นใหม่ๆ ออกมามากมาย ทำให้คนรักในเสียงของแอมป์หลอดมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น

สำหรับ Unison Research: Simply Italy เสียงร้องยังคงเป็นเสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย ฟังแล้วเหมือนกำลังโดนมนต์ของความไพเราะสะกดเอาไว้ จนทำให้แทบไม่อยากลุกไปไหนเลย เสียงที่ได้ยินทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ จากแผ่นที่เปิดก่อนหน้านี้ Meet Me In London หรือแผ่นซีดี Esther: Esther Ofarims อินทิเกรตแอมป์หลอด Unison Research ช่วยสร้างความแตกต่างของเสียงร้องไปอีกแบบหนึ่ง ไม่เถียงว่าเสียงร้องจากอินทิเกรตแอมป์แต่ละตัวก็แตกต่างกันออกไป มีดีกันคนละแบบ ไม่มีเสียงแอมป์ตัวหนึ่งตัวใดที่ให้เสียงเหมือนกันได้หรอก ความชอบต่างหากที่จะบอกว่า เราชอบเสียงร้องจากอินทิเกรตแอมป์ตัวไหน ลองคิดดูสิว่า โวลุ่มในอินทิเกรตแอมป์หลายๆ ยี่ห้อก็ใช้ยี่ห้อ Alps แต่ก็ยังให้เสียงไม่เหมือนกันเสียทีเดียว

หลังจากบรรทัดนี้ ผมจะบอกว่า เสียงร้องของ Unison Research: Simply Italy เป็นอย่างไร และขอเขียนย่อๆ ว่า “Simply Italy” แทน

อย่างแรกที่ชอบในเสียงของ Simply Italy ก็คือ เสียงร้องเปิดกว้าง ฟังแล้วไม่อึดอัด ให้เสียงที่ฟังแล้วรู้สึกโล่ง ว่ากันเรื่องเสียงเปิดก่อน Simply Italy ออกแบบโดยให้เกนเสียงต่ำไม่ได้สูงมาก จึงให้เรนจ์เสียงกว้าง และให้รายละเอียดของเสียงออกมามากมาย อินทิเกรตแอมป์หลอดแตกต่างจากอินทิเกรตแอมป์โซลิดสเตทตรงที่อินทิเกรตแอมป์โซลิดสเตทขยายเสียงออกมาแล้วจะผ่านไปยังลำโพงโดยตรง แต่อินทิเกรตแอมป์หลอดต้องผ่านหม้อแปลงเอาต์พุตก่อน ดังนั้น เสียงจะเปิดหรืออั้น ก็ต้องขึ้นกับคุณภาพของหม้อแปลงเช่นกัน

อย่างที่บอกไว้ตอนต้น Unison Research พันหม้อแปลงเอง ไม่ได้จ้าง OEM เรื่องคุณภาพเสียงจึงไม่ต้องพูดถึง เพราะถ้าลงทุนพันหม้อแปลงเอาต์พุตเองก็มีด้วยกันสองเหตุผล คือ ไม่เชื่อใจว่าใครจะทำหม้อแปลงอย่างที่ตนเองต้องการได้ และสองก็คือ ฝีมือในการทำหม้อแปลงเอาต์พุตนั้นสามารถทำได้ดีกว่าจ้างคนอื่นทำให้

ไดนามิกของเสียงร้องของ Simply Italy จึงออกมาดีสมบูรณ์แบบ และให้ความต่อเนื่องของเสียงออกมาดีมาก เสียงร้องของ Esther Ofarims จึงมีรายละเอียด และมีช่วงของเรนจ์กว้างเป็นพิเศษ ได้ยินรายละเอียดของเสียงตั้งแต่การห่อปากและรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย

เนื้อเสียงและความเข้มข้นของเสียงไม่ได้ข้นจนรู้สึกหนาขุ่นคลักจนจับรายละเอียดปลีกย่อยอะไรไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าจะปรับ Feedback Control เป็น 5dB ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนาหรือขุ่นแต่อย่างไร ความโปร่งและรายละเอียดยังคงดีอยู่ หรือแม้ว่าจะปรับลด Feedback ลดลงมาเหลือ 1.8dB ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเสียงจะบางลงมาเลยเช่นกัน

ความต่อเนื่องของเสียงร้องนั้นจึงมีเสน่ห์เป็นพิเศษ เมื่อฟังเพลงจากนักร้องที่มีทักษะของการร้องดีเยี่ยมอย่างเช่น Etta Camron, Ella Fitzgerald มันจึงช่างไพเราะน่าฟัง มีความหวานปนมาเล็กน้อย ไม่ได้ทำให้พลังของเสียงร้องด้อยลงไปแต่อย่างไร โดยเฉพาะพลังเสียงของ Etta นั้น Simply Italy ให้ออกมายอดเยี่ยมมากๆ เอาแค่เสียงร้องเพียงอย่างเดียวก็ทำให้หลงรัก Simply Italy แทบในทันทีที่ได้ยินเสียง Simply Italy ให้เสียงร้องไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ไม่ว่าจะมีคีย์เสียงร้องลึก ต่ำกลางๆ หรือสูงขึ้นมาในระดับ Head Tone ก็ยังให้เสียงออกมาน่าฟัง น่าหลงใหลเสมอ เสน่ห์ของเสียงร้องคือสิ่งที่สร้างแรงจูงใจให้หลงใหลในอินทิเกรตแอมป์ Unison Research: Simply Italy ได้อย่างมากทีเดียว

การแยกแยะรายละเอียดของเสียงดนตรีก็ให้ออกมาอิสระ ไม่ได้แออัดบริเวณตรงกลาง ในแง่ความลึกของเวทีเสียงแล้ว ผมรู้สึกว่า Simply Italy ให้เสียงออกไปทางด้านลึกมากกว่าด้านกว้าง เมื่อเทียบกับอินทิเกรตแอมป์ Pass Lab: INT250 ที่ผมเคยฟังก่อนหน้านี้ ซึ่งกว้างและลึกมากกว่า ตรงนี้แตกต่างจาก Simply Italy ซึ่งให้รูปวงลึกไปทางด้านหลังแทน ส่วนด้านกว้างเหมือนจะแคบลงมา จะให้จินตนาการภาพได้อย่างชัดเจน อยากจะบอกว่าก็เหมือนแทนที่จะจับนักดนตรีลงให้เต็มพื้นที่ แต่เนื่องด้วยห้องที่มีสภาพแคบกว่า เลยจับนักดนตรีวางเรียงรูปวงในแนวลึกแทน

เพราะฉะนั้น พอบอกว่าด้านกว้างไม่เด่นเท่าด้านลึก พอเขียนแบบนี้หลายท่านก็จะนึกว่า เสียงก็จะกองกันแน่นบริเวณตรงกลางๆ ลำโพงหรือเปล่า จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะเป็นคนละอย่างกันเลย เสียงไม่ได้แออัดตรงกลางๆ หากแออัดตรงกลางก็แสดงว่าวางลำโพงกันชิดติดกัน แต่ในกรณีนี้ ลักษณะของเสียงของดนตรีก็ยังเปิดโล่งเช่นเดิม ไม่ได้แออัด และเสียงก็ไม่ได้บางด้วยเช่นกัน

แอมป์หลอดค่อนข้างได้เปรียบในเสียงที่เป็นเครื่องเป่าและเสียงเครื่องเคาะโลหะที่พลิ้วกังวานเป็นพิเศษ เสียงใส ฮาร์โมนิกส์ออกมาได้อย่างโดดเด่นดีทีเดียว ยิ่งเสียงครื่องเป่าจะได้ยินเสียงลมพวยพุ่ง เป็นเสน่ห์ที่ยากจะลืมเลือนจริงๆ

เรื่องความถี่เสียงต่ำ Simply Italy จะเป็นลักษณะของเสียงอีกแบบหนึ่งที่แตกต่างจากอินทิเกรตแอมป์โซลิดสเตทที่คุ้นเคย จะขอพูดถึงลักษณะเสียงที่ได้ยินจาก Simply Italy ก่อน… หลายคนอาจมองว่า กำลังขับ 12 วัตต์ น้อยเกินไปที่จะปั๊มเบสออกมาได้ดุดันเหมือนแอมป์โซลิดสเตท แต่เมื่อลองฟังจริงๆ 12 วัตต์ของ Simply Italy ก็ไม่ได้ให้เบสออกมาน้อย หรือเนื้อเสียงเบสบางเลย เบสจาก Simply Italy ให้เสียงออกใหญ่ เนื้อเสียงแน่น เพราะหากขับลำโพง Paradigm Persona B แล้วเบสไม่บาง เนื้อเสียงแน่นใช้ได้อยู่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าขับลำโพงอื่นแล้วเสียงจะบาง เพราะหากเนื้อเสียงบางก็จะฟ้องตั้งแต่ขับ Paradigm Persona B แล้วล่ะครับ

ฟังจากเนื้อเสียงกีต้าร์จึงเป็นเบสต้นๆ มวลเสียงถือว่าเข้มดีทีเดียว เนื้อเสียงแน่นหนัก และความหนักแน่นของหัวเสียง มองๆ แล้วน่าจะหย่อนกว่า Pass Lab: INT250 สักหน่อย แต่นั่นก็เทียบกันยาก เพราะราคาและกำลังก็แตกต่างกันมากอยู่ แต่ความใหญ่ของเสียงเบสนั้นไม่ได้รู้สึกว่าด้อยกว่าแต่อย่างไร ผมชอบเบสจาก Simply Italy อย่างหนึ่งคือ ไม่ได้ฟังแล้วอึดอัด หรือรู้สึกให้เสียงเนือยๆ เนื่องจากการตอบสนองความถี่เสียงที่ล่าช้า ไม่ได้ฉับไว หรือออกมาตื้อขาดมิติไป จนทำให้เสียงฟังดูแบนๆ

เรื่องนี้สำคัญ การควบคุมเบส พละกำลังจะต้องมาคู่กัน หากเบสคุมไม่อยู่และไม่สามารถให้เสียงกว้างหรือเป็นอิสระได้ เสียงจะรู้สึกเนือยๆ แต่ในแง่ของคลื่นความถี่ต่ำๆ ที่สัมผัสจากความรู้สึกนั้น ถือว่า Simply Italy ปั๊มคลื่นพลังงานตรงนี้ได้ดี เพราะไม่รู้สึกว่าขาดโลว์เบสเลย รายละเอียดและฮาร์โมนิกส์ของย่านความถี่ต่ำๆ นั้น ถือว่าให้ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ

กับลำโพงบางคู่ต้องขอบอกว่า ย่านความถี่เสียงแหลมอาจจะดูสดกร้าวเล็กน้อย เหมือนเนื้อเสียงบางใสอยู่บ้าง แต่นั่นก็จะเกิดกับลำโพงบางคู่เท่านั้น ถามว่าเป็นเรื่องใหญ่ไหม ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว การปรับเกนของ Feedback Control มาที่ 5dB ก็ช่วยให้เสียงดีขึ้น แต่อย่างน้อยเสน่ห์ความหวานของย่านความถี่สูง Simply Italy ไม่ได้ให้ออกมาหวานจนเลี่ยน จนฟังอะไรดูน่าเบื่อไปเสียหมด หากเป็นเสียงที่ไพเราะน่าฟัง ไม่ได้ฟังดูน่าเบื่อจนขาดสีสันไป 

12 วัตต์กับความเชื่อที่ผิดๆ

ถึงบรรทัดนี้อยากให้นักเล่นลบภาพความเชื่อเดิมๆ ว่าอินทิเกรตแอมป์หลอด 12 วัตต์ กำลังขับจะน้อยจนฟังแล้วขาดความรู้สึกร่วม เนื่องจากไม่สามารถปั๊มพลังงานของคลื่นความถี่ต่ำออกมาได้นั้น แต่เอาเข้าจริงแล้ว Unison Research: Simply Italy ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย 

12 วัตต์จาก Unison Research: Simply Italy ถือว่าให้ออกมาได้อย่างมีคุณภาพ ไม่ได้ให้เสียงบางหรือฟังดูเนือยเลย ในงบประมาณขนาดนี้จะเห็นว่ามีอินทิเกรตแอมป์หลอดพุชพูลหลายยี่ห้อที่กำลังขับเยอะกว่า Unison Research: Simply Italy แต่นั่นก็ขึ้นกับว่า ชอบลักษณะเสียงอย่างไร อินทิเกรตแอมป์หลอดยุคใหม่กำลังขับเยอะ แต่ต้องดูด้วยว่า เสน่ห์ของเสียงหลอดเป็นอย่างไร สำหรับ Unison Research: Simply Italy นั้น คืออินทิเกรตแอมป์หลอดที่มีเสน่ห์คงเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เพิ่มเติมมาก็คือ ย่านความถี่ต่ำที่ดีกว่าเดิม Unison Research: Simply Italy จึงไม่ใช่เสียงที่เขาพูดถึงกันว่า Unison Research แอมป์ดี เสียงหวาน ละเอียดเด่น แต่ขาดเบสอีกต่อไปแล้ว. ADP

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท วันพัฒน์ 59 จำกัด
โทร. 0-2175-2933

ราคาปกติ 114,000 บาท
ราคาช่วงพิเศษโปรโมชั่น 79,000 บาท 

นิตยสาร AUDIOPHILE VIDEOPHILE ฉบับที่ 244