Immersive sound processor ตัวใหม่ของทาง Storm Audio ที่มาพร้อมโมดูลใหม่ล่าสุด ทันสมัยที่สุด ของทาง Dirac ได้แก่ Dirac Live Active Room Treatment หรือเรียกง่ายๆ ว่า Dirac ART มาติดตามดูกันว่า pre / pro ตัวนี้จะให้เสียงออกมาสุดยอดขนาดไหนครับ

คุณสมบัติทั่วไปของ Storm Audio: ISP Elite MK3 คือเป็น sound processor รองรับสัญญาณเสียงทั้ง Auro-3D, Dolby Atmos, DTS: X Pro และ IMAX Enhanced สามารถส่งออกสัญญาณเสียงได้สูงสุด 32 แชนแนล ใช้งาน audio over IP ในการเชื่อมต่อแบบ AES67 / Ravenna, Dante ส่วน output แบบ AES / EBU ก็สามารถส่งออกได้ 32 แชนแนลเช่นกัน โดยตัวเครื่องที่ผมทดสอบจะเป็นรุ่นที่มี analog XLR outputs 16 แชนแนล อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดแวร์ของตัวเครื่องสามารถเพิ่มลดให้เหมาะสมกับห้องโฮมเธียเตอร์ในแต่ละห้องได้อย่างสะดวก HDMI มี 7 IN / 2 OUT แบบ HDMI2.0b / HDCP2.2 รองรับภาพ 4K UHD HDR10, Dolby Vision, HLG แบบ 18Gbps ในทุกพอร์ต

อุปกรณ์ที่บรรจุมาในกล่องมาในแนว minimal เอาแค่ที่จำเป็น มีสายไฟ รีโมตคอนโทรล Quick start guide และแผ่นเหล็กเพื่อใช้ยึดกับ Rack

รีโมตคอนโทรลก็ตัวเล็กๆ เอาเท่าที่จำเป็นจริงๆ แต่พอใช้งานผมเลือกควบคุมบนมือถือผ่าน StormAudio app ทั้งสะดวกและปรับได้ละเอียดกว่ามากครับ

ส่วนที่ Wow! ที่สุดของ ISP Elite MK3 ตัวนี้สำหรับผมคือ สามารถใช้งานโปรแกรม Room Correction แบบ Dirac Live Active Room Treatment (Dirac ART) ได้ ซึ่งตอนนี้มีแต่เครื่อง pre / pro ของ Storm Audio เพียงเจ้าเดียวเท่านั้นที่รองรับโมดูลนี้ และตัว ISP Elite MK3 ที่ซื้อตั้งแต่ปีนี้ (2023) เป็นต้นไปก็จะให้ license นี้ติดมากับเครื่องเลย ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อเพิ่มอีก

ถ้าถามว่า Dirac Live Active Room Treatment น่าตื่นเต้นตรงไหน? ผมต้องตอบเลยว่ามันเป็นสิ่งที่จะมาเปลี่ยนแนวคิดการทำ Acoustics treatment ภายในห้องไปอย่างสิ้นเชิง จนบางคนถึงกับบอกว่านี่คือ game-changer ในโลกของ speaker calibration อย่างแท้จริง เนื่องจากเดิมถ้าต้องการแก้ไขในเรื่องการสั่นค้างของเสียงเบสเนื่องจากการสะท้อนกลับไปกลับมาของความถี่ต่ำภายในห้อง ที่บางคนก็เรียกว่า smeared bass หรือ boomy bass นั้น เราต้องใช้วัสดุปรับสภาพอะคูสติกส์ภายในห้องที่มีอยู่หลายชนิดหลายแบบเช่น bass traps, wall absorption หรือวัสดุ acoustics treatment ที่มีขนาดใหญ่ ราคาแพง รูปร่างหน้าตาก็ไม่ค่อยจะสวยเท่าไหร่ใส่เข้าไปในห้อง หรือบางทีต้องมีการใช้หลักการของ multiple subwoofer ที่ใช้ซับวูฟเฟอร์จำนวนมากวางในตำแหน่งเฉพาะเพื่อแก้ไข room mode ภายในห้อง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อต้องการลดค่า room decay time ของเสียงความถี่ต่ำภายในห้องลง แต่สำหรับ Dirac Live ART นั้นจะใช้หลักการคล้ายกับ active noise cancelation โดยจะใช้ลำโพงของเราที่มีอยู่ภายในห้องปล่อยสัญญาณความถี่ต่ำกว่า 150Hz ที่มีเฟสตรงข้าม (anti-signals) cancel out กับเสียงที่สะท้อนออกมาจากผนัง หรือเสียงสะท้อนอื่นที่ทำให้เกิดความเพี้ยนของเสียงจริงจากลำโพง เพื่อควบคุมการก้องและ decay time ของห้องฟังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การทำเช่นนี้จะทำให้เสียงความถี่ต่ำภายในห้องมีความแน่น ไม่เพี้ยน ไม่มีการสั่นก้อง เพิ่มจุดลงตัวของการนั่งฟังให้กว้าง ตำแหน่งนั่งฟังแต่ละที่ก็จะมีความแตกต่างกันน้อย ได้ฟังเสียงที่ถูกต้องใกล้เคียงกับเสียงภาพยนตร์ที่ผู้กำกับหรือคนทำหนังเขาได้ยินในห้องpost-production studio ซึ่งหลังจากทาง Storm Audio ได้เปิดตัว Dirac ART และมีการสาธิตในห้องแสดงเครื่องเสียงในต่างประเทศ คนที่ได้ฟังต่างก็ชื่นชมและประหลาดใจกับเสียงที่ออกมา ได้ฟังได้อ่านมาแค่นี้ต่อมความตื่นเต้นผมก็ทำงานหนัก… ว้าวุ่นเลยทีนี้

การทดสอบ

ผมทำในระบบวางลำโพงแบบ 7.1.4 ใช้ชุดลำโพงของ Meyer Sound ทั้งชุดที่เป็นลำโพงแบบแอ็กทีฟ มีเพาเวอร์แอมป์ในตัว โดยลำโพง LCR จะเป็นรุ่น Acheron Designer, ลำโพงเซอร์ราวด์ทั้งหมด 8 ตัว เป็นรุ่น HMS-10 ส่วนลำโพงซับวูฟเฟอร์ใช้เป็นรุ่น X-400C จำนวน 4 ตัววางกลางผนังห้องทั้งสี่ด้าน โดยสัญญาณต่อตรงผ่านช่อง Balance XLR จาก pre / pro เข้าลำโพงโดยไม่ผ่าน external DSP แต่อย่างใด เนื่องจากการทำ Dirac ART ตัวโปรแกรมจะทำการวัดลำโพงทุกตัวว่าสามารถตอบสนองความถี่ต่ำได้ลึกถึงเท่าไหร่ เพื่อให้ลำโพงทุกตัว (ที่เลือกไว้) ช่วยกันปล่อย anti-signals ลดการสะท้อนของเสียงจากผนังตามความสามารถของลำโพงแต่ละตัว สำหรับขั้นตอนการเซ็ตอัปแบบ Dirac ART ผมจะทำเป็นคลิปแยกเพื่อแนะนำขั้นตอนการทำ และเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้ผู้ที่เซ็ตอัปได้เข้าใจและทำได้ง่ายมากขึ้น ใครสนใจก็ติดตามในช่อง YouTube: MorAek Home theater ได้ครับ

เมื่อทำการ calibrated โดยใช้ Dirac Live ART เรียบร้อย สิ่งแรกที่ผมต้องการรู้ก็คือ มันสามารถลด Decay time ได้จริงอย่างที่แจ้งไว้หรือเปล่า เพราะดูจากคอนเซปต์และวิธีการนั้นมันดูเหมือนง่ายเกิน ไม่ต้องเพิ่มลำโพงที่มีอยู่ในระบบ ใช้เท่าที่มี ไม่ได้สนใจว่าลำโพงอยู่ที่ตำแหน่งไหนบ้าง แค่วางให้ไม่ผิดมาตรฐานมากนักก็ใช้ได้ สัดส่วนสภาพอะคูสติกส์ห้องก็ไม่ได้สนใจ อารมณ์ประมาณเดี๋ยวตัวโปรแกรมจะจัดการทุกอย่างเอง ขอให้ทำการปรับเทียบให้ถูกต้อง วัดค่าลำโพงออกมาสมบูรณ์ตามวิธีการของ Dirac ก็พอ ความคิดผมในตอนแรกคือมันคงทำได้ดีในระดับหนึ่ง ประมาณว่าลดค่าพอเห็นเล็กๆ น้อยๆ เสียงเบสก็คงแน่นกว่าการcalibrated ด้วย Dirac Live Bass Control นิดหน่อย กราฟที่ทางบริษัทวัดมาแบบ Waterfall time decay ก็มีโชว์ แต่ผมไม่เชื่อเท่าไหร่ อยากวัดเองมากกว่า ซึ่งเมื่อผมลองวัดค่า Spectrogram Graph เองเพื่อดู decay time เทียบระหว่างใช้กับไม่ใช้ Dirac ART ผลที่ได้ออกมาตามกราฟที่เห็นเลยครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้ดีถึงขนาดนี้ ringing ต่ำกว่า 150Hz ในห้องผมถูกจัดการเรียบ อย่างเนียน งานนี้ต้องยอมรับเลยว่ามันทำได้จริงไม่จกตา… ทำได้ไงเนี่ย

ดูค่าจากกราฟดีมาก คราวนี้มาฟังเสียงจริงดูบ้างว่าดีขึ้นจริงเหมือนอย่างที่กราฟแสดงไว้ไหม ทดสอบความถี่ต่ำ แน่นอนต้องจากหนังเรื่อง John Wick: Chapter 4 (2023) ฉากแรกเลยที่ John Wick ชกเสาสั่นสะท้านสะเทือน ฉากนี้ผมลองบ่อยมากจนจำลักษณะเสียงได้ แต่พอทำ Dirac ART แล้วเปิดดู เสียงไม่เหมือนที่เคยฟังมาเลย เสียงแน่นขึ้น ชัดขึ้น ขอบเสียงต่ำชัดเจน ไม่มีอาการ smear ของเสียง แค่ฟังแบบสบาย ไม่ต้องฟังแบบนั่งจับผิดก็เห็นความต่างเยอะ รายละเอียดของเสียงตรงนี้เยอะกว่าที่เคยฟัง คงเป็นเพราะที่เคยฟังมาเสียงบางส่วนถูกกลบด้วยเสียงความถี่ต่ำเดิมที่เก็บตัวไม่ทันเนื่องจาก decay time ของห้องสูงเกิดสั่นก้องมาทับ ทำให้เสียงตอนนี้ได้รายละเอียดครบแบบไม่เบลอ ไม่มีเพี้ยน แบบนี้แหละมั้งที่ฝรั่งมักเรียกว่า “clean bass” ฟังแล้วเก็ตเลยกับความหมายของคำคำนี้

ลองฟัง Star Wars: Episode VII-The Force Awakens หนังเรื่องนี้ผมเคยไปฟังจริงๆ ในระบบ Dolby Atmos จากสตูดิโอที่ทำเสียงของหนังเรื่องนี้มา ทำให้พอรู้ว่าเสียงจะออกมาประมาณไหน ต้องบอกว่าเสียงที่ออกมาจาก Storm Audio: ISP Elite MK3 นั้นทำเสียงออกมาได้ใกล้เคียงเสียงที่เคยได้ยินในสตูดิโอมาก ทั้งความหนักหน่วงของเสียง โทนัลบาลานซ์ทั้งเสียงความถี่ต่ำ ความถี่สูง ยิ่งหนังเรื่องนี้มีหลายฉากที่ยานวิ่งไล่ ยิงต่อสู้กันรอบทิศ ความชัดของเสียง immersive นั้นทำได้เนียนไม่มีช่องโหว่ รู้ตำแหน่งยานที่วิ่งรอบตัวเลย เสียงระเบิด เสียงปืน เสียงความถี่ต่ำ น้ำหนักเสียง เนื้อเสียงไม่ต้องพูดถึง Dirac ART จัดการได้อย่างยอดเยี่ยมมาก และด้วย decay time ของเสียงที่ต่ำ ก็ทำให้ดูหนังได้นานขึ้นโดยไม่เหนื่อย ไม่อึดอัดอีกด้วย

Bohemian Rhapsody (2018) เป็นหนังที่เสียงคอนเสิร์ตมิกซ์ออกมาได้เยี่ยมมาก เป็นความโชคดีว่าในยุคสมัยที่คอนเสิร์ตนี้แสดงอยู่จริง ส่วนมากการออกอากาศจะเป็นการใช้ไมค์บันทึกเสียงของเครื่องดนตรีที่เล่นทุกตัวรวมกัน แต่ด้วยความเก่งของ BBC sound engineer สมัยนั้น ได้ทำการบันทึกเสียงเป็นมัลติแทร็ก แยกเครื่องดนตรีแต่ละตัวแล้วค่อยนำมามิกซ์รวมกันก่อนออกอากาศในระบบสเตริโอ ทำให้มีไฟล์เสียงที่มีคุณภาพของเครื่องดนตรีแต่ละตัวที่เล่นจริงในวันนั้นเก็บไว้ และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้นำแทร็กเสียงเหล่านี้กลับมามิกซ์ใหม่ แล้วค่อยเพิ่มเสียงของบรรยากาศอื่นเข้าไปทีหลัง ทำให้เสียงดนตรีที่ได้ยินจากหนังเรื่องนี้เป็นเสียงของวง Queen เล่นจริงที่ชัดเจน มีนอยส์กวนเสียงน้อยมาก เสียงดีแบบมีมิติ ดีจนในปี 2019 เป็นหนังที่ได้รับรางวัลออสการ์ เรื่องเสียงทั้ง Best sound editing, Best sound mixing และเมื่อได้ฟังจากStorm Audio: ISP MK3 ที่ได้ทำ Dirac ART แล้วนั้น ฟินจริงๆ ครับ เป็นเสียงคอนเสิร์ตที่ดีมาก ความถี่ต่ำของเสียงกลองมาเป็นลูกๆ ทุกครั้งที่เหยียบกระเดื่อง ความสดใสของไฮแฮต ความแรงของกลองสแนร์ ความพลิ้วของเสียงกีตาร์ รวมกับเสียงร้องทรงพลังอันมีเสน่ห์ของ Freddie Mercury ช่างทำออกมาได้อย่างลงตัว ไพเราะน่าประทับใจ ใครที่เคยดูเรื่องนี้แบบผ่านๆ ลองกลับไปดูอีกรอบเพื่อเก็บความประทับใจเหล่านี้ไว้ เพราะผมคิดว่า Bohemian Rhapsody เป็นภาพยนตร์ที่ทำเสียงคอนเสิร์ตออกมาได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่มีอยู่ในปัจจุบันครับ

Storm Audio: ISP Elite MK3 เป็น sound processor ที่สุดยอดตัวหนึ่งในวงการโฮมเธียเตอร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้คุณภาพเสียงออกมาดีเยี่ยม มีความ flexible ของเครื่องสูง อัปเกรดอุปกรณ์ได้ง่าย รองรับ interface ของเสียงที่จะมีในอนาคตได้หลายแบบ ทำการติดตั้งและปรับจูนได้ง่าย ความบกพร่องของโปรแกรมน้อย ที่สำคัญรองรับระบบ Dirac Live Active Room Treatment ทำให้ห้องที่เคยเจอปัญหาเรื่องอะคูสติกส์ของเสียงต่ำ มีเสียงที่ดีออกมาได้อย่างสะดวกง่ายดาย เหมาะสมแล้วกับคำที่บอกว่า “Simply the best home cinema sound processor” ต้องขอขอบคุณทางบริษัท Inventive AV ที่ส่งเครื่อง Storm Audio: ISP Elite MK3 มาเปิดโลกทัศน์ของผมในครั้งนี้ด้วยครับ. ADP

Storm Audio ISP16 Elite MK3 ราคา 670,000 บาท
Storm Audio ISP24 MK3        ราคา 790,000 บาท
Storm Audio ISP32 MK3        ราคา 890,000 บาท

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย Inventive AV
โทร. 0-2238-4078

พงศ์ทิพจักร์

ผู้เขียน: พงศ์ทิพจักร เชื้อเจ็ดองค์ (หมอเอก)
Audiophile/Videophile Reviewer