นักเขียน : ทพ. พงศ์ทิพจักร์ เชื้อเจ็ดองค์

เนื้อหาฉบับที่แล้วในเรื่อง “Immersive Audio Past Present and Future” ผมได้กล่าวถึงกลุ่มที่ชื่อว่า DCI (Digital Cinema Initiative) ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อวงการ ภาพยนตร์มาก เนื่องจากประกอบไปด้วย Studio ใหญ่ๆ อยู่หลายแห่ง เช่น Disney, Fox, Paramount, Sony Pictures, Universal, Warner Brothers เป็นต้น เรียกได้ว่า กว่า 99% ของภาพยนตร์ที่เราดูอยู่ก็มาจากกลุ่มนี้ และตอนนี้ DCI เริ่มเข้ามามีบทบาทในห้องดูหนังภายในบ้านมากขึ้น ซึ่งเมื่องาน CEDIA 2019 ที่ผ่านมา ผมก็ได้เข้าร่วม Class ที่พูดถึงเรื่องนี้โดยตรงในหัวข้อ “Digital Cinema Initiatives – From the Commercial Movie Theater to Your Customers’ Homes” โดยได้มีการนำบุคลากรในส่วนต่างๆ เกี่ยวกับโรงภาพยนตร์ DCI มาเล่าให้ฟังว่า โรงภาพยนตร์ DCI จะเข้ามาสู่ในบ้านได้อย่างไร นับว่าเป็นหัวข้อที่น่าสนใจมาก อีกหัวข้อหนึ่งในงาน CEDIA 2019 ที่ผ่านมา ยังไงใครสนใจ ในเรื่องนี้ลองติดตามอ่านกันดูได้เลยครับ

สมาชิกของกลุ่ม DCI (Digital Cinema Initiative)

ย้อนไปในอดีต โรงภาพยนตร์มีการใช้ระบบ Film ทั้งหมด มาถึงใน ยุคปัจจุบันโรงหนังแบบฟิล์มกำลังจะถูกแทนที่ด้วยโรงภาพยนตร์แบบดิจิทัล เนื่องจากมีข้อดีหลายข้อ เมื่อเทียบกับระบบฟิล์ม… ดังนี้

35mm Film

• ต้องมีการดูแลรักษาอุปกรณ์ทางกลไกอยู่เสมอ
• ในหนังแต่ละเรื่องต้องใช้พื้นที่มากในการเก็บ ในการส่งม้วนฟิล์มหนัง
• ใช้พลังงานไฟฟ้าสูง
• ห้องฉายมีขนาดใหญ่
• ภาพและเสียงคุณภาพจะลดลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากการสึกกร่อนและการขาดของฟิล์ม

Digital Cinema

• ให้คุณภาพของเสียงและภาพสม่ำเสมอทุกครั้งที่ทำการฉาย
• พื้นที่ในการจัดเก็บน้อย
• หนังหลายเรื่องสามารถ Load เก็บไว้ใน Server ตัวเดียวกันได้
• เนื่องจากมีส่วนประกอบที่ต้องขยับหมุนน้อย การบำรุงรักษาทางอิเล็กทรอนิกส์จึงไม่ต้องทำบ่อย
• การปิดเปิดเครื่อง การควบคุมต่างทำได้อย่างง่ายดาย
• สามารถให้การบริการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทาง online ได้ตลอดเวลาทำให้มีการแก้ไขในหน้างานได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วกว่า
• ใช้เนื้อที่ในห้องฉายแค่ 1/10 ของห้องฉายหนังแบบฟิล์ม

ดังนั้น โรงภาพยนตร์แบบ Digital จึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ระบบโรงภาพยนตร์แบบ DCI จึงถูกนำมาใช้ในโรงภาพยนตร์เพื่อการค้า หลายแห่ง เนื่องจากสะดวกรวดเร็วในการฉายหนังแต่ละเรื่อง ทำให้ โรงภาพยนตร์สามารถฉายหนังได้พร้อมการเปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก และตอนน

ภายในบ้านหรือ Home Cinema/Theater กันแล้ว มาถึงตอนนี้ ถ้าผมพูด ถึงว่าโรงภาพยนตร์แบบ DCI ภายในบ้าน หรือ DCI Home Cinema/Theater ผู้อ่านหลายท่านก็อาจจะยังนึกไม่ออกเป็นรูปธรรมว่ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง แล้วมันจะต่างจาก Home Theater ทั่วไปอย่างไร เพราะเดิมจะคุ้นแต่กับ โรงภาพยนตร์แบบ DCI ในโรงภาพยนตร์ Digital ที่ใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ทาง DCI ได้เริ่มเข้ามาติดตั้งระบบโรงภาพยนตร์แบบ DCI นี้ในบ้านกลุ่มลูกค้า ที่มีกำลังทรัพย์เพื่อให้สามารถเข้าถึงภาพยนตร์ Hollywood ได้ง่ายสะดวก รวดเร็ว และให้คุณภาพของภาพและเสียงได้สูงสุดใกล้เคียงกับหนังที่สร้างออก มาจากสตูดิโอเลย อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ โรงภายนตร์ DCI ภายในบ้านนี้ เป็นโรงที่สามารถฉายหนังพร้อมกันกับวันเปิดตัวของหนังที่ Hollywood หรือบางทีอาจจะสามารถดูได้ก่อนที่หนังจะเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ในหลาย ประเทศเลยด้วยซ้ำ ที่ทำอย่างนี้ได้ก็เพราะว่าภาพยนตร์จะถูกส่งมาโดยตรงจาก Hollywood เป็น Hard Disk คล้ายๆ กับโรงภาพยนตร์ที่เรียกว่า DCP (Digital Cinema Package) หรือในปัจจุบันสามารถส่งมาทาง Streaming และเก็บไว้ ใน Hard Disk โดยเฉพาะ โดยมีการเข้ารหัสไว้เพื่อให้สามารถกำหนดวันเริ่มต้น ดูและวันที่สิ้นสุดได้ ทำให้หนังที่ซื้อมาดูได้จำกัดอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

โรงภาพยนตร์ภายในบ้านแบบ DCI สามารถฉายหนังพร้อมกับโรงภาพยนตร์ทั่วไปได้

ถ้ายังนึกไม่ออกตัวอย่างห้อง DCI Home Cinema ที่เห็นบ่อยๆ ก็คือ ห้อง Home Cinema ของ Michael Bay ผู้กำกับชื่อดังจาก Transformer ที่ห้องดูหนังของเขาเป็นห้องที่มีที่นั่งเกือบสี่สิบที่นั่ง มีโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ ของ Barco วางไว้ข้างนอกห้อง แล้วฉายภาพผ่านกระจกเข้ามาสู่จอ Stewart ขนาดร่วม 300 นิ้ว ซึ่งห้องนี้สามารถฉายภาพยนตร์ในฟอร์แมตแบบ DCI ได้ หรือเรียกว่าเป็น DCI Compliance นั่นเอง ความจริงแล้วคนที่มีชื่อเสียงใน วงการภาพยนตร์หลายคนก็ใช้ระบบโรงภาพยนตร์ภายในบ้านแบบนี้ เช่น นักแสดงอย่าง Tom Cruise, Ben Affleck, SharonStone , Sylvester Stallone นักร้องเช่น Lionel Riches, Rupert Murdoch, Barry Manilow หรือ Producer เช่น Peter Guber, Lorenzo di Bonaventura, Joel Silver และแม้กระทั่งผู้กำกับอย่าง Steven Spielberg, Woody Allen, David Lynch, Quentin Tarantino เหล่านี้ก็ใช้ห้องดูหนังภายในบ้านที่เป็นระบบ DCI Compliance ทั้งนั้น

คราวนี้ลองมาดูในรายละเอียดแต่ละอย่างกันบ้างว่า ถ้าอยากติดตั้ง โรงภาพยนตร์ภายในบ้านที่เรียกได้เป็น high-end private cinemas แบบนี้นั้น ต้องมีองค์ประกอบสำคัญอะไรที่ต้องคำนึงถึงบ้าง

โรงภาพยนตร์ภายในบ้านแบบ DCI ของ Michael Bay ผู้กำกับชื่อดัง
Michael Bay และเครื่องฉายแบบ DCI Compliance

โรงภาพยนตร์ภายในบ้านแบบ DCI ในปัจจุบันสามารถรองรับระบบ ภาพและเสียงได้หมดทั้งในความละเอียดระดับ 2K/4K ภาพ High Dynamic Range ภาพแบบ High Frame Rate ระบบเสียงแบบ 5.1, 7.1, Dolby Atmos, Auro 13.1 และ DTS X แบบ object-based 3D สำหรับโปรเจกเตอร์ หรือทีวีที่จะแสดงภาพได้ต้องเป็นเครื่องที่ระบุว่าเป็น DCI Compliance หรือ DCI Certified ส่วนมากจะเป็นโปรเจกเตอร์ตัวใหญ่ๆ จากหลายยี่ห้อ ทั้งจาก Barco, Christie Digital, Dolby Laboratories Inc., Sony หรือแม้ กระทั่งจอ LED Onyx ของ Samsung ที่เห็นอยู่ในโรงภาพยนตร์พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ก็เป็นจอ DCI Certified เช่นกัน เครื่องเหล่านี้บางเครื่องจะมี Hard Disk อยู่ข้างในเครื่องเพื่อใช้เก็บข้อมูลหนัง DCI ที่ส่งมาเป็น DCP หรือจากการ Download ภาพยนตร์มาเก็บไว้ โดยปกติหนังที่เราดูจากแผ่น Blu-ray หรือ จากไฟล์ก็มีขนาดไม่กี่สิบ Gigabyte อย่างมากไม่เกิน 100 Gigabyte แต่สำหรับ ภาพยนตร์ DCI แต่ละเรื่องนั้นต้องอาศัยความจุหลายร้อย Gigabyte หรือบางที กว่า Terabyte เลยทีเดียวสำหรับหนังเรื่องหนึ่ง หลายคนก็อาจจะสงสัยว่า ภาพยนตร์ 4K HDR ที่ดูอยู่ในห้อง Home Theater ก็ความละเอียดของภาพ ระดับ 4K HDR เหมือนกัน ทำไมข้อมูลถึงได้ต่างกันมากมายนัก จำนวน pixel ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น เรื่องนี้ทาง Staff ของ DCI เขาได้บอกว่า ภาพยนตร์ของทาง DCI ไม่มีการบีบอัดข้อมูลทั้งภาพและเสียง ข้อมูลจะมาแบบเต็มๆ เขาบอกว่า อย่าไปดูที่จำนวน pixel ของภาพ ให้ดูที่คุณภาพของ pixel แทน อย่างกับ ภาพใน content โดยทั่วไปที่เราดูในห้อง Home Theater เวลาดูอัตราการ ส่งข้อมูลของภาพ ถ้าเป็น set top box หรือ apple TV อัตราการส่งข้อมูลจะ น้อยอยู่แค่ในระดับหลักสิบ Mbps ถ้าเป็นหนังจากแผ่น Blu-ray ไฟล์ Full rip ต่างๆ การส่งข้อมูลถ้าทั่วไปอาจจะไประดับ 50 – 60Mbps ถ้าจะดีขึ้นมาหน่อย ก็พวกสารคดีเน้นคุณภาพของภาพซึ่งก็อาจจะขึ้นไปถึง 80 – 100Mbps หรือ แม้กระทั่งระบบคาไลเดสเคป (Kaleidescape) movie-player and servers ชื่อดัง ที่ว่าให้ภาพกับเสียงดีๆ นั้น อัตราการส่งผ่านข้อมูลยังอยู่ในระดับ ประมาณ 150Mbps เท่านั้น แต่สำหรับภาพยนตร์แบบ DCI อัตราการส่งข้อมูล จะมากกว่า 500 – 600Mbps เลยดีเดียว นอกจากนี้ เครื่องโปรเจกเตอร์ หรือทีวี ที่รองรับ DCI เหล่านี้ต้องมีช่อง LAN ที่ต้องเสียบไว้ online ตลอด เนื่องจาก ว่าภาพยนตร์ DCI เหล่านี้มีการเข้ารหัสข้อมูลไว้หลายชั้นป้องกันการ copy จึงต้องใช้การตรวจสอบแบบ online ตลอดเวลาด้วย สำหรับเครื่องโปรเจกเตอร์ ที่รองรับ DCI ส่วนมากมีขนาดใหญ่ เวลาติดตั้งแนะนำให้ติดตั้งนอกห้องดูหนัง แล้วฉายภาพผ่านกระจกเข้ามาในห้องดูหนัง เนื่องจากว่าขณะเครื่องกำลัง ฉายนั้นจะมี เสียงดั งมีความร้อนเกิดขึ้น จึงต้ องทำเป นห้องแยกออกมาอยู่ด้านหลังตำแหน่งนั่งดู มีการจัดการเรื่องความร้อน เรื่องเสียง อย่างเป็น ระบบทั้งเพื่อให้ห้องดูหนังไม่ร้อนจนเกินไปและช่วยยืดอายุการใช้งานด้วย ส่วนการบำรุงรักษาเครื่องฉายหรือจอภาพขนาดใหญ่เหล่านี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่ ไปบำรุงรักษาและตรวจเช็คระบบต่างๆ อย่างน้อย 6 เดือนต่อครั้ง เพื่อให้ เครื่องสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดตลอดเวลา

โปรเจกเตอร์ที่รองรับ DCI จะมีขนาดใหญ่ ต้องติดตั้ง นอกห้องแล้วฉายภาพผ่านกระจกเข้ามาในห้องดูหนัง
Dolby Digtial Cinema Processor รุ่น CP950

สำหรับเรื่องเสียง วันที่เข้าฟัง Training เรื่อง DCI ก็มี Staff จากทาง Dolby Laboratories Inc. คือ Andrew M Poulain ตำแหน่ง Director, World Wide Cinema Products ซึ่งเมื่อก่อนแกเคยเป็น Engineer ของ ทาง Dolby แต่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งใหญ่ขึ้นมาเป็น Director แกก็มาให้ รายละเอียดเกี่ยวกับระบบเสียงของโรงภาพยนตร์ DCI ภายในบ้าน เริ่มจาก เครื่อง Digital Processing ใช้ของ Dolby Digtial Cinema Processor ในซีรีส์ CP ซึ่งตอนนี้พัฒนามาถึงรุ่น CP950 แล้ว โดยตัว Digital Cinema Processor เป็นเครื่องที่ทำการ Decode สัญญาณเสียงออกมาเป็นระบบเสียงต่างๆ ตาม ที่ถูกบันทึกมา เช่นเดียวกันกับเครื่องโปรเจกเตอร์ ด้านหลังของเครื่อง Digital Cinema Processor ก็มีช่องเสียบสาย LAN เพื่อเชื่อมเข้ากับ network และเครื่องโปรเจกเตอร์ให้สามารถตรวจสอบการเข้ารหัสของข้อมูล ถ้าเป็น ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เช่น เอาหนังไปเปิดวันที่เกินกำหนดการฉายไว้ ตัวเครื่อง ก็ไม่สามารถถอดรหัสสัญญาณเสียงได้ ก็อย่างที่บอกว่าเพื่อเป็นการป้องกัน การละเมิดลิขสิทธิ์ ทาง DCI ก็เลยต้องทำการป้องกันไว้หลายที่หลายจุด ในปัจจุบันเครื่อง Pre-processor สำหรับงาน Home Theater บางเครื่อง ก็เริ่มมีการรองรับข้อมูลเสียงจาก DCI บ้างแล้ว อย่างเช่นล่าสุดผมได้ไป เห็นเครื่อง Pre-processor ของ Lyngdorf MP-60 ในงาน CEDIA 2019 ก่อนที่เครื่องจะวางตลาด พบว่าด้านหลังของเครื่องก็มี option ให้สามารถ เพิ่ม module เพื่อเชื่อมต่อ digital connection กับ DCI movie servers ได้ ส่วน Pre-processor ของ Storm Audio 2020 Mark 2 ก็บอกไว้ว่าสามารถ upgrade ให้รองรับ DCI server/player 16-channel AES/EBU interface ได้ นอกจากนั้น Staff ของทาง Dolby ได้พูดเพิ่มเติมถึงเรื่องลักษณะของการ จัดการความถี่ในห้องดูหนังแบบ DCI ด้วยว่า แนะนำให้ทำ Bass Management ในลำโพงเพื่อตัดความถี่ต่ำไปสู่ Subwoofer แทนที่จะตั้งเป็น Full-range เหมือนในโรงภาพยนตร์ หรือใน Dubbing Stage เนื่องจากขนาดของ โรงภาพยนตร์ภายในบ้านแบบ DCI ที่เล็กกว่าโรงภาพยนตร์ทั่วไป และลักษณะ ของลำโพงที่ใช้ก็ต่างกัน ทาง Dolby จึงแนะนำให้ทำ Bass Management จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า สำหรับการ EQ เสียงนั้น เนื่องด้วยเหตุผลเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องทำการชดเชย X-curve เหมือนในโรงภาพยนตร์ ปรับให้เป็น Flat จะดีและเหมาะสมกว่า ส่วนความดังของเสียงนั้นก็เช่นกัน ไม่จำเป็น ต้องปรับให้ดังเหมือนกับในโรงภาพยนตร์ เนื่องจาก Acoustics ของห้องที่ ไม่เหมือนกันระหว่างห้องขนาดใหญ่ในโรงภาพยนตร์และห้องขนาดเล็กของ โรงภาพยนตร์ในบ้านแบบ DCI

Pre-processor ที่ใช้ภายในบ้านเริ่มมี option ให้สามารถรองรับกับระบบ DCI บ้างแล้ว

ในเรื่องของตัวภาพยนตร์นั้น ตอนนี้มีบริษัทที่ให้บริการจำหน่าย ภาพยนตร์แบบ DCI นี้ ได้แก่… บริษัท Bel Air Cinema โดยตัวภาพยนตร์ เขาจะส่งมากับ network ผ่านสาย LAN เห็นว่าถ้าความเร็วของ network อยู่ที่ 50 – 100Mbps ก็ใช้งานได้แล้ว เพราะระบบของเขาใช้หลักการ load หนังเข้ามาเก็บไว้ใน Hard Drive ที่ Server ให้เสร็จก่อน แล้วถึงค่อยดูได้

Bel Air Cinema บริษัทที่ให้บริการภาพยนตร์แบบ DCI ภายในบ้าน

ส่วนในรายละเอียดต่างๆ สามารถเข้าไปอ่านหลักเกณฑ์ต่างๆ ได้ที่ https:// www.belaircinema.com/welcome ซึ่งตอนนี้กลุ่มลูกค้าหลักของเขาก็ คือ Celebrity ที่อยู่ในอเมริกา ในเรือ High-End Superyacht และกำลัง ขยายกลุ่มลูกค้าไปยังเศรษฐีในตะวันออกกลาง ส่วนอัตราค่าบริการ เท่าที่ ผมพอทราบมาคร่าวๆ ยังไม่ได้รับการยืนยันจากบริษัท (แค่เห็นราคาคร่าวๆ เลยคิดว่าอย่าไปถามเขาดีกว่า 555) ค่าแรกเข้าเพื่อเป็นสมาชิกน่าจะเป็น หลายแสนหรือหลักล้านบาท แล้วแต่ประเภทของสมาชิก ส่วนอัตราค่าสมาชิกก็ประมาณหลักแสนบาทเช่นกัน… แต่เดี๋ยวก่อน ไม่ได้เป็นรายปีนะครับ อัตราค่าสมาชิกนี้จ่ายเป็นรายเดือนครับ (ถึงตอนนี้ขอปาดเหงื่อนิดหนึ่ง….) ส่วนราคาภาพยนตร์แต่ละเรื่องก็จะแตกต่างกันไป ว่าเป็นหนังดังระดับไหน ความยาวของหนังเท่าไหร่ และจะทำการเช่ากี่วัน จะดูกี่รอบ ก็ว่ากันไป แต่เท่าที่รู้ก็หลายหมื่นบาทต่อเรื่องครับ เช่น ถ้าซื้อดูสองครั้งใน 36 ชั่วโมง ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 1500 – 3000$ แต่นี่เป็นราคาไม่ confirm เมื่อหลายปี ก่อนนะครับ ตอนนี้ราคาเป็นเท่าไหร่ ผมก็ไม่ รู้แล้ว เป็นยังไงครับ เห็นอัตรา ราคาแล้วพอไหวไหม ส่วนผมขอแค่เป็นคนร่วมชื่นชมยินดีกับใครที่มีโอกาส เป็นเจ้าของระบบโรงภาพยนตร์ในบ้านแบบ DCI นี้ ผมก็ดีใจแล้วครับ

โรงภาพยนตร์ภายในบ้านแบบ DCI ที่ใช้หนังของ Bel Air Cinema
คุณภาพของภาพและเสียงในหนังแบบ DCI เป็นแบบ lossless หรือไม่มีการบีบอัดข้อมูลใดๆ
Bel Air Cinema สามารถ Control โดย iPad ทำให้สะดวกในการเลือกภาพยนตร์

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลคร่าวๆ ของระบบโรงภาพยนตร์ภายในบ้านแบบ DCI ที่ทำให้เราสามารถได้ดูหนังพร้อมกันกับที่กำลังฉายในโรงภาพยนตร์ ทั่วไปได้เลย ทั้งคุณภาพของภาพ คุณภาพของเสียง เรียกได้ว่าครบถ้วน สมบูรณ์แบบ ใกล้เคียงกับที่ดูอยู่ในโรงภาพยนตร์ดิจิทัลมาตรฐาน หรือใน Post Production Studio ตามที่ผู้กำกับหรือผู้ทำหนังต้องการให้ได้ดูอย่างไง อย่างงั้น แต่สนนราคาก็เรียกได้ว่าไม่เบาอยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตามถึงแม้มัน อาจจะไกลเกินเอื้อมสำหรับคนโดยทั่วไป (เช่นผม) แต่อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้ว่า มีโรงภาพยนตร์ระดับ High-End แบบนี้อยู่ในตลาดผู้บริโภคด้วย ส่วนถ้าใคร ต้องการความสุดยอดของภาพและเสียงในภาพยนตร์ ต้องการดูหนังที่ฉาย พร้อมกับในโรงภาพยนตร์ทั่วไป แต่ดูอยู่ที่บ้าน และเรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหลัก โรงภาพยนตร์ในบ้านแบบ DCI นี้ ตอบโจทย์ของคุณได้แน่นอน เพราะว่ามัน คือ High-End Private Cinema อย่างแท้จริง. VDP

High-End Private Cinema แบบ DCI

นิตยสาร AUDIOPHILE VIDEOPHILE ฉบับที่ 274