Mr. Bjorn Bengtsson โปรดักส์ สเปเชี่ยลลิสต์จาก Nordost เดินทางมาแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ของ QRT ซีรี่ส์ทั้ง QBASE MARK III AC distribution unit รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ใช้เทคโนโลยีขจัดน้อยส์ตั้งแต่ต้นตอ, รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันน้อยส์จากปัจจัยภายนอกอย่าง QSINE และ QWAVE ปิดท้ายด้วยไฮไลต์ QBASE Reference AC distribution unit ระดับอ้างอิงแบบ 10 outlet ที่รวมเทคโนโลยี QRT หลายอย่างของ Nordost เอาไว้ด้วยกัน พร้อมขยายประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดน้อยส์ฟลอร์ของระบบ โดยไม่ลดทอนไดนามิกเรนจ์ของซิสเต็ม



ก่อนที่จะพูดถึงไฮไลต์อย่าง QBASE Reference ทาง Mr. Bjorn ได้เล่าถึงตัว QBASE ซึ่งเป็นปลั๊กรางจ่ายไฟรุ่นแรกที่เปิดตัวมาตั้งแต่ช่วงปี 2009 และได้พัฒนาต่อเนื่องเป็นรุ่น MARK II ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนแบบไมเนอร์เชนจ์ซะส่วนใหญ่ กระทั่งมาถึงรุ่นล่าสุดอย่าง MARK III ที่บอกได้ว่าเป็นการ “ยกระดับ” วงจรภายในใหม่ทั้งหมดทำให้คุณภาพเสียงก้าวกระโดดไปอีกขั้นอย่างชัดเจน

QBASE ใช้หลักการแบบ Parallel Device ไม่มีฟิลเตอร์ขวางทางกระแส หรือวงจรแอคทีฟใดๆ ทำให้ไม่อั้นไดนามิก ไม่เกิดอาการอั้นกระแส จึงใช้ได้กับอุปกรณ์ทุกประเภท แม้แต่เพาเวอร์แอมป์โมโนบล็อกวัตต์สูง หัวใจสำคัญของการออกแบบรุ่น MARK III คือ “star-earth topology” เทคนิคเฉพาะตัวของ Nordost ในจัดการทิศทางไหลของสัญญาณและเส้นทางเดินกราวด์ ที่ก่อให้เกิดน้อยส์และการรบกวนกันเองภายในซิสเต็มเครื่องเสียง โดยเชื่อมต่อกราวด์ทุก outlet

มายังจุดเดียว และยกระดับอิมพีแดนซ์ทุก outlet ยกเว้นหนึ่งช่องที่กำหนดให้เป็น “Primary Earth” วิธีการนี้จะทำให้เกิดเส้นทางเดินไฟ AC จากปลั๊กผนังมายังอุปกรณ์แต่ละตัวอย่างต่อเนื่อง มีทิศทางการไหลของกราวด์ที่แยกขาดจากกัน และขจัดทิศทางการไหลที่กวนกันเองระหว่างเส้นทางสัญญาณและกราวด์ ตัวบอดี้เป็นอะลูมิเนียมที่ผ่านการรีดขี้นรูป และจูนด้านเม็คคานิกส์มาอย่างดี มีการเพิ่มบอร์ดวงจรเป็นสองฝั่ง ใช้ dual-level PCB จัดเส้นทางเดินLive/Neutral แบบสมมาตร พร้อมแยกการเชื่อมต่อกราวด์ทั้งหมดออกจากกัน เพื่อลดค่า crosstalk ให้เหลือน้อยที่สุด ให้กระแสไหลได้อย่างเต็มพิกัด ใช้สายวายริ่ง Nordost Mono-Filament ทั้งหมด

นอกจากการขจัดน้อยส์ที่ต้นตอของปัญหาแล้ว Mr. Bjorn ได้แนะนำอุปกรณ์สำหรับขจัดน้อยส์ที่มาจากสภาพแวดล้อมภายนอกเช่น EMI และ RFI ร่วมด้วย นั่นคืออุปกรณ์ในกลุ่ม QRT plug-ins รุ่นใหม่ของ Nordost ทั้ง QSINE และ QWAVE โดยนำมาเสียบใช้งานที่ตัว QBASE MARK III ตัวโมดูล QSINE จะทำหน้าที่เป็น Passive Field Generator ปล่อยคลื่นเข้าไปในระบบเพื่อจัดระเบียบรูปคลื่นไซน์ ลดผลกระทบจาก EMI ที่แฝงอยู่ในกระแสไฟ AC ส่งผลให้โทนัลบาล้าซ์ดีขึ้น เบสชัดเจนเป็นตัวตน จังหวะของดนตรีแม่นยำขึ้น


โดย Mr. Bjorn ได้เปิดคลิปสาธิตจากยูทูปเบอร์ท่านหนึ่งที่ใช้ Line EMI Monitor วัดค่าน้อย์ก่อน-หลังการเสียบ QSINE เข้ากับปลั๊กผนัง เมื่อดึง QSINE ออก ส่งผลให้ค่า EMI สูงขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว สำหรับ QWAVE ทำหน้าที่เป็น AC Harmonizer แบบแอคทีฟ ใช้หลักการ Dithering ปล่อยสัญญาณ pulsed จำลองรูปคลื่น 50 หรือ 60Hz เข้าไปในระบบไฟ AC เพื่อคุมฮาร์โมนิกและโอเวอร์โทนของเสียง เพิ่มความ 3 มิติของอิมเมจและเวทีเสียง รวมถึงช่วยด้านระบบภาพให้มีความคมชัด มีเฉดสีชัดเจนมากขึ้น

มาถึงไฮไลต์อย่าง QBASE REFERENCE ที่คุณ Bjorn บอกว่า.. เกิดจากเสียงเรียกร้องของแฟนๆ ที่อยากให้ Nordost ทำ AC distribution unit ซึ่งรวมคุณสมบัติต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ QRT เอาไว้ด้วยกันทั้ง QSINE, QWAVE, QPOINT, และ QKORE ในตัวถังเดียว โดยมีฟีเจอร์เด่นๆ ดังนี้..

  • ระบบกราวด์ Star Earth Topology
  • บอร์ด PCB คู่ จัดเส้นทาง Live/Neutral แบบสมมาตร + แยกกราวด์ (พร้อมเทคโนโลยีกำหนดทิศทางแรงดันไฟฟ้า)
  • บิลต์อิน QSINE และ QWAVE อย่างละ 2 ชุด
  • ใช้เทคโนโลยี QPOINT ที่โมดิฟายมาเป็นพิเศษ
  • ระบบกราวด์ Primary และ Dual Primary (อ็อปชั่นเสริม)
  • สายวายริ่งโซลิดคอร์ Nordost Micro Mono-Filament
  • ดีไซน์กราวด์ Pre-QKORE
  • ติดตั้ง Sort Kone สี่จุดช่วยลดเรโซแนนท์

QBASE REFERENCE ถูกดีไซน์มาเพื่อเพื่อขจัดความไม่สมบูรณ์และความไม่แน่นอนของสัญญาณ AC ทุกรูปแบบ มีช่องเชื่อมต่อ 10 outlet ท้าย 20-amp IEC เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 10 เครื่อง ตั้งแต่แหล่งโปรแกรมต้นทางไปจนถึงเพาเวอร์แอมป์โมโนบล็อก ใช้หลักการแบบ Parallel Device ไม่อั้นกระแสและไดนามิก (จ่ายกระแสสูงสุด 32A) ด้วยพื้นที่ภายในที่มากขึ้นทำให้วิศวกรสามารถออกแบบภาคจ่ายไฟคุณภาพสูงเข้าไปได้ ซึ่งส่งผลให้การทำงานของ QSINE และ QWAVE รวมถึงวงจรต่างๆ ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปอีก บริเวณด้านหน้ามีสวิตช์โหมดเลือกการทำงานระหว่าง QSINE และ QWAVE ได้หลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับอุปกรณ์แต่ละประเภท ซึ่งคุณ Bjorn ได้กล่าวถึงภาพรวมของผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นการลดระดับของน้อยส์ฟลอร์ลงให้มากที่สุด โดยไม่ลดทอนไดนามิกเรนจ์ของซิสเต็มเป็นสำคัญ

ช่วงท้ายเป็นการสาธิตประสิทธิภาพของ QBASE REFERENCE ด้วยการฟังกับซิสเต็มระดับซูเปอร์ไฮเอ็นด์ที่ใช้ระบบดิจิทัลฟร้อนด์เอ็นด์ของ dCS, ปรีแอมป์ VTL, เพาเวอร์แอมป์โมโนบล็อก Hovland ขับลำโพง Wilson Audio Chronosonic XVX พอกดปุ่มให้ระบบ QSINE และ QWAVE ทำงาน ได้ยินน้ำเสียงที่ดีขึ้นหลายส่วน รายละเอียดหยุมหยิมผุดลอยขึ้นมาอีกมาก หัวโน้ตชัดเจนเป็นตัวตน บรรยากาศและเวทีเสียงแผ่หลุดลอยดีขึ้นแบบ 360 องศา โดยที่โทนเสียงของซิสเต็มยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับราคาค่าตัวของ QBASE Reference อยู่ที่ราว 18,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8 แสนกว่าบาท). ADP

สอบถามเพิ่มเติม
#Deco2000
Hotline: 08987-08987