นักเขียน : ธรรมนูญ ประทีปจินดา :

ในงานแสดงเครื่องเสียงใหญ่ไฟกะพริบ BAV HI-END SHOW 2018 เช่นที่ผ่านมา ทุกครั้ง บริษัทที่เข้าร่วมงานต่างขนศัสตราวุธ มาเต็มสรรพกำลังเพื่อประชันให้ผู้เข้าชมงาน ได้เลือกฟังกันอย่างเต็มที่ นอกจากนั้น เรายังได้พบกับ… เจ้าของ ผู้ออกแบบ ผู้ชำนาญการ รวมถึงตัวแทนแบรนด์ ระดับโลก ที่ยกขบวนเดินทางมาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่เห็นหน้าก็ต้องร้องอ๋อ! เพราะคุ้นหน้าว่ามาจากแบรนด์อะไร ประมาณว่าหน้าแทบจะเป็นโลโก้สินค้ากันเลย ถือเป็นความหมายของ ICONIC People ที่ตั้งใจจ่าหัวไว้ และต้องไม่ลืมว่า เขาเหล่านั้น คงไม่มีความจำเป็นต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเล มาครึ่งค่อนโลกเพื่อมาพบเจ้าของบริษัท หรือผมคนเดียวหรอก เพราะอันที่จริง เขาเหล่านั้นมาร่วมงานก็เพื่อมาพบผู้ชมงาน ซึ่งอาจจะเป็นลูกค้าคนสำคัญของเขาก็ได้ อีกทั้งไหนๆ ก็มาแล้ว จึงได้นำเสนอเกี่ยวกับ ข้อมูลสินค้า หรือบอกเล่าสิ่งที่อยากบอก ด้วยตัวของพวกเขาเอง

ทราบหรือไม่… ตลาดเครื่องเสียงบ้านเรา กำลังขยับตัวในทางที่ดี เรียกว่ากำลัง เนื้อหอมทีเดียว โปรดติดตามคอลัมน์นี้ให้ดี แล้วก็ไม่ต้องสงสัยว่า พักนี้ทำไมฝรั่งขยันนัก!!!

MR. RON CORNELIUS
(PRODUCT MANAGER)
FIELD TRAINING MANAGER MCINTOSH LABS

NEW McINTOSH’2018 PRODUCTS

ในงาน BAV HI-END SHOW 2018 ที่ผ่านมา ห้องโชว์บริษัท K S Sonsgroup บนชั้น 7 ของโรงแรมแลนด์มาร์ค เป็นหนึ่งในห้องโชว์ที่ได้รับความสนใจจากผู้มาชมงานแสดงเครื่องเสียงไฮเอนด์อย่างคึกคัก พาให้ชั้น 7 เนืองแน่นไปด้วยแฟนของ McIntosh ภายในห้องโชว์มีชุดเครื่องเสียงสองชุดตั้งอยู่ที่เตะตาตั้งตระหง่านอยู่ก็คือ ลำโพงเรือธงรุ่นใหม่ McIntosh XRT2.1K พร้อมกับเพาเวอร์แอมป์คู่ใหม่ MC1.25KW และ เทิร์นเทเบิ้ล Clearaudio: Statement ที่นายห้าง คุณวรเทพ ศรีชวาลา พร้อมด้วยคุณกฤษฎา ศรีชวาลา จัดเตรียมมาอย่างมั่นใจ อีกทั้งยังมีผู้เชี่ยวชาญจาก McIntosh Group พร้อมใจมาต้อนรับแฟนพันธุ์แท้ McIntosh เพราะทราบว่าคนไทยรัก McIntosh และเป็นโอกาสอันดีที่จะได้พูดคุยกับคีย์แมนคนสำคัญจาก McIntosh Group คือ Mr. Ron Cornelius ผู้คร่ำหวอดอยู่กับMcIntosh นานถึงยี่สิบสี่ปี มาช่วยเซ็ตอัพด้วยเรามาเข้าเนื้อหากันเลยนะครับ

…พบกันอีกครั้ง “ผมมาเยือนเมืองไทย นับครั้งไม่ถ้วน น่าจะราวๆ ยี่สิบครั้งแล้วมั้ง” สำหรับการมาเยือนเมืองไทยครั้งนี้ก็เพื่อ support งานโชว์ในห้องของ K S Sonsgroup ซึ่งคุณวรเทพต้องการความมั่นใจว่าจะแสดง ศักยภาพของซิสเต็มนี้ให้ดีที่สุด ลำโพงคู่ใหม่ McIntosh XRT2.1K เพิ่งรีลีสได้เพียงสอง เดือนเท่านั้น ใหม่สดจริงๆโชว์แรกที่ Reno และใน Conference ของเรา มาที่นี่ เพราะถือเป็นโชว์ที่สองของโลก และเป็น ครั้งแรกในเอเชียเลยนะ ความจริงก็ที่แรกๆ ของที่อื่นในโลกนอกอเมริกาเสียด้วยซ้ำงั้นขอนำเสนอเสียเลย

NEW MCINTOSH PRODUCTS

K S Sonsgroup มา BAV HI-END SHOW ในครั้งนี้ ได้นำเสนอลำโพงรุ่นเรือธงสุดหรู ยิ่งใหญ่ ที่มิเพียงให้เสียง ใหญ่ สด มี Image, Soundstage อันเยี่ยมยอด ที่มิใช่เพื่อ คนทั่วไป แต่สำหรับใครก็ตามที่ต้องการความเป็นที่สุด เหมือนกับคุณต้องการรถอย่างลัมโบกินีหรือเฟอร์รารี ซึ่งคง ไม่ได้ขับทุกวัน แต่มันต้องสุดๆ เหมาะสำหรับเจ้าของที่มี ห้องใหญ่ๆ หน้ากว้างสัก 7 เมตร ลึกสัก 9 เมตรเป็นอย่าง น้อย เพดานต้องไม่ต่ำกว่า 3.5 เมตร เพราะมันต้องการพื้นที่ ว่างของหลังตัวตู้กับผนังห้องประมาณ 12 ฟุต และระยะห่าง ของระยะนั่งก็ต้องมากกว่านั้น และมันคือที่สุด

ลำโพง McIntosh XRT2.1K เป็น ผลงานชิ้นล่าสุด เป็นความร่วมมือระหว่าง McIntosh กับ Sonus Faber ในการ ออกแบบตัวตู้ แต่บุคลิกเสียงยังคงเป็น McIntosh โดยพัฒนาต่างจากรุ่นเดิม McIntosh XRT2K ซึ่งรีลีสเมื่อปี 2005 ก่อนหน้านี้จะเห็นได้ว่า Sonus Faber ทำตัวตู้ออกมาได้เนี้ยบเพียงไร เป็นตู้ไม้สีดำPiano Black ซึ่งพ่นสีถึง 7 ชั้น สวยกว่าเดิม ทรงสูง 211 ซม. พอๆ กับรุ่นเดิม แต่เปลี่ยน อุปกรณ์ภายในใหม่หมด เป็นลำโพงสี่ทาง ครอสโอเวอร์ออกแบบใหม่หมด ใช้ดอก ลำโพงถึง 81 ดอก ซึ่งน้อยกว่ารุ่นเดิม ประกอบด้วยวูฟเฟอร์ 8 นิ้ว กรวยทำด้วย Nanocarbon Fiber/Nomex Honey­comb Long Throw จำนวน 6 ดอก ต่างจากรุ่นเดิมซึ่งใช้ไดรเวอร์ 12 นิ้ว กรวย Aluminum จำนวน 6 ดอก

Midrange Low ใช้ไดรเวอร์ขนาด 6.5 นิ้ว กรวยทำด้วย Nanocarbon Fiber/ Nomex Honeycomb ซึ่งเบาและแกร่ง เช่นกัน จำนวน 2 ดอก ยังมี Midrange Upper ขนาด 2 นิ้ว ทำด้วย Aluminum– Magnesium Dome จำนวน 28 ดอก ซึ่งรุ่นเดิมจะใช้ Midrange ขนาด 2 นิ้ว ทำด้วย Inverted Titanium Dome จำนวนมากถึง 64 ดอก

ส่วน Tweeter มีขนาด ¾ นิ้ว จำนวน 45 ดอก เป็น Aluminum–Magnesium Dome ซึ่งเสียงซอฟต์และสมูธกว่าเดิม เช่นเดียวกัน ซึ่งเดิมใช้จำนวน 40 ดอก เป็น Titanium ที่จะกร้าวกว่า แม้ว่าใช้ วูฟเฟอร์ขนาดเล็กกว่าก็จริง แต่ใช้วัสดุที่ดี กว่าเดิม ปรากฏว่าให้ความถี่ต่ำได้ลึกกว่า เดิมอีกด้วย สามารถตอบสนองความถี่ได้ ระหว่าง 12Hz – 45kHz ซึ่งเดิมทำได้ 14Hz – 45kHz ก็ถือว่าดีมาก

ห้องโชว์ McIntosh ในงาน BAV HI-END SHOW 2018

McIntosh XRT2.1K สำหรับผู้ที่ หลงใหลเสียงดนตรีอันสมจริง เพราะให้ Soundstage ที่กว้าง Sound Image ที่ลึกให้ Dynamic ทะลุขีดจำกัดในทุกตัวโน้ต ความถี่เสียงมิได้มาจากจุดใด จุดหนึ่ง แต่จะพุ่งมาเป็นแผง ทำนองเดียวกับ Line Array โดยใช้จุดเด่น ของ Line Array มาใช้เพื่อให้ฟังได้ดีในทุกระยะของตำแหน่งนั่งฟัง ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกับเวทีแสดงสดนั่นเลย เห็นไหมว่ารองรับกำลังขับ ของแอมป์ได้ถึง 2000 วัตต์ เปิดได้ดังถึง 125dB ทีเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้เปิด ดังขนาดนั้น มันสุดยอดมากเหมือนกับคุณขับ ซูเปอร์คาร์ หลังติดเบาะประมาณนั้นเลย เมื่อใช้กับระบบ Home Theater นี่สุดๆ เลย แน่นอนว่าคุณอาจต้องใช้แอมป์แรงถึงๆ อย่าง MC1.25KW ที่จะขับมันได้หมดจด แม้ว่ามี ความไวที่ 90dB ก็ตาม เมื่อรีลีสแล้วก็วางขาย และสั่งได้เลย ไม่มีข้อจำกัด ถ้าคุณสั่ง เราจะ ส่งจากโรงงานภายในราวเดือนกว่าๆ เอง การติดตั้งก็ไม่ยาก มาเป็นสามชิ้น คนของ K S Sonsgroup ติดตั้งได้เองเลย เพียงแต่ เตรียมห้องไว้ให้มันหน่อยนะครับ

เพาเวอร์แอมป์ MC1.25KW

มาพูดถึง MC1.25KW เป็นเพาเวอร์แอมป์ โมโนบล็อกตัวใหม่ จริงอยู่ที่แอมป์มีอายุของ สินค้าค่อนข้างนาน ไม่ค่อยได้ขยับรุ่นกัน บ่อยนัก แต่ก็ถึงเวลาที่ต้องขยับเสียที MC1.25KW เป็นเจเนอเรชั่นล่าสุดของ เพาเวอร์แอมป์ของ McIntosh ที่เริ่มจาก MC1KW เมื่อปี 90 และก่อนหน้านั้นก็เป็นMC1.2K และนี่คือ MC1.25KW ถือเป็นตัวที่ 3 ปกติจะมีระยะเวลาแต่ละรุ่น ราว 8 – 10 ปี เป็นเพาเวอร์แอมป์โมโนบล็อกตัวล่าสุดจาก McIntosh ถูกออกแบบขึ้นใหม่ตั้งแต่ฝาหลังเครื่องยันใต้เครื่อง วงจรยังคงถูกออกแบบ ให้มีกำลังขับที่ 1200 วัตต์ โดยใช้คอนเซ็ปต์เดิมคือ Quad Balanced design ซึ่งออกแบบใหม่หมด เพิ่มความจุของ คาปาซิเตอร์ภาคจ่ายไฟอีก 50% ส่งผลให้ Dynamic Headroom กว้างขึ้น จึงให้กำลังขับ สปีด และความแม่นยำเที่ยงตรง ให้เสียงสะอาด รวมถึงความบริสุทธิ์ของชิ้นดนตรีออกมา หมดจด ข้อสำคัญ… แอมป์ที่ดีนอกจากเสียงดี ต้องอึด ทนทานด้วย ไม่ว่าจะขับกับลำโพง สุดหินคู่ใดๆ ในโลก และแน่นอนว่า MC1.25KW ยังคงมีสไตล์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ McIntosh คงความขลังของ McIntosh DNA โดยคง “Mc” logo ไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย

THE SHOW

ในโชว์นี่เราใช้โน้ตบุ๊ก ใช้แอพ JRiver ยิงเข้าไปที่ปรีแอมป์ของ McIntosh D1100 ซึ่งเป็น Digital Preamp ที่รองรับดิจิทัลอินพุต ได้สารพัด รวมถึงซีดีทรานสปอร์ตด้วย ผมใช้ คอมนี่ล่ะในงานโชว์ เข็ดยังไม่หาย เคยเล่าให้ฟัง แล้วว่า กระเป๋าหายที่สนามบิน Heathrow สูญ ซีดีไปหลายสิบแผ่น ตอนนี้ผมพกอัลบั้มเพลงเป็นไฟล์มาเป็นร้อย เหมือนกับมันฝรั่งแผ่นไง เสียงไม่ต่างกับซีดีไม่ใช่เหรอ จริงๆ ก็ชอบแผ่นดำนะ แต่งานโชว์แบบนี้ต้องแบบนี้แหละ ถ้าเป็นที่ LA ผมคงหยิบแผ่นสักสิบยี่สิบแผ่นใส่รถไปเปิดในงาน ส่วนที่เปิดแผ่นดำที่นี่เป็น ของคุณวรเทพ

LAST WORDS

เป็นครั้งแรกที่มาที่แลนด์มาร์คนี่นะ บอกเลยว่า นี่แหละที่ควรจะเป็นฺ BAV HI-END SHOW เป็นที่โชว์ดี เราประสบความสำเร็จอย่างมาก แฮปปี้ครับ สถานที่ดี ห้องก็ดี คนก็เยอะ เราทราบว่าทุกคนรัก McIntosh การเดินทาง ก็สะดวกมาก อาหารการกินก็มีให้เลือกมาก ผมพักที่ Marriot ใกล้ๆ นี่เอง ผมมา BTS แค่สองสถานี สิบนาทีถึง โห.. ต่างกันกับศูนย์ประชุม BITEC เยอะ ครั้งก่อนขึ้นรถไฟฟ้าเกือบสุดสาย ไกลและเหงามาก ผมชอบที่นี่นะ พรุ่งนี้ก็ จะกลับแล้ว มีงานรออยู่ ต้องไปโชว์อีกหลายที่ในอเมริกา ที่ Chicago, LA ครั้งหน้าจะไปพักแถวจอมเทียน นอนพักนานๆ สักครั้ง ขอบคุณสำหรับ การต้อนรับ ขอให้สนุกกับเสียงดนตรีนะครับ. ADP

MR. BILL MCKIEGAN
PRESIDENT
DAN D’AGOSTINO MASTER AUDIO SYSTEM

NEW PRODUCTS UPDATE

ห้องโชว์ของ บริษัท Audio Revolution บนชั้น 7 ในงาน BAV HI-END SHOW 2018 เป็นหนึ่งในห้องโชว์ที่ได้รับความสนใจอย่างไม่ขาดสายเช่นเคย จัดโชว์ด้วยซิสเต็มไฮเอนด์สองชุด และที่สะดุดตาไม่น้อยก็คือ ลำโพงฮอร์น สีส้มสะดุดตาจับกับแอมป์ของ Dan D’Agostino แอมป์รูปลักษณ์ “หล่อล่ำหรู มีสไตล์” ผ่านปรีแอมป์ Dan D’Agostino PROGRESSION ตัวใหม่ล่าสุด กับเพาเวอร์แอมป์ Dan D’Agostino PROGRESSION แม็ตชิ่งได้ลงตัว โดยมีผู้บริหารของเขามาอยู่ในงานด้วย เลยได้คุยกันแบบ Exclusive เสียเลย

การมาเยือนงานโชว์เครื่องเสียงไฮเอนด์ในกรุงเทพฯ ครั้งที่สองของ Mr. Bill McKiegan, President แห่ง Dan D’Agostino MASTER Audio System ผู้รับผิดชอบทางด้าน Sales & Marketing ที่ดูแลลูกค้าทั่วโลก ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สนทนาแลกเปลี่ยนทัศนะกัน และนี่คือบทสัมภาษณ์ ที่คุณรอคอย มาครั้งนี้เขามีภารกิจอยู่ 2 เรื่อง มาดูสิว่ามีอะไรบ้าง

NEW PRODUCTS UPDATE

เครื่องเสียงของ Dan D’Agostino เติบโตด้วยคุณลักษณะผลิตภัณฑ ์ ที่ทั่วโลกยอมรับว่าให้คุณภาพดีที่สุด มีความเสถียรและมั่นคงในตลาดโลก อย่างที่เราทำให้กับ MOMENTUM amplifier เราใช้ทองแดงทำheat sink ซึ่งแน่นอนว่าดูดี และได้ผลดีต่อการระบายความร้อน ดีกว่าอะลูมินัม ถึง 80% ต้องเข้าใจว่าการวิจัยพัฒนาวงจรต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเรา วิจัยพัฒนาเอง ทำทุกอย่างเอง ผลิตเองในโรงงานของเราเองทั้งสิ้น

เป็นที่ทราบกันแล้วว่า MOMENTUM ถือเป็นรุ่น flagship ที่สุดยอด ทุกประการ แม้ว่าดูว่าตัวเล็ก แต่พลังเหลือเฟือ รองลงมาก็ PROGRESSION Stereo Poweramp ซึ่งรีลีสเมื่อปลายปี ต่อพ่วงด้วยปรีแอมป์ตัวใหม่เช่นกัน ในซีรีส์ของ PROGRESSION ที่จะแม็ตช์กับ Stereo Poweramp ตัวใหม่ที่อยู่ในห้องโชว์ของ Audio Revolution สุดท้ายก็เป็น MASTER

เป็นที่ทราบกันแล้วว่า MOMENTUM ถือเป็นรุ่น flagship ที่สุดยอด ทุกประการ แม้ว่าดูว่าตัวเล็ก แต่พลังเหลือเฟือ รองลงมาก็ PROGRESSION Stereo Poweramp ซึ่งรีลีสเมื่อปลายปี ต่อพ่วงด้วยปรีแอมป์ตัวใหม่เช่นกัน ในซีรีส์ของ PROGRESSION ที่จะแม็ตช์กับ Stereo Poweramp ตัวใหม่ที่อยู่ในห้องโชว์ของ Audio Revolution สุดท้ายก็เป็น MASTER Series สำหรับ Home Theater ที่จะมี 2 หรือ 3 ให้เลือก เหมาะกับ โฮมเธียเตอร์ที่ออกแบบให้ดูย้อนยุคสักนิด ซึ่งก็ได้ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้ หล่อขึ้น ไม่ขี้เหร่ ต่างจากเพื่อนเช่นในในอดีต ส่วนค่าตัวต่างกัน 30 – 70 – 100% แน่นอนว่า PROGRESSION มีประชากรสูงที่สุด แต่ถ้าไปถึง MOMENTUM ทำไมไม่ไปล่ะ และนั่นคือลูกค้าคนไทย ซึ่งก็เหมือนกันทั่วโลกด้วยนะครับ

DAN D’AGOSTINO ในห้องโชว์ ในงาน BAV HI-END SHOW 2018

ภารกิจที่ 1 ขณะนี้เราได้เติมเต็มผลิตภัณฑ์ใน เรนจ์ของ PROGRESSION Series ซึ่งปรีแอมป์ มาพร้อม Bluetooth remote control และมากับ ออปชั่น DAC board ซึ่งรองรับ 24 bit/384kHz และ DSD signals up to 4x DSD (11.2MHz) จะสั่งพร้อมกับสั่งเครื่องครั้งแรก หรือจะสั่งมาใส่ ภายหลังก็ได้ ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องจ่ายค่าเคส ถูกกว่าจ่ายค่าตัวของ External DAC แถมไม่ต้อง ต่อพ่วงให้รุงรังอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อตอบสนอง ความต้องการของผู้ใช้เกี่ยวกับ Digital Audio ที่กำลังร้อนแรง ไม่รวมถึงผู้ที่ไปแบบสุดๆ ที่พร้อม จะจ่ายกับ Digital Front End ราคา 4 – 5 ล้าน บาทนะ อย่าง MSB, dCS พวกเขาหมายถึงชุดที่ เล็กกว่านั้น เมื่อลูกค้ารัก Dan แล้วทำไม Dan จะ ไม่ทำเพื่อเขาล่ะ มั่นใจได้ว่าได้คุณภาพดีพอแน่นอน เนื่องจากภาคจ่ายไฟที่เราทำเผื่อไว้ให้กับออปชั่น DAC board ซึ่งมีอยู่เลยในขณะนี้ และ Phono Stage อีกชุดที่จะมีให้เล่นในปี 2019

ภารกิจที่ 2 ไม่ทราบว่าคุณเห็นมิเตอร์ที่โชว์อยู่ บนห้องของ Audio Revolution หรือไม่ หน้าปัด ใหญ่มาก เรากำลังจะเปิดตัว RELENTLESS แปลว่า Un-Stopable Movement เป็นเพาเวอร์แอมป์ พี่เบิ้มรุ่นเรือธงตัวใหม่ในงาน Munich Hi-End เดือนพฤษภาคมนี้ เป็นแอมป์ Monoblock 1500 watts Class A/B น้ำหนักข้างละกว่า 300 กิโลกรัม ราคาตั้งไว้ที่ 250,000$ ซึ่งไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับ ชุดที่ใหญ่ขนาด Ultra Hi-End ของใครบางคนก็ได้ ที่ต้องการความเป็นที่สุด อุปกรณ์ทุกอย่างพิเศษ และใหม่ทั้งหมด

แอมป์ระดับนี้ก็คงมีคนคิดจะทำออกมาบ้าง เป้าหมายก็คงไม่ต้องขายให้มากนักหรอก ส่วน คำถามว่า สำหรับใครน่ะเหรอ ก็ลำโพงรุ่นยักษ์อย่าง Wilson WAMM 7 นี่ล่ะ เหมาะสุด ตัวใหญ่ขนาดนั้น อะไรจะขับมันหมดจด นาทีนี้ไม่มีตัวไหนจะสดกว่า RELENTLESS อีกแล้ว เราทำมาเพื่อมันจริงๆ นอกจากนั้นก็ยังมีลำโพงตัวยักษ์ของ YG Sonja XV, Rockport Arrakis หรือ Stenheim Reference Statement พวกนี้ถ้าไม่ได้แอมป์ถึงๆ ล่ะก็ ..ไม่อยากคิด ในเมืองไทย เองก็ยังมีลูกค้าถามหาเลย

MARKETING

…อย่าเปิดโอกาสให้เราเดโมเชียว เพราะเหตุนี้ เราทำได้ดีตลอดสองสามปีที่ผ่านมา ปีที่แล้ว เราโต 16% ปีก่อนหน้านี้ก็ 12% แน่นอนว่าในอเมริกา คือฐานลูกค้าใหญ่ ถ้านอกอเมริกา แถบเอเชียก็เป็น ฐานลูกค้าสำคัญ เช่น ในจีน รวมถึงฮ่องกง ส่วนในประเทศอื่นในเอเชียรวมถึงเมืองไทย ซึ่ง M Ball ทำได้อย่างยอดเยี่ยมมาก มีส่วนไปถึง 5 – 6% ของตลาดนอกอเมริกาเชียวนะ M Ball อาจจะถ่อมตัวไม่เคยบอกคุณ …ในตลาด เมืองไทยมีอัตราการเจริญเติบโตเป็นอันดับสาม รองจากอเมริกาซึ่งเป็นอันดับหนึ่ง และจีน อันดับสอง เหนือกว่าประเทศอื่นในเอเชีย ที่ก็มีอัตราการขยายตัวรวดเร็วอย่างมากเช่นกัน

PROGRESSION PREAMPLIFIER + STEREO AMPLIFIER

THE SHOW

BAV HI-END SHOW 2018 เป็นโชว์ที่สมบูรณ์มาก ชื่นชมในความตั้งใจของผู้จัดงาน สถานที่ดี อาหารอร่อย บรรยากาศงานก็ดีมาก ห้องฟังเสียงดี ผู้ที่มาร่วมงานเดินทางมา จากทั่วโลก ผู้ที่มาเดินงานมากมายคือผู้ที่รักในเครื่องเสียงจริงๆ มีความรู้มีความเข้าใจ ในเครื่องเสียง มีคำถามมากมาย เรามีความสัมพันธ์อันดีกับนักเล่นชาวไทยมานาน ยิ่งกับ Dan D’Agostino เรามั่นใจในความแข็งแกร่งของเราจะทำให้นักเล่นชาวไทยชอบ โดยเฉพาะ M Ball เป็นคนหนุ่มที่แอ็กทีฟ สังเกตได้จากสีหน้าของคนที่เข้ามาในห้อง เห็นรอยยิ้มเมื่อได้พบเขา รู้เลยว่าเขาใส่ใจลูกค้า เราไปได้ดีในตลาดเมืองไทยก็เพราะเขา ดีใจที่ได้มาร่วมงานนี้ และจะมาอีก

TO THAI LISTENER

รู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้มาร่วมงาน BAV HI-END SHOW 2018 อีกครั้ง และก็จะ มาอีกในปีหน้า คุ้มค่ากับการเดินทางสิบกว่าชั่วโมงที่เดินทางมาที่นี่ รู้สึกซาบซึ้ง และขอบคุณอย่างมากที่ได้ต้อนรับแบรนด์ Dan D’Agostino สู่ตลาดเครื่องเสียงไฮเอนด์ ในเมืองไทย ขอบคุณสำหรับความเข้าใจ ซึ่งเป็นศิลปะที่ Dan ตั้งใจที่จะทำออกมา เพื่อวงการไฮไฟ เกือบสี่สิบปีแล้วที่ Dan อยู่ในวงการนี้ ขอขอบพระคุณอย่างสูง สำหรับการต้อนรับ และสนับสนุนผลงานของ Dan เสมอมา จะกลับมาอีกครั้งในปีหน้า ด้วยความปรารถนาดี ขอบคุณอีกครั้งครับ. ADP

DISCOVERY HIFI PROLOGUE 01

Discovery HiFi หนึ่งในผู้นำเข้าเครื่ องเสี ยงไฮเอนด์แถวหน้าของเมืองไทย นับเป็นห้องโชว์ที่ประสบความสำเร็จเสมอมา โดยตั้งใจทำเซ็ตลิสต์คัดมาอย่างดี ทุกครั้ง แต่ครานี้เพลงที่เปิดในงานทั้งสี่วัน ส่วนใหญ่เป็นเพลงจากอัลบั้มใหม่ที่ยัง ไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ Discovery HiFi Prologue 01” แทบทั้งสิ้น โดยในงานนี้ได้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษในฟอร์แมต 1:1 MASTER CD จำนวนจำกัด ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก จนถึงขั้นขายหมดเกลี้ยงกันเลยทีเดียว

รวมถึงช่วงกิจกรรมของ Mr. Kent Poon โดยมีผมเป็นผู้ช่วย ในช่วงบ่าย วันเสาร์ หลักๆ ก็เป็นการโชว์ทีเด็ดของฟีเจอร์อย่าง Crosstalk Cancelling (XTC), Vinyl Emulation, Room Equalizer และ Creative Equalizer ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฟีเจอร์จาก WEISS DAC502 (DSP D/A) ตัวดังที่กำลังฮอต ถึงขั้นขาดตลาด โดย Mr. Kent Poon ได้ใช้เพลงจากอัลบั้มนี้เปิดตลอด ทั้งโปรแกรม เป็นที่น่าสังเกตว่าระหว่างดำเนินรายการกิจกรรมที่ออกแนว วิชาการนิดๆ ผู้ฟังได้ให้ความสนใจนั่งฟังอย่างใจจดจ่อ ไม่ยอมขยับหนีหาย เก้าอี้ที่เตรียมไว้ถึงกับไม่พอกันเลยทีเดียว

ในโอกาสนี้ เราได้พูดคุยกับ คุณกิตติคุณ ปริณายก และ Mr. Kent Poon ที่เห็นหน้าก็รู้ว่ามาจาก Asia WEISS ทว่าครั้งนี้สวมบทบาทฐานะ Executive Producer ร่วมกัน พูดถึงอัลบั้มพิเศษที่กำลังเป็นที่ต้องการของนักฟัง สายออดิโอไฟล์ในวันนี้กันครับ

อัลบั้ม Discovery HiFi Prologue 01 ถูกกลั่นกรอง มาจากประสบการณ์ในแวดวงไฮไฟ และ Passion ในเสียง ดนตรีของ คุณกิติคุณ ปริณายก อดีตเภสัชกรหัวใจไฮไฟ ผู้พลิกผันตัวเองมาเป็นเจ้าของกิจการร้านเครื่องเสียง เมื่อราวเกือบสิบปีที่แล้ว เริ่มจากร้านเครื่องเสียงเล็กๆ ในบ้านทาวน์เฮาส์

“จู่ๆ วันหนึ่ง ลูกค้าซื้ออัลบั้ม Kent Poon’s Audiophile Jazz Prologue III มาฝากจากฮ่องกง ซึ่งเป็นอัลบั้มที่เสียงดีมาก บรรจุไว้ด้วยเพลงเพราะๆ ทั้งนั้น เรียกว่าโดนใจจริง และนั่นคือจุดเริ่มที่ทำให้รู้จัก กับ Kent Poon” ซึ่งเป็น Mastering Engineer ที่อยู่ใน ฮ่องกง ต่อมาได้กลายเป็นพาร์ตเนอร์ที่นำพาให้ทำธุรกิจ เครื่องเสียงไฮเอนด์อย่างเต็มตัว

ปัจจุบัน Discovery HiFi เป็นร้านเครื่องเสียงไฮเอนด์ ระดับแถวหน้าของเมืองไทย เป็นผู้นำเข้าแบรนด์ เครื่องเสียงไฮเอนด์มากมาย อย่างเช่นที่โชว์ในงาน BAV HI-END SHOW 2018 ครั้งนี้ อันประกอบด้วย WEISS: DAC502, VITUS: SL102 & SM102, ลำโพง EGGLESTONWORKS รุ่นใหม่ล่าสุด VIGINTI และลำโพง STENHEIM: ALUMINE 5 รวมถึงสาย VIARD ซึ่งเป็น เพียงส่วนหนึ่งของสินค้าของร้านเท่านั้น

PASSION IN HI-FI

จากการที่ได้คลุกคลีในวงการไฮไฟก็พบว่ามีอัลบั้มที่ ใช้อ้างอิงคุณภาพเสียงดีๆ จากค่ายเครื่องเสียงอยู่บ้าง แต่ก็มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่มักนำเพลงที่มีอยู่แล้วนำมา บรรจุไว้ในอัลบั้ม น้อยมากที่จะทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยส่วนตัวที่ผ่านมาได้มีส่วนร่วมในการทำอัลบั้มศิลปิน คนไทยหลายอัลบั้ม ทั้งส่วนของการบันทึกเสียง มีความ สัมพันธ์อันดีกับนักดนตรี โปรดิวเซอร์ นักร้อง ศิลปิน มากมาย ทำให้ ทราบว่านั กดนตรีชาวไทยฝี มื อดี ไม่ แพ้ ใคร ที่เก่งระดับโลกก็มีหลายคน รวมถึงห้องบันทึกเสียงมาตรฐานระดับโลกก็อยู่ในบ้านเรานี่เอง ศิลปินต่างชาติต้องบินมาบันทึกเสียงเสียด้วยซ้ำ… เมื่อทุกอย่างพร้อม แล้วถ้าเราทำอัลบั้มเอง ตั้งใจทำออกมาให้ได้คุณภาพทัดเทียมของเขาบ้างล่ะ…

PART OF KENT POON 15TH ANNIVERSARY AUDIOPHILE JAZZ PROLOGUE I

แนวคิดที่จะทำอัลบั้มนี้มีมานานหลายปีแล้ว เพิ่งตกผลึกเป็นรูปเป็นร่างเมื่อปีกลาย เมื่อครั้งเดินทางไปร่วมงาน HK AV Show 2017 ก็ได้บทสรุปว่า เราจะทำงานดนตรีชื่อว่า Discovery HiFi Prologue 01 ซึ่งก็ตรงกับการครบรอบ 15 ปีของอัลบั้ม Kent Poon’s Audiophile Jazz Prologue I ซึ่งเป็นงานชุดแรกในนามของ Kent พอดี โดยที่ Discovery HiFi Prologue 01 เป็นอัลบั้มที่บันทึกขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยเราเองเป็นผู้ประสานงานทั้งหมด ตั้งแต่เลือกเฟ้นศิลปิน นักร้อง นักดนตรี จัดหาอุปกรณ์ในห้องบันทึกเสียง ตามที่ Kent ต้องการ เป็นการทำงานร่วมกับ Mr. Kent Poon แห่ง DESIGN w SOUND พาร์ทเนอร์ของเราคนนี้นี่เอง ผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการบันทึกเสียงระดับโลกอย่างโชกโชน โดยที่ Mr. Kent Poon จะวางแผนงานเมื่อทุกอย่างพร้อม จากนั้นก็เดินทางมาบันทึกเสียงด้วยตัวเอง ที่ Studio 28 สตูดิโอระดับโลกในเมืองไทย ซึ่งปัจจุบันเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบแล้ว เป็น ช่วงเดียวกับการจัดกิจกรรมที่ชื่อว่า A Futuristic D/A Converter’s Expe­rience By Kent Poon ที่ร้าน Prestige HiFi เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จากนั้น Mr. Kent Poon ก็จะรับไม้ต่อคือ การมิกซ์ รวมถึงมาสเตอริ่ง แล้ว ส่งต่อกระบวนการผลิตในญี่ปุ่น จนสำเร็จเป็นแผ่นเพื่อจัดจำหน่ายต่อไป

ไมโครโฟนหลากรูปแบบที่ใช้ในการบันทึกเสียง เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงออกมาดีที่สุด

GOAL: REFERENCE RECORDINGS ALBUM

เป้าหมายหลักในการทำอัลบั้ม Discovery HiFi Prologue 01 ก็เพื่อ กลุ่มออดิโอไฟล์ทั่วโลก จึงเน้นคุณภาพเสียงเป็นพิเศษ เราต้องการสร้างสรรค์ ผลงานอัลบั้มแจ๊สชิ้นเอก คุณภาพเสียงดีที่สุดไว้ประดับวงการเครื่องเสียง ไฮเอนด์ โดยวางแผนจำหน่ายออกไปทั่วโลก เน้นคุณภาพงาน ตัวอัลบั้ม ต้องให้คุณภาพเสียงดีเยี่ยมระดับอ้างอิง คุณกิตติคุณ Executive Producer ร่วมกับ Kent Poon แบ่งงานกันทำโดยรับหน้าที่ประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงเลือกเพลงด้วยตัวเองทั้งหมด เพื่อให้ดนตรี มีความเป็นสากล เรามิได้มองแค่ตลาดเครื่องเสียง บ้านเรา แต่เรามองไกล เซ็ตลิสต์เป็นเพลงแนว Modern Jazz ที่นักดนตรีได้แสดงฝีมือได้เต็มที่ และฟังง่าย และจะมีเพลงร้องภาษาอังกฤษ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเพลง My One and Only Love เป็นแทร็กพิเศษที่อยู่ในทุกอัลบั้มที่ชื่อ Prologue ด้วยฝีมือของ Kent Poon ทั้งสิ้น เพราะเป็นเพลงที่ดี ในอัลบั้มมีเพลงบรรเลง สัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง เนื่องจากอัลบั้มนี้สร้างผลงาน โดยคนไทยจึงมีเพลงไทยด้วย และขอมีเพลงจีน ด้วยอย่างละหนึ่งแทร็ก ดนตรีประกอบด้วยเครื่อง ดนตรีแจ๊สแบบควอเท็ต ใช้เครื่องดนตรีสี่ชิ้น อะเรนจ์ให้ฟังง่ายโดยคุณโอ๋ เจษฎา สุขทรามร และ คุณปิติ เกยูรพันธ์ เราเลือกเฟ้นนักดนตรี ชาวไทยฝีมือดี มีผลงานระดับโลก ใช้อุปกรณ์ เครื่องมือบันทึกเสียงชั้นเลิศระดับอ้างอิงทั้งสิ้น

MR. KENT POON

THE MAKING… 2 DAYS

หลังการเตรียมงานมาพอสมควร เนื่องจาก Kent รับผิดชอบบันทึกเสียง มิกซ์ และมาสเตอริ่งเองทั้งหมด เมื่อทราบโจทย์ ก็ต้องเน้นตั้งแต่จุดแรกเลยครับ Kent จะกำหนดรูปแบบการบันทึกเสียง กำหนดอุปกรณ์ เพื่อให้ทางเมืองไทยจัดหาไว้ ส่วนใหญ่ก็มีครบ ถ้าไม่ครบก็ จัดหามาเองอย่างหัวไมค์ Mr. First สำหรับการบันทึกแบบ Binaural เป็นต้น

การบันทึกเสียงมีขึ้นระหว่างวันที่ 5 และ 6 เดือนพฤศจิกายน 2560 ณ Studio A ของ Studio 28 ที่มีขนาดใหญ่ เนื้อที่ใช้สอย 242 ตารางเมตร สามารถรองรับวงออร์เคสตร้าได้ทั้งวง โดยใช้เทคนิคการวางไมค์ 3 แบบ บันทึกในเวลาเดียวกัน ถือเป็นครั้งแรก ประมาณว่าไม่เคยมีใครใช้รูปแบบนี้ ที่ใดมาก่อน เทคนิคที่ว่าประกอบด้วย DECCA Tree ที่เด่นเรื่องเสียงสูง, Binaural เด่นเรื่อง 3D และ Blumlien เด่นเรื่องแอมเบี้ยนต์ ไม่รวมไมค์ที่จะ จับเฉพาะเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น รวมถึงเสียงของนักร้องด้วย ซึ่งล้วนแต่ใช้ อุปกรณ์คุณภาพสูงทั้งสิ้น โดยที่เทคนิคการวางไมค์ทั้งสามประเภทมีจุดดีใน แต่ละประเภทของงานดนตรีที่ต่างกัน ซึ่งจะนำจุดเด่นของแต่ละช่วงมาใช้ ถือว่าเป็นการบันทึกเสียงที่ Advance มาก ซึ่ง Mr. Jake Craig ซาวด์ เอ็นจิเนียร์ของ Studio 28 ถึงกับออกปากว่า โอ้ว… แยบยล ลึกซึ้งมาก

การบันทึกเป็นการบันทึกกันสดๆ แบบ Live นักดนตรีและนักร้อง เล่นและร้องพร้อมกันในเวลาเดียวกัน ในห้องบันทึกเสียงระดับโลกห้องใหญ่ ที่ให้บรรยากาศของคอนเสิร์ตฮอลล์ ทุกอย่างเป็น real time ทั้งหมด ตั้งแต่ แรกจนจบ บอกเลยว่าหิน เป็นการทำงานที่ยากมาก โชคดีที่เตรียมการดี เป็นงานดนตรีน้อยชิ้น และได้ คุณโจ โปสเตอร์ (ศักดิ์ศิริ) เป็นที่ปรึกษาช่วย แนะนำที่ต้องให้เครดิตมากๆ คือ คุณหนึ่ง (ณัฐวุฒิ พันธ์สายเชื้อ) Producer ที่บางครั้งช่วยเล่นเพอร์คัสชั่นด้วย ศิลปินทุกคนมีความเป็นมืออาชีพ มาก แม่นยำการผิดพลาดแทบไม่พบ ทุกคนตั้งใจ ทุ่มเท เพื่อให้ผลงาน ออกมาดี ทุกคนสนุกกับมัน มีอารมณ์ร่วมที่ดีมาก วางแผนดี งานเลยราบรื่น จึงทำได้สำเร็จ บรรลุเป้าหมายในเวลาที่กำหนดได้

POST PRODUCTION 3 – 4 MONTHS

หลังจากบันทึกเสียงเสร็จ ผลงานจะบรรลุเป้าประสงค์หรือไม่ ไม่ง่ายเลย สำหรับการทำงานขั้นต่อไป Kent Poon รับผิดชอบทั้งหมด ก็คือการมิกซ์และมาสเตอริ่ง เอ็นจิเนียร์ต้องฟังทุกช่องเสียง การที่มีข้อมูลเสียง หลายๆ แบบ ช่วยให้เอ็นจิเนียร์ได้เลือกในสิ่งที่ดี ที่สุดในแต่ละช่วงของแต่ละแทร็กซึ่งมีความหลาก หลาย เช่น ต้องการเสียงจาก DECCA tree ที่เด่นเรื่องเสียงสูง, Binaural เด่นเรื่อง 3D และ Blumlien เด่นเรื่องแอมเบี้ยนต์ ซึ่งไม่รวมไมค์ที่ จับเฉพาะเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นในระหว่างโซโล่ ส่วนนักร้องจะร้องแยกอยู่ในบูธร้องในช่วง Timing เดียวกันก็จริง แต่ความยากจะทำอย่างไร ให้มีบรรยากาศเดียวกัน ทำอย่างไรให้ไร้ข้อ ผิดพลาด ด้วยประสบการณ์ที่เพิ่มพูนขึ้นจาก ช่วงเวลา 15 ปีที่ผ่านมาของ Kent บวกกับอุปกรณ์ เครื่องมือพลังของ DSP ของ WEISS ที่พัฒนา ไปไกล ทำให้โจทย์ยากเช่นนี้ที่อาจทำไม่ได้ใน ยุคนั้น สามารถทำให้สัมฤทธิ์ผลที่ดีได้ด้วยอุปกรณ์ อันทันสมัยในสตูดิโอของ DESIGN w SOUND ในฮ่องกง ทำอัลบั้มแบบ 1:1 Master CD ออกมา ล็อตแรก แล้วมาเปิดตัวในงาน ส่วนขั้นตอนที่เหลือ หลังจากเสร็จแล้วจึงส่ง Master ต่อไปที่ญี่ปุ่นเพื่อผลิตเป็นแผ่น HQCD เพื่อวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการต่อไป

EXCITING RESULT: WHEN ACOUSTIC JAZZ MUISC MEETS HI-END AUDIO

หายเหนื่อยเมื่อได้ฟัง ผลจากการที่ใส่ใจในรายละเอียดทุกเม็ดจึงได้ ผลงานคุณภาพเสียงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดของชิ้นดนตรี สัมผัสได้ถึง จิตวิญญาณของศิลปินทุกคนที่ทุ่มเทกับผลงานชิ้นนี้ เมื่อเล่นกลับจะได้ บรรยากาศของดนตรีสด ความโอ่โถงของฮอลล์ ตำแหน่งชิ้นดนตรี เวทีเสียง โอบล้อมเป็นสามมิติ สัมผัสได้ถึงความหวานในน้ำเสียงของนักร้อง ความสาก ของเสียงแซ็กโซโฟน การสั่นไหวของเส้นสายของเครื่องดนตรีอะคูสติกส์ กีตาร์ ขณะที่คุณโอ๋ขยี้นิ้วบนเฟล็ต หรือฟูลบอดี้ของเปียโน เสียงต่ำของอะคูสติกเบส กลองกระเดื่องที่มีอิมแพ็ค หัวไม้กระทบหน้ากลอง เสียงก้องกังวานของสแนร์ และไฮแฮท ซึ่งผลโดยรวมที่ออกมา พูดได้เลยว่า แม้แต่ Kent คนทำกับมือยังอึ้งว่า อัลบั้มนี้ให้เสียงที่ดีมาก ซึ่งทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้นเป็นไปอย่างที่คิด ถ้าเตรียมการกันไม่ดีพอเสียตั้งแต่แรก เราใส่ใจในทุกเรื่องเชียวนะครับ ซึ่งเรียกว่า “หายากมาก” ที่แผ่นเพลงแจ๊สจะได้ DR13 หมายถึงว่ามี Dynamic Range ที่กว้างมาก ไม่ธรรมดาเลย เรียกว่าคุณภาพระดับนี้ ใช้เป็นอัลบั้มอ้างอิงได้อย่างไม่ต้องอิดออดว่าแผ่นไทยนะ

บรรยากาศการบรรยายในงาน BAV HI-END SHOW 2018

FORMATS

นอกจาก 1:1 Master CD ที่มีขายจำนวนจำกัด ซึ่งหมดไปแล้ว ถือเป็นการเปิดตัวอัลบั้มเฉพาะในงาน BAV HI-END SHOW 2018 นี้เท่านั้น กว่าหนังสือจะวาง เราคงรีลีสแผ่นซีดีเป็นทางการ วางจำหน่ายพร้อมกัน ทั่วโลกในสังกัด “30IPS” ซึ่งเป็นเลเบลของ Kent Poon เอง เป็นแผ่นซีดี คุณภาพ HQCD ผลิตในญี่ปุ่น พร้อม Booklet 12 pages ออกแบบได้สวยงาม จะมีรายละเอียดอัลบั้มครบ และที่พิเศษคือมีโบนัสแทร็กเป็น Duet ที่บันทึก ด้วยระบบ Binaural จะทำงานได้ดี ถ้าฟังจากหูฟังหรือเครื่องเสียงบ้านด้วย ระบบ XTC หนึ่งในฟีเจอร์ของ WEISS DAC501/502 ต่อจากนั้นก็จะมี Vinyl สำหรับคอแผ่นดำนี่ก็ได้รับคำขอของแฟน Reel Tape ซึ่งก็ต้องทำออกมา เหมือนกัน …อ้อๆ แล้วก็คงปล่อยสตรีมบน Tidal, Spotify ให้ฟังด้วยนะ

DISTRIBUTION

สำหรับการจัดจำหน่ายจะทำผ่านทางช่องทางจำหน่ายหลายๆ ทาง ในแบบ International ตั้งแต่พาร์ตเนอร์ของเราที่เป็นทั้งร้านเครื่องเสียง และค่ายเครื่องเสียงไฮเอนด์ รวมถึงขายตรงผ่านทางตลาด Online ด้วย ส่วนในเมืองไทยติดต่อผ่านที่ Discovery HiFi ได้โดยตรง ในทุกช่องทาง การสื่อสารได้เลยครับ

LAST BUT NOT LEAST…

อยากให้ทุกคนภูมิใจกับผลที่ออกมา ผลงานของคนไทย ศิลปินไทย บันทึกในเมืองไทย โดยเพื่อนสนิทที่เข้าใจในบริบทแห่ง High Fidelity ให้พวกเราได้ซึมซับในผลงานชิ้นเอกนี้ ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้อง ศิลปินนักร้อง นักดนตรีทุกท่านที่ร่วมทำผลงานออกมาได้เยี่ยมยอด คิดว่าคุณต้องชอบ งานชิ้นนี้เช่นกัน

หวังว่ากลุ่มออดิโอไฟล์ในเมืองไทยคงมีโอกาสได้ฟัง Discovery HiFi Prologue 01 แล้วคุณจะรักมันเหมือนเรา มั่นใจว่าคุณต้องชอบ เพราะเพลง ก็เพราะ ข้อสำคัญบันทึกดีอีกด้วย

ขอโปรดเข้าใจด้วยว่า เราเป็นผู้ค้าเครื่องเสียง ดังนั้น การทำอัลบั้มเพลง สักชุด จึงมิได้ทำเพื่อผลกำไรหรือหวังร่ำรวยด้วยการขายแผ่น แต่ที่ต้องการทำก็เพื่อ High Fidelity Community ของเราไว้อ้างอิง และแสดงให้ทุกคน เห็นว่าเรามี Passion กับไฮไฟมากเพียงไร เราตั้งใจจะทำผลงานเพลง ให้ดีที่สุดเพื่อการอ้างอิง ผลงานดนตรีดีๆ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพเสียง ที่ดีจากชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์สุดรักของคุณด้วย ไม่แปลกที่อาจจะได้ยินเพลง ในอัลบั้มนี้ในงานแสดงเครื่องเสียงไฮเอนด์ในต่างประเทศ เช่น Munich, HongKong, Tokyo, Taiwan หรือ LA ก็ได้…

ถ้าได้รับการสนับสนุนและตอบรับดีในตลาด อัลบั้ม Discovery HiFi Prologue 02 หรือ 03 อาจจะตามมาอีกก็ได้ ขอให้มีความสุขกับเสียงดนตรี นะครับ. ADP

รายชื่อนักดนตรี
Saxophone & Clarinet: ปิติ เกยูรพันธ์ Trumpet: พัชรพงศ์ จันทาพูน
Piano: นุ วุฒิวิชัย Double Bass: วารินทร์ ดาธัญ
Guitar: เจษฎา สุขทรามร Drums: ชนุตร์ เตชธนนันท์
Vocal: เบญญาภา สุขีนุ Percussion: ดุสิต ณ สงขลา / ณัฐวุฒิ พันธ์สายเชื้อ

นิตยสาร Audiophile Videophile ฉบับที่ 255