ดิจิทัลออดิโอที่ให้เสียงอะนาล็อกที่สุด..

LAMPIZATOR ประติมากรรมร้องเพลงได้ DAC หลอด งานทำมือจากโปแลนด์ ความแตกต่างของ DAC ในยุคนี้

เครื่องเสียงไฮเอนด์อันเกิดจาก “ความหลงใหล ประสบการณ์ และความทุ่มเทในเชิงวิศวกรรม ผสมกับพรสวรรค์และลูกบ้า” ของอีตา Lukasz Fikus 

เพราะเชื่อว่า “หลอดไม่มีวันตาย ส่วนเทคโนโลยี digital conversion นั้นยอดเยี่ยมอยู่แล้วตั้งแต่เครื่องเล่นซีดีตัวแรกถือกำเนิดขึ้นบนโลกนี่ล่ะ แม้ว่าดิจิทัลออดิโอจะมาไกลแต่การปฏิวัติทางดิจิทัลยังคงเกิดขึ้นเสมอมา นั่นจึงทำให้ Digital to Analog Converter (DAC) ยังคงเป็นอุปกรณ์หลักในไฮไฟแทบทุกตัวใน พ.ศ.นี้

สวัสดีครับทุกคน

audiophile go digital อรรถคดีที่ว่าด้วยเรื่องราวในแวดวงดิจิทัลออดิโอในแบบออนไลน์ บอกเล่าเรื่องราวของไฮไฟแห่งยุคสมัย ใครที่ไม่ยอมตกเทรนด์ตามมาเร้ววว

ย้อนกลับไปในงาน BAV HI-END SHOW เมื่อปีกลาย ห้องของ Living Sound ขาใหญ่แห่งวงการ จัดเต็มติดตั้งไว้ด้วยเครื่องเสียงแบรนด์ใหม่ หน้าตาดี แผงเครื่องเป็นเพลตทองแดงแถมยังใช้หลอดเสียด้วย  อาจเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงจากแบรนด์นี้คือ LAMPIZATOR ไฮเอนด์จากฝั่งยุโรปตะวันออก ล่าสุดถามผมว่าจะมีคิวว่างบ้างหรือไม่ ทั้งๆ ที่ยังเคลียร์ไม่ออกกองอยู่หลายตัว ก็ต้องว่างซิ

บัดนี้พลพรรคไฮเอนด์ชาวโปล์ถูกยกมากองในห้องโฮมสตูดิโอให้ฟังซะจนหนำใจ จัดมาทั้ง GULFSTREAM music server กับ DAC อีก 2 ตัว คือ BALTIC 4 DAC & Atlantic TRC ก็ต้องมาจ่อคิวทดสอบล่ะ มาสะดุดตรงที่ขอยกกลับไปออกงาน BAV HI-END SHOW ที่ผ่านมา ไปยกกลับมาอีกรอบนี่ล่ะ ได้เวลาร่ายยาวล่ะ ก่อนอื่นมาทำความรู้จัก LAMPIZATOR กันหน่อย

ไฮเอนด์สัญชาติโปแลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2010 โดยมี Lukasz Fikus เป็นเจ้าของแต่ผุู้เดียว มีปรัชญาว่า

“ทุกสิ่งที่ทำ ได้รับการออกแบบ ผลิตด้วยมือ in house จากส่วนประกอบ วัสดุ อุปกรณ์ชั้นดีที่จัดหาจากกลุ่มธุรกิจจากบริเวณใกล้เคียงโดยคัดอุปกรณ์จากผู้ผลิตโดยมีคุณภาพเสียงเป็นเกณฑ์ ผลิตตามคำสั่งจากฐานปฎิบัติการในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์”

LAMPIZATOR

ชื่อแบรนด์ เป็นการเล่นคำกับ Polish Lampa (หลอดสุญญากาศ) และ Terminator เป็นชื่อเล่นของ Lukasz Fikus ที่ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ ภูมิใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจที่มีเอกลักษณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ Polish Hi-Fi มีชื่อเสียงไปทั่วโลก

นี่คือหลักการที่ LAMPIZATOR ถือปฏิบัติมาตลอด…

“ออกแบบเน้นให้เสียงดี จะระบุทุกสิ่งให้ Over Spec/Over Design ไว้เสมอ เชื่อว่าหลอดไตรโอด ให้เสียงดีที่สุด”

ทุกคนใน LAMPIZATOR ต่างรักเสียงดนตรี ฟังเพลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของเวลาที่ไม่ได้นอน ที่นี่มีห้องฟังที่ยอดเยี่ยมซึ่งมีการทดสอบผลิตภัณฑ์ในสถานการณ์และสภาพแวดล้อมในชีวิตจริง จะฟังจนลูกขุนจะพอใจเป็นเอกฉันท์กับผลิตภัณฑ์ใหม่ ถ้ายังไม่ดีพอ จะไม่มีสินค้าตัวใดๆ ถูกส่งออกไปจากโรงงาน

Why?

– LAMPIZATOR จะไม่ยอมทำเครื่องเสียงให้แลดูเหมือนไฮไฟย้อนยุค หาใช่วิทยุของคุณปู่ที่มีตาสีเขียวใดๆ ที่ออกแบบให้มองดูโบๆ (โบราณ) แต่อย่างใด แต่กลับเลือกวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะใช้หลอดเพียงเพราะช่วยให้บรรลุถึงเป้าหมายทางเทคนิค เพื่อให้เสียงดีที่ต้องการ

– รับฟังในคำติชมในทุกระดับรวมถึงระดับโลก โดยจะเลือกใช้เฉพาะความคิดเห็นของลูกค้าเท่านั้น

– ไม่ทุ่มเงินไปกับการตลาดและการโฆษณาใดๆ ก็จะเป็นการช่วยให้ลูกค้าจ่ายถูกลง วิธีเดียวก็คือ สื่อข้อความไปยังผู้ซื้อรายใหม่ที่มีศักยภาพผ่านคำพูดของผู้ใช้ปากต่อปาก จากตัวแทนจำหน่ายของ LAMPIZATOR ที่แสดงในงานเครื่องเสียง ซึ่งก็คือได้พบปะของคนในแวดวงไฮไฟ อาจรวมถึงบททดสอบอีกด้วย

Who?

Lukasz Fikus วิศวกร นักฟิสิกส์ ประสบการณ์สูง ผู้เป็นเจ้าของ นักออกแบบมือฉมัง แห่ง LAMPIZATOR เกิดในเมืองวอร์ซอ โปแลนด์ สำเร็จการศึกษาจาก Warsaw Polytechnic University ผ่านประสบการณ์ทำงานมาอย่างโชกโชน

Lukasz เล่นเครื่องเสียงเป็นงานอดิเรก ต่อเองด้วย โดยเริ่มในช่วงทศวรรษที่ 80 จากนั้นการผจญภัยในโลกไฮไฟก็เริ่มขึ้นและขยายออกไปสู่โลกกว้าง จนในเดือนมีนาคม 2010 หลังจากทำงานให้กับบริษัทวิศวกรรมข้ามชาติยักษ์ใหญ่มาเป็นเวลา 19 ปี จึงตัดสินใจลาออกและไม่คิดหวนกลับไปทำงานในสภาพแวดล้อมเดิมอีกต่อไป เพื่อปลดปล่อยและเอาความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองมาใช้นั่นเอง

ตั้งบริษัทของตัวเองในเดือนกรกฎาคม 2010 ดูแลโรงงานการผลิตในเมืองวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ โดยมีสตาฟฟ์เป็นพนักงานประจำ 12 คน รวมถึงยังมีผู้รับเหมาช่วง (Subcontractor) อีกหลายสิบคน เวิร์กช็อปนี้ให้บริการลูกค้าหลายพันรายทั่วโลก!

Lukasz มีปณิธานที่ยึด “หลักการของ LAMPIZATOR” ซึ่งเน้นย้ำถึงความสามารถส่วนบุคคล ความซื่อสัตย์ทางธุรกิจและลูกค้า อยากจะค้นคว้า แสวงหาต่อไป ผลิตภัณฑ์ LAMPIZATOR ที่ถูกสร้างขึ้นนั้น เป็นผลมาจาก “ความหลงใหล ประสบการณ์ ทักษะทางวิศวกรรม และความบ้าคลั่งในระดับหนึ่ง”

นอกจากนั้นยังได้รับแรงผลักดันอย่างแข็งแกร่งจากความหลงใหลของทุกคนในทีม ซึ่งทุกคนล้วนต่างก็เป็นออดิโอไฟล์ทั้งสิ้น

ต้องขอบคุณปรมาจารย์ Evgennyi Kreminski กูรูผู้ถ่ายทอดทุกสิ่งที่เป็นองค์ความรู้เกี่ยวกับหลอดไตรโอดของรัสเซียให้กับเขาเอง

Mission

LAMPIZATOR ทำธุรกิจเครื่องเสียงไฮเอนด์ยุคใหม่แห่งศตวรรษที่ 21 ที่บังเอิญใช้ความรู้ทางไฟฟ้าและฟิสิกส์ดั้งเดิมแบบออดิโอไฟล์ที่สามารถเอาชนะเทคโนโลยีสมัยใหม่

LAMPIZATOR ทำบางสิ่งที่ดูเหมือนจะแทบไร้ประโยชน์ในมุมของคนทั่วไป แต่สำหรับออดิโอไฟล์ผู้รักเครื่องเสียงไฮเอนด์นั้นกลับมองว่าเป็นความสำเร็จยิ่งใหญ่ที่คุ้มค่ามาก ส่งผลต่อเสียงของมันมากนั่นเอง 

แนวคิดที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ไฮไฟด้วยวิธีเดิมๆ ยังใช้ได้ดี ด้วยหม้อแปลงขนาดใหญ่ แหล่งจ่ายไฟหลายตัว พร้อมแชสซีส์ขนาดใหญ่ การเชื่อมต่อจุดต่อจุดแบบ Hard wires เชื่อมด้วยลวดเงินในฉนวนเทฟลอนใช้ส่วนประกอบอุปกรณ์ดีที่สุด คัดเลือกจากกว่าร้อยรายการ จากผู้ขายและแบรนด์ที่มีชื่อเสียง โดยมีเงื่อนไขว่าพาร์ตที่ถูกเลือกนั้นไม่ใช่แค่วัดจากพารามิเตอร์ผ่านเท่านั้น แต่ต้องผ่านการทดลองฟังด้วยหูก่อนเสมอ

ทีมงานทุ่มเทอย่างหนัก วิจัยพัฒนาทุกวัน ทุกสัปดาห์ เพื่อที่จะให้ได้ชัยชนะเหนือตนเองและคู่แข่งเสมอ

เครื่องเสียงทุกตัวต้องผ่านการทดสอบของลูกขุนออดิโอไฟล์อย่างเข้มงวดแบบมาราธอน ผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ผลิตประกอบขึ้นมีหมายเลขซีเรียลไม่ซ้ำกัน เพราะถูกสร้างให้ลูกค้าซึ่งต้องไม่เหมือนใคร LAMPIZATOR จะรับฟังความต้องการก่อนและจะสร้างเครื่องที่เหมาะกับคุณที่สุดทั้งในปัจจุบันจนถึงในระยะยาว ส่วนประกอบทุกชิ้นถูกบันทึกไว้เพื่อใช้อ้างอิง การบริการ และการอัพเกรดในอนาคต 

โดยสามารถเพิ่มคุณสมบัติได้ในภายหลัง หลังจากที่ผลิตภัณฑ์มาถึงโรงงานเพื่อซ่อมหรืออัพเกรด จะถูก “รีเซ็ต” การรับประกันให้ใหม่

Vision

วิสัยทัศน์ของ LAMPIZATOR  คือรักษาฐานการผลิตในโปแลนด์ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป(EU) ออกแบบทุกสิ่งในห้องปฏิบัติการของ LAMPIZATOR ทุกวงจรได้รับการออกแบบจากแนวคิดเป็นจินตนาการก่อน จากนั้นจึงเขียนออกมาเป็นวงจร วางผังอุปกรณ์ แชสซีส์ สร้างโพรโตไทป์เป็นเครื่องต้นแบบและสร้างในห้องทดลอง ทดสอบให้มั่นใจ จึงปล่อยลงสู่สายการผลิตออกมาในรูปแบบ Production lot ในโรงงานของ LAMPIZATOR เองในโปแลนด์

LAMPIZATOR ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะขยายขนาดของบริษัทให้ใหญ่เกินกว่าที่จะสนุกได้ ไม่ต้องการว่าจ้าง Subcontractor ใดๆ กับต่างประเทศ ต้องการควบคุมผลิตภัณฑ์และวิธีการเสียงตั้งแต่ A ถึง Z อย่างเต็มรูปแบบด้วยตัวเอง

“LAMPIZATOR ต้องการเป็นไฮไฟที่จะอยู่ในบ้านของคุณนานเท่านาน…”

ใช่ ง่ายมากเลย เมื่อได้ลองฟังพวกมัน จากนั้น LAMPIZATOR จะยืนหยัดทนทานต่อการใช้งานในห้องฟังอย่างยาวนานโดยที่เจ้าของจะไม่เบื่อ

“LAMPIZATOR เหล่านี้ไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะถูกขายเปลี่ยนมือออกไปหลังจากผ่านไป 6 เดือน เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับอุปกรณ์ตัวอื่นที่จะมาแทนที่มัน พวกมันปรารถนาที่จะมีส่วนร่วมทางดนตรีของคุณมาก จนไม่สามารถหาอะไรที่ดีกว่านี้มาแทนที่มันได้”

Believe

ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลเพลงในรูปแบบเสียงใดๆ ที่ดีไปกว่าไฟล์ดิจิทัลหรอก ไม่ว่าจะเป็น PCM 44/16 หรือ 192/24, DXD หรือแม้แต่ DSD”

LAMPIZATOR เชื่อว่า DAC เองมี “ความล้าสมัย” ในตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้เนื่องจากจะมีนวัตกรรม DAC ใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลานั่นเอง ส่วนหลอดจากช่วงปี 1940 ยังไม่มีสิ่งใดสามารถทำให้ล้าสมัยได้เลย อย่างน้อยก็ในอนาคตอันใกล้

Products

LAMPIZATOR มีผลิตภัณฑ์เด่นในเรื่อง DAC มาตั้งแต่แรก จากตัวเริ่มต้น AMBER 4 DAC ไล่ระดับสูงขึ้น BALTIC 4 DAC… ATANTIC… GODEN GATE… PACIFIC จนถึงตัวเรือธงราคาเรือนล้านที่ชื่อ HORIZON DAC

แต่ว่ากันตามจริงก็มีอุปกรณ์เครื่องเสียงครบวงจรนะครับ เช่น Music Server, Pre Amp… cables หรือแม้กระทั่งไฮไฟซิสเต็ม อย่ากระนั้นเลยสายสตรีมอย่างเรามาเจาะกันที่ DAC และ Music Server กันเถอะ

LAMPIZATOR DAC

DAC ถือเป็น Core business ที่สร้างชื่อให้ LAMPIZATOR ให้รู้จักกันทั่วโลกในฐานะ Tube DAC ที่เสียงอะนาล็อกมาก จนถึงวันนี้ยังคงเป็นผู้นำด้าน DAC ที่มีความก้าวล้ำเสมอมา นั่นเพราะ…

“การปฏิวัติทางดิจิทัลยังคงอยู่เสมอมา นั่นจึงทำให้ DAC กลายเป็นบล็อกหลักของอุปกรณ์ฟรอนต์เอนด์ในชุดเครื่องเสียงยุคนี้ทั้งสิ้น” แม้ว่ายุครุ่งโรจน์ของซีดีจะสิ้นสุดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ DAC ก็ยังทำงานร่วมกับแหล่งดิจิทัลอื่นๆ ทั้งหมดนอกเหนือจากซีดีทรานสปอร์ตเสมอ… กับ Music server, Streamer, เซ็ต Top Box หรือแม้แต่ใน Smart Devices เป็นต้น

LAMPIZATOR นำเสนอ DAC ในงบประมาณที่หลากหลาย กว้างขวาง ระดับกลาง สูง เริ่มจาก Amber 4 – DAC ระดับเริ่มต้นใหม่ล่าสุดค่าตัวแสนปลายๆ (180,000 บาท) เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเป็น DAC ที่ดีที่สุดในโลกในช่วงราคาที่ใกล้เคียงกันและให้เสียงดีแนวทางเดียวกันกับรุ่นเรือธง Horizon (2,xxx,xxx บาท) ซึ่งมีราคาห่างกันไกลหลายเท่า

อยากรู้ล่ะซิว่า DAC ของ LAMPIZATOR มีข้อแตกต่างกับ DAC ค่ายอื่นอย่างไร

LAMPIZATOR ใช้ปรัชญาแนวคิดที่ทำ DAC เหมือนกับ old school HiFi จะไม่เร่งรีบ ออกแบบ ผลิตประกอบด้วยมือในโรงงานแห่งเดียว เพื่อให้มีอายุการใช้งานยาวนาน จะไม่มีเทคโนโลยีเสียงใดที่ดีไปกว่าวิศวกรรมหลอดแบบเก่าที่ดีอย่าง LAMPIZATOR ซึ่งต้องเป็นอมตะ

Digital Stage:

LAMPIZATOR ใช้ DAC CHIP ดีที่สุดของปัจจุบัน โดยคัดเลือกมาจาก DAC Chip ทั้งหมดในโลก ผ่านการทดสอบที่ไม่มีที่สิ้นสุด ชิปเหล่านี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในปัจจุบันเป็นรุ่นล่าสุด ล้วนเป็นแบบ Multi bit รุ่นท็อปที่มีเอาต์พุตบาลานซ์แบบดิฟเฟอเรนเชียลเต็มรูปแบบ การออกแบบวงจรขึ้นใหม่หมดในรูปแบบที่ LAMPIZATOR คิดค้นขึ้นเองซึ่งปัจจุบันพัฒนาไปไกลมาก ความสามารถรองรับได้ PCM 768 kHz / 512x DSD กันเลยทีเดียว

Analog Stage:

LAMPIZATOR ให้ความสำคัญอย่างบ้าคลั่งกับภาคอะนาล็อกแบบสุดติ่ง โดยใช้หลอด จะไม่ใช้ซิลิคอน รวมถึงยังไร้ซึ่งออปแอมป์ด้วย ใช้ความเรียบง่ายของภาคแอมพลิฟายเออร์แบบ single ended triode ซึ่งจะเชื่อมระหว่าง Digital stage ซึ่ง Analog Stage เป็น Output Stage เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญซึ่งส่งผลต่อคุณภาพเสียงอย่างมาก จึงได้ความบริสุทธิ์เป็นอะนาล็อกอย่างมากถึงมากที่สุด ซึ่งไม่ง่ายเลยและต้องลงทุนสูงด้วย… ใครๆ ก็รู้

Power supply:

LAMPIZATOR ออกแบบแหล่งจ่ายไฟด้วยหลอด ให้มีขนาดใหญ่มาก เผื่อกำลังสำรองไว้อย่างน้อยถึง 400% ซึ่งถือว่าบ้ามาก จากข้อมูลระบุว่าเพื่อให้ไฟบริสุทธิ์ ทรงพลัง ให้เสียงหนักแน่นที่ไม่เคยมีมาก่อน แหล่งจ่ายไฟทุกตัวมีทั้งขดลวดปฐมภูมิ 240/230 V และ 115 V ให้เลือก ใช้โช้คขนาดใหญ่ที่ทำขึ้นเป็นพิเศษทุกอย่างยกเว้นหลอด จะแยกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ออกจากกันเพื่อขจัดนอยส์ตกค้างในไฟ AC

CASE:

LAMPIZATOR ออกแบบเคสตั้งแต่ต้น จนเป็นตัวเครื่องที่สวยงามมีเอกลักษณ์ ไม่ใช่แค่สวยแต่มีผลต่อเสียงด้วย โดยสามารถเลือก Face Plate แผ่นปิดหน้าสีเงินหรือสีดำได้ ปุ่มวงแหวน LED ของ LAMPIZATOR DAC รุ่นที่สูงขึ้นจะมีหลอดตั้งโชว์อยู่ด้านบนสร้างความภาคภูมิใจของเจ้าของ

Custom & Options

ปกติสามารถสั่งซื้อ Custom & Option ต่างๆ ไม่ว่าจะวัสดุ สีเคส หน้าปัด Single End, Balance หรือหลอดเกรดพรีเมียมในรุ่นใหญ่ อินพุตดิจิทัลหลายช่อง เอาต์พุตแบบบาลานซ์ XLR, Toslink การควบคุมระดับเสียงพร้อมรีโมต ฟังก์ชันปรีแอมป์พร้อมอินพุต หนึ่งในโซลูชัน USB ที่ดีที่สุด (32 บิต อะซิงโครนัส และสูงสุด 768 kHz)

Production

ผลิต ประกอบทุกขั้นตอนด้วยมือ ในการเตรียม ประกอบ รวมถึงทดสอบ และเบิร์นอิน ใช้งานด้วยการฟังจริงในระบบของ LAMPIZATOR  สินค้าทุกตัวมีหมายเลขอ้างอิง กระบวนการนี้ใช้เวลา 8 วันเต็มกว่าจะเป็นตัวผลิตภัณฑ์ ทุกขั้นตอนทำโดยบุคลากรของ LAMPIZATOR เองไม่มีการว่าจ้างบุคคลภายนอกใดๆ ยกเว้นงานโลหะ

อุปกรณ์บางส่วนถูกคัดสรรใช้ตัวเลือกที่ดีที่สุด ไร้ความกดดันใดๆ แม้ในบางครั้งต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนอื่นที่ไม่ใช่ของ LAMPIZATOR เอง อีกอย่างชิ้นส่วนทั้งหมดจะมีการ Over-specified ผลิตตามคำสั่งซื้อของ LAMPIZATOR ในลักษณะดั้งเดิม เพราะ LAMPIZATOR เคารพหลักการอันเป็นกฎเหล็กทุกข้อที่ “ออดิโอไฟล์” ทุกคนต่างรู้กันดี

LAMPIZATOR BALTIC 4 BALANCED TUBE DAC

ร่ายยาวปูพื้นมาพอควร มาเจาะชัดๆ กับ DAC ตัวนี้กัน

BALTIC 4 DAC เป็น DAC หลอด ระดับกลาง เหนือขึ้นจาก AMBER 4 ซึ่งคือตัว Entry Level หรือตัวเริ่มต้นของค่ายอีกสเตป LAMPIZATOR จัดหนักใส่ทุกสิ่งที่สามารถทำได้ เริ่มจากการออกแบบเพื่อให้งานระดับตำนานของ Level 4 เดิมลงใน BALTIC 4 DAC ตัวใหม่ซึ่งได้รับฟีเจอร์เจ๋งๆ มากมายจากรุ่นพี่ในราคาที่ดีเกินคาดด้วยซิ

ใช้ Digital Engine ตัวใหม่ ชื่อ ENGINE ELEVEN ซึ่งยอดเยี่ยมมาก มี Analog Stage เป็นหลอดไตรโอด, DC coupling ในทุกสเตจ แผงด้านหน้าแผ่นโลหะหนาเป็นสองเท่า, แผงหลังเครื่องใหม่, แผงบนตำแหน่งวางหลอดเป็นแผ่นทองแดง, ภาคจ่ายไฟติดตั้ง Choke Filte พร้อมจ่ายไฟ DC ด้วยหลอดไดโอด – 5C3S หลอดซิงเกิล 6SN7,12BH7 ติดตั้งมา พร้อมเพิ่ม Copper Caps เป็นวงจรบาลานซ์แท้

Design Objective

Baltic เป็นผลมาจากความพยายาม การทดลอง และการสร้างต้นแบบตลอด 13 ปีของ LAMPIZATOR ได้เป็นการออกแบบ octal tubes (หลอด 8 ขา) เพื่อรีดเค้นเพอร์ฟอร์มานซ์จนถึงขีดจำกัด Baltic 4 รุ่นใหม่ล่าสุด

ด้วยความพยายามอย่างไม่สิ้นสุดในการวิจัยและออกแบบ DAC มาถึงการออกแบบนี้ ผสมผสานทุกสิ่งที่รู้เกี่ยวกับการออกแบบ DAC ในราคาที่ไม่มีใครเทียบได้ บางคนอาจคิดว่า Baltic 4 จริงๆ แล้วเป็น Amber 4 ติดเทอร์โบนั่นเอง แต่เอาเข้าจริงก็มีมากกว่าที่เห็นนะ

ทราบมะ… เป้าหมายแท้จริงของ Baltic 4 คือการทำให้เข้าใกล้เสียงของ LAMPIZATOR: Golden Gate DAC ซึ่งแพงกว่ามาก แต่ใช้งบประมาณประมาณเพียง 1/3 เท่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้คือจะเป็น DAC ที่วางตำแหน่งตัวเองด้วยเทคโนโลยีและเสียงระหว่าง Amber 4 และ Golden Gate 2 DAC นี้เป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในด้านคุณภาพเสียงเหนือ Baltic 1 รุ่นเก่า

LAMPIZATOR ภูมิใจมากกับ DAC ตัวนี้ ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอยในโอกาสครบรอบ 10 ปีในอุตสาหกรรมนี้ และแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติของ LAMPIZATOR: BALTIC 4 DAC นั้นดีที่สุดในราคาที่เอื้อมถึง

BALTIC 4 DAC ถูกผลิตเป็นรุ่น Balanced ทุกตัว ไม่มีรุ่นแยกมากนัก ด้วยโทโพโลยีที่ทำงานสมดุลอย่างแท้จริง รองรับ DSD512 เป็นมาตรฐาน ตัวเก็บประจุเอาต์พุตเป็นทองแดงแท้ อินพุตดิจิทัล 4 ช่อง: USB, SPDIF, TOSLINK และ AES/EBU ในทุก DAC ใช้โทโพโลยีของหลอดแบบใหม่ จะกำหนดนิยามใหม่ให้กับสิ่งที่เป็นไปได้ด้วยหลอด ใช้วงจรเร็กกูเลเตอร์หลอดไดโอดคู่เต็มรูปแบบ แหล่งจ่ายไฟด้วย filtered anode power supply CLC

ฟังก์ชั่น PRE VOL ถือเป็น Option***

BALTIC 4 DAC ตัวที่ได้รับมา หน้าปัดดำ ติดตั้งวอลลุ่มมาเลย เสียดายที่แอมป์เจ้าบ้านเป็นอินติเกรตจึงไม่ได้ใช้ประโยชน์

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดคือการควบคุมระดับเสียง / มีวงจรปรีแอมป์อะนาล็อก ติดตั้งแลดเดอร์ของตัวต้านทาน(Resisters) แบบใหม่ และการควบคุมระดับเสียงที่ให้เสียงที่ยอดเยี่ยมด้วยรูปแบบอิมพีแดนซ์และการจับคู่ของ LAMPIZATOR เองโดยใช้ “ไมโครโปรเซสเซอร์ทำหน้าที่สลับตัวต้านทาน” ซอฟต์แวร์ และหน้าจอแสดงผลถูกยืมมาจากรุ่นพี่ Pacific DAC โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอแสดงผล OLED ที่มีจอดิสเพลย์ขนาดใหญ่ดูดีขึ้น

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกประการหนึ่งคือส่วนของอะนาล็อก โดยที่ใช้ 12BH7 dual triode แทนที่ ECC82 เป็นไดรเวอร์เอาต์พุต ในทุกการทดสอบ 12BH7 ให้ประสิทธิภาพที่น่าสนใจยิ่งขึ้นอย่างมาก

มิเพียงแต่วงจรดิจิทัลทั้งหมดจะถูกแทนที่ด้วย Engine Eleven ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังมีการเปลี่ยนแหล่งจ่ายไฟเพื่อประโยชน์ของเสียงที่บริสุทธิ์ของ Engine Eleven ด้วย… เออ แล้วมันคืออะไรล่ะ ขอขยายนิดนะ

***ENGINE ELEVEN

เป็นดิจิทัลเอนจินตัวใหม่ที่เปิดตัวเมื่อปลายปี 2022 แต่เครื่องเพิ่งจะขนส่งถึงบ้านเราไม่นานนี่เอง เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันเป็นทีมวิจัยพัฒนาที่เข้มข้นมาก มาดูไฮไลต์สำคัญกัน

  • แหล่งจ่ายไฟที่ซับซ้อนมากขึ้นโดยต้องใช้ขดลวดหม้อแปลงในการทำงานถึง 6 ตัว
  • การแยกสัญญาณที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการแยกกราวด์ ส่งผลให้ได้เสียงอะนาล็อกมากขึ้น
  • ซอฟต์แวร์ตัวใหม่ที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของ LAMPIZATOR
  • การออกแบบซีโรรีเลย์ใหม่ พร้อมการกำหนดเลือกอินพุตที่ควบคุมโดยซอฟต์แวร์ new, zero-relay design พร้อม software controlled สำหรับอินพุต
  • ใช้ชิปตัว Inputs Receiver 4 ตัวที่ให้บริการอินพุตทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องเลือกและกำหนดค่าอีก คือ USB, S/PDIF, TOSLINK และ AESEBU
  • ตอนนี้ DSD512x กลายเป็นมาตรฐานไปแล้ว

INPUTS

ในด้านฟังก์ชัน ติดตั้งอินพุตมาตรฐาน 4 ช่อง ได้แก่ USB, AES/EBU, S/PDIF และ TOSLINK ทั้งหมดนี้มาเลย โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเลือก 3 จาก 4 รายการอีกต่อไป BALTIC 4 DAC Balanced Vol.*จะติดตั้ง ***Analog input ให้หนึ่งช่องเสมอ ด้วยเหตุนี้จึงเปลี่ยนแปลงภายในเล็กน้อย ได้แก่ การต่อกราวด์ให้ดีขึ้น ลดการรบกวนให้น้อยขึ้น ปกติจะมีรีโมตคอนโทรลมาด้วย แต่ถึงจะไม่มีรีโมตมาก็ไม่ใช่ปัญหา กดที่ปุ่มวอลลุ่มไล่เลือกไปเป็น Sequence ได้เลย

ควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่ดีขึ้น เหล่านี้คือจุดที่ทำให้การทำงานของหลอดดีขึ้น เมื่อวงจรดีขึ้น เสียงที่ดีขึ้น ควบคุมอุณหภูมิได้ดีขึ้นทั้งระบบ เครื่องจึงไม่ร้อนเลย ประมาณว่าใช้ได้ยาวนานขึ้นไปอีก

ตามที่เกริ่นไว้ ก็เพราะ Living Sound ส่ง GULFSTREAM Music server มาด้วย งั้นขอขยายความให้ด้วย

LAMPIZATOR GULFSTREAM

LAMPIZATOR ปฏิวัติมิวสิกเซิร์ฟเวอร์ที่ EXTREME ด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในแบบของ LAMPIZATOR เอง น่าสนใจอย่างมากในรายละเอียด แง่คิดของการเลือกชิ้นส่วนโครงสร้าง รวมถึงการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องโซลูชันของแหล่งจ่ายไฟอันเป็นเอกสิทธิ์ของ LAMPIZATOR ให้กลายร่างเป็น music server ที่ยอดเยี่ยมนี้ ได้รับการออกแบบตั้งแต่ต้นจนจบเพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีมาก

ว่ากันแล้ว

ไม่มีวิทยาศาสตร์ลึกลับอะไรใน LAMPIZATOR GULFSTREAM บางคนอาจถามว่าก็ประกอบคอมที่ คล้ายกันขึ้นเองได้หรือไม่ คำตอบคือใช่ ทำได้แน่นอน มีคนทำออกเยอะไป มันก็จะ คล้ายกันในอุปกรณ์ พารามิเตอร์ และ เทคโนโลยีที่ใช้เท่านั้นแต่เรื่อง เสียงเป็นคนละเรื่อง ไม่มีวันได้ใกล้เคียงเลยจริงดิ

HOW?

LAMPIZATOR ใช้เวลา 6 ปีในการวิจัยพัฒนา LAMPIZATOR GULFSTREAM เครื่องนี้ ด้วย “งบประมาณแบบไม่จำกัด” ทำการทดสอบทุกวัน เพื่อสร้างต้นแบบหาโซลูชันใหม่ๆ ทดลองและทดสอบ (ทางดนตรี) ยี่ห้อ RAM ทุกยี่ห้อที่มี พัง ทำลาย Motherboard ที่แตกต่างกันไปหลายสิบแผง เช่นเดียวกับโปรเซสเซอร์ การ์ด USB ไดรฟ์ SSD ฯลฯ เขียน Linux ในเวอร์ชันของ LAMPIZATOR เอง ให้มีความคล่องตัวสูงสุด

ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันระหว่าง Roon ออกแบบ Linux kernel, Bios ของ Motherboard การกำหนด processor core assignments ในองค์ประกอบอื่น การควบคุมอุณหภูมิ, การระบายความร้อนแบบ Static FAN Less ฯลฯ Motherboard ได้รับการคัดสรรจากประเภทเซิร์ฟเวอร์ระดับมืออาชีพที่ดีที่สุด ไม่ใช่สำหรับเล่นเกมและไม่ใช่สำหรับกราฟิก แต่เพื่อเล่นเพลงเท่านั้น Motherboard และ BIOS Linux ถูกเขียน ถูกปรับให้เหมาะสมที่สุดเพื่อเสียงดีที่สุดเท่านั้น ไม่มีฟังก์ชัน GUI ใดๆ เลย นอกจากใช้กับ Roon remote app สามารถให้บริการระยะไกลด้วยแอป Remote Viewer เพื่อช่วยเหลือลูกค้าปรับแต่ง Linux จากระยะไกลจากสำนักงานของ LAMPIZATOR ในวอซอ โปแลนด์อีกด้วย

รองรับสูงสุด DSD 512 โปรเซสเซอร์ทำงานอย่างสบายๆ ขณะ PCM ที่อัปแซมปลิง DSD แบบเรียลไทม์ (แทบไม่มีใครในตลาดสามารถทำได้) ความเสถียรของระบบ ใช้ได้ในระยะยาว

GulfStream เป็นเซิร์ฟเวอร์หลายไคลเอ็นต์สามารถอ่านได้ 6 ฐานข้อมูลพร้อมกัน เพื่อเล่นกับผู้ใช้ 6 คนในเวลาเดียวกันจะเป็นผู้ใช้หลายรายเข้าสู่ระบบพร้อมกัน

LAMPIZATOR เลือกใช้เส้นทางสายโหดในการออกแบบ โดยสร้างแหล่งจ่ายไฟแบบ Linear ขึ้นเองสำหรับมัน เป็น PSU ขนาดใหญ่ หนักหน่วง ทรงพลังในแบบ PSU เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้าง music server ที่ส่งผลดีกับเสียงดนตรีมากที่สุด ให้เสียงแบบอะนาล็อกได้ดีกว่าไวนิลที่ดีที่สุดเสียด้วย คุยทับไปเลย

แน่นอนว่าต้องทุ่มทุนทั้งเวลาและกำลังเงินในการซื้อชิ้นส่วนทั้งหมดจากผู้ขายรายอื่นและจากประเทศอื่น

ทุกอย่างได้รับการออกแบบอย่างเต็มที่ หม้อแปลงไฟฟ้า 350 วัตต์ มีขดลวดทุติยภูมิ 4 เส้น แต่ละตัวสำหรับงานที่แตกต่างกันชีลด์ไว้เป็นอย่างดี จากนั้น PSU เป็นแบบ linear ทั้งหมด มีการกรอง CLC และควบคุม โดยมีเอาต์พุต 12 เอาต์พุต แต่ละเอาต์พุตสำหรับแต่ละงาน PSU ทั้งหมดใช้ฮีตซิงก์ขนาดใหญ่ไร้ซึ่งพัดลมจึงทำงานเงียบกริบไร้การรบกวนใดๆ ทั้งกายภาพและคุณภาพเสียง

ไหนๆ คุยถึง Hardware แล้ว เลือกใช้เมนบอร์ดดีที่สุดที่สามารถหาได้สำหรับโปรเซสเซอร์ Intel XEON ซึ่งใช้ในเซิร์ฟเวอร์ระดับอาชีพเท่านั้น รองรับ BIOS แบบของ LAMPIZATOR

รายละเอียดอื่นๆ ได้แก่: RAM ประเภท DDR4-PRO ขนาด 16GB (Linux จะไม่อ่าน RAM สูงกว่านี้อีก ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะไม่ใช้มากกว่านี้) หัวใจของระบบ SSD ที่ติดตั้ง Linux เป็นออดิโอไฟล์ที่ผลิตเองโดยเฉพาะสำหรับ Roon server และฮาร์ดแวร์ติดตั้งมา โดยใช้ ROON Remote app บน iDevices ทำหน้าที่เป็นรีโมคอนโทรล

เพื่อทดสอบการใช้งานจริงขณะเล่นเพลงจะใช้ DAC ตัวท็อปๆ ของค่ายเช่น Pacific หรือ Horizon DAC เป็นตัวอ้างอิงเป็นเกณฑ์มาตรฐานเสียงขั้นสูงสุดของ LAMPIZATOR! เล่นในห้องฟังเฉพาะพิเศษของ LAMPIZATOR ที่แน่นอนว่าจะไม่มีบริษัทคอมพิวเตอร์ “ปกติ” อื่นใดสามารถเข้าใจได้ว่าทำไม … ลูกขุนจะฟังอย่างเข้มข้น GulfStream ต้องให้เสียงที่เหนือกว่าแหล่งดิจิทัลใดๆ ที่เคยได้ยินมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ ยิ่งในการทดสอบของ LAMPIZATOR จะเหนือกว่าการเล่นผ่าน CD Transport ไม่ว่าจะเป็น Esoteric VRDS Neo, Theta, TEAC VRDS series, Philips PRO series, CEC TL-0 3.0 หรือเพียงแค่อะไรก็ได้ที่มีอยู่เป็นตัวอ้างอิง

ทีมงานยังคิดเยอะถึงขนาดว่าในตัวเครื่อง GulfStream รุ่นปัจจุบันไม่มีที่ให้ติดตั้งหน่วยความจำหรอก จริงๆ ก็ไม่มีปัญหาในขณะที่การเล่นที่รวดเร็วสามารถเล่นได้ทันทีจากเมมโมรีสติ๊ก เช่นจากไดรฟ์ USB 3 ภายนอกหรือจากไดรฟ์ขนาด 5 นิ้วคงต้องใช้ด็อกกิ้งสเตชันที่มี PSU แยกต่างหากจึงจะทำงานได้ เพราะไม่ได้เผื่อไฟเลี้ยงไว้ให้เลย ทั้งๆ ที่กำลังไฟใหญ่ออกขนาดนั้น ก็ไม่ได้เผื่อไว้ เพราะมันจะรบกวนการทำงานเสียงให้แย่ลง เข้าใจตรงกันนะ

…***แต่วิธีข้างต้น LAMPIZATOR กลับไม่แนะนำหรอกนะ เพื่อผลต่อเสียงดีที่สุด แนะนำให้เล่นกับหน่วยความจำภายนอกโดยผ่NAS ในวงเน็วิร์เดียวกันนะคร้าบ เชื่อเลยว่าสุดจริง

สรุปซอฟต์แวร์ที่เลือกคือ ROON เท่านั้น สามารถเล่น Tidal หรือ QOBUZ ในบัญชีของคุณหรือเล่นไฟล์จาก NAS ได้อย่างลื่นไหล

จะเล่น DSDx64, DSDx128 DSD256x และ 512 แบบ Native การ Conversion ได้ทันทีสามารถทำได้ด้วยการตั้งค่าที่ถูกต้อง มันจะเกี่ยวข้องกับทั้ง DSD ถึง PCM และในทางกลับกันช่วยให้คุณสามารถเล่น Streaming service เช่น QOBUZ และ Tidal MQA แล้วแปลงเป็น DSD ได้ทันทีซึ่งเสียงที่ได้ ก็จะได้อีกอารมณ์

HOOK UP

ติดตั้ง BALTIC4 Tube DAC คู่กับ GulfStream ต่อด้วยสาย USB ซึ่งที่จริงก็ยังมี Coax อีกช่องให้ GulfStream ทำตัวเป็น Roon core เทพเพื่อใช้งาน DAC ใช้เอาต์พุตบาลานซ์ของ LAMPIZATOR: BALTIC 4 DAC โดยป้อนเข้าไปในแอมป์อินทิเกรและลำโพงแบบ 2.2 เจ้าบ้าน

หลังจากตรวจสอบมันก่อนเพื่อให้แน่ใจว่ามันใช้งานได้ ประมาณว่าเมื่อลองฟังมันครั้งแรกเสียงจะดิบไปหน่อย จากนั้นก็เผายาวแทบจะตลอด 24 ชั่วโมงหลายวันยอมเปลืองค่าแอร์ เปิดบ้างปิดบ้างเป็นเวลาสองสามสัปดาห์ ก็เห็นได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปควรต้องดีขึ้นไปอีก และก็เป็นเช่นนั้น แม้พ้นระยะ Break Through ไปแล้ว ถึงอย่างไรก็ต้องอุ่นเครื่ิองอย่างน้อยครึ่งชัวโมงทุกครั้งไปซิน่า เอาเถอะ ก็ได้ระยะเวลาที่แอร์เย็นฉ่ำพอดี

ปกติ BALTIC 4 Tube DAC จะมาพร้อมรีโมต แต่ยกมาครั้งหลังนี่ไม่ได้เอารีโมตมาด้วย ทำไงดีหว่า ก็ปิดเปิดที่ตัวเครื่องได้เลย… เออ แต่อยู่ตรงไหนนะ?

เมื่อสั่งระดับเสียง / รีโมตคอนโทรล ตามหลักการแล้วการมีสวิตช์เปิด / ปิดบนตัวเครื่องเมื่อปิดเครื่องถือเป็นเรื่องดี เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องกลับไปนั่งที่เก้าอี้เพื่อหารีโมต โดยปกติปุ่มนี้ควรจะอยู่ที่ตัว “O” ขนาดใหญ่ใน LAMPIZATOR หรือบนแผงหน้าปัดนี่นา ปรากฏว่า BALTIC 4 DAC ติดตั้งปุ่มเปิดปิดอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง ตำแหน่งกึ่งกลางใกล้แผงหน้าบังเอิญว่าขารองไม่ได้ยกแชสซีส์สูงพอที่จะให้นิ้วดันปุ่มใต้เครื่องได้ ต้องใช้มือข้างหนึ่งยกด้านหน้าของตัวเครื่องในขณะที่อีกมือก็คลำหาปุ่มเปิดปิด แนวคิดของแกก็ขำๆ ดี แต่ถ้าใช้รีโมทก็ไร้ปัญหา

SHOW TIME

ความที่คู่หู LAMPIZATOR อยู่กันนาน เปิดเพลงจากอัลบั้มโปรดหลากหลายแนวจากหลายแหล่ง ทั้ง NAS และหลักๆ ก็จาก TIDAL และ QOBUZ ทั้งโฟล์คแจ็ซ ร็อก ซิมโฟนิกร็อก แน่นอนว่าคือแนวเพลงของผมตามภาพประกอบ… ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นแนว “โอ้ฟาย” ทั้งอัลบั้มเก่าและใหม่ รวมถึงอัลบั้มเก่าถูกนำมาตีความรีเมคก็ยังมี เป็นอะไรที่ฟินมาก เพราะคู่หูชาวโปล์ให้เสียงมีไดนามิกส์ดีมาก เวทีกว้าง ใหญ่ เต็มไปด้วยรายละเอียด มีอิสระไม่อั้นและเสียงดนตรีมีเนื้อมีหนังมาก รู้สึกดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีวงขนาดใหญ่เป็นสามมิติ ความสมจริงเป็นธรรมชาติของดนตรีสด รู้สึกได้ถึงบรรยากาศในสถานที่บันทึกเสียงชัดเจน นั่นคือสิ่งที่เครื่องเสียงไฮเอนด์เท่านั้นที่ให้ได้

ก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโปรดในห้องโฮมสตูดิโอ ให้โทนเสียงอุ่นอย่างประหลาดที่ทำให้ประทับใจ แค่ฟังแทร็กโปรดไม่กี่นาทีก็ยืนยันถึงรายละเอียดนั้นได้ ชวนให้จับจ้องไปที่เครื่องดนตรีต่างๆ ติดขอบเวที ให้เสียงอยู่ด้านหลังระนาบของลำโพงลึกกว่าเล็กน้อย BALTIC 4 DAC ให้รายละเอียดและความโปร่งที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้ฟังได้ถึงอารมณ์เพลงจากอัลบั้มในอดีตยุค 70 หรือถูกรีเมกขึ้นใหม่ ดนตรีมีรายละเอียดขึ้น DAC นี้แสดงให้ฟังได้ชัดเจนโดยวางตำแหน่งเครื่องดนตรีหรือนักร้องแต่ละส่วนไว้ที่จุดใดจุดหนึ่งบนเวที ในขณะชิ้นดนตรีจะออกมาบนเวทีแบบธรรมชาติเช่นเดียวกับดนตรีสด เช่นนักร้องควรอยู่ในตำแหน่งใด กลองจะอยู่ตรงไหน ออร์เครสตร้ามีรูปวงอย่างไร กับ Manger Zero Box ให้เสียงที่ลงตัวผสานกันอย่างเป็นธรรมชาติมากอยู่แล้ว สามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของดนตรี ดื่มด่ำไปกับจังหวะลีลาเพลงแต่ละเพลงจากอัลบั้มโปรดในอดีตได้ไม่ยาก

BALTIC 4 Tube DAC สามารถถ่ายทอดให้ได้รับรู้ไดนามิกส์ ให้รายละเอียดระดับ Micro detail และ Macro detail ให้ลึกยิ่งขึ้นจากการบันทึกเสียงตามความตั้งใจของศิลปินห้องอัด

ยิ่งได้ฟังอัลบั้มเพลงที่คุ้นเคยอีกครั้งด้วย BALTIC 4 Tube DAC สัมผัสได้ถึงไดนามิกส์ทรานเชียนต์ของตัวโน้ตชัดเจนยิ่งขึ้น คำร้องที่อาจเคยขุ่นมัวไม่ชัดเจนก็สามารถฟังได้ชัดมากขึ้น น้ำเสียงหรือระดับเสียงของนักร้องสังเกตเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในด้านไดนามิกส์ ดนตรีจะระเบิดอารมณ์ดีขึ้นจนถึงขีดจำกัดของแอมป์ที่ใช้ LAMPIZATOR BALTIC 4 DAC จะดึงอารมณ์ดนตรีออกมามากกว่าข้อบกพร่องที่มีเกิดจากการบันทึกที่ไม่ดีนักของเพลงร็อก ประมาณว่าเรียกมันว่า “เปิดเผยอย่างมีชั้นเชิงเท่าที่ทำได้ของดนตรีร็อก” การฟังในแต่ละอัลบั้มเป็นเรื่องที่พึงพอใจเสมอ มักจะกระดิกเท้าโยกหัวหรือตบมือกระทืบเท้าโดยไม่รู้ตัวเกือบตลอดเวลา… ก็แปลว่าใช่เลย

เสียงของ LAMPIZATOR Baltic 4 DAC นอกจากให้ความลึกของเวทีเสียงที่ยอดเยี่ยม ยังมีเวทีด้านหน้าที่กว้างมากซึ่งนั่นเป็นของหายากเหมือนทะลุผนังล้มของห้องโฮมสตูดิโอออกไป ด้านบนยิ่งเจอเพดานโค้ง ที่ออกแบบให้กดลงต่ำใกล้บริเวณผนังด้านหน้าและไล่ระดับความสูงขึ้นไปตรงกลางห้องแล้วลดระดับลงด้านหลังจุดนั่งฟังไปชนกับผนังล้มในห้องโฮมสตูดิโอ จะให้ความรู้สึกถึงความสูงของเวทีเสียง ประสบการณ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนจะบ่งบอกได้เลยว่า Room acoustics treatment ที่ได้ห้องมีความสงัดย่อมมีผลต่อคุณภาพเสียงมาก ยิ่งได้ยินรายละเอียดเล็กๆ ของการก้องสะท้อนของเครื่องดนตรีที่บันทึกไว้จากต้นฉบับอยู่ในเพลงนั้นได้ง่ายขึ้น ให้ไดนามิกส์มีระดับเสียงที่เหมาะสมที่สุดเพื่อให้เสียงดีที่สุดในห้องฟังพร้อมกับอุปกรณ์ของผม ด้วยหูลุงวิศวะ พบว่าเผลอไปเพิ่มระดับเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อยทุกครั้งที่ฟังอัลบั้มโปรดขณะเริ่มเครื่องร้อน เพื่อให้ได้รายละเอียดเพิ่มจากการบันทึกสำเนียง “การสำแดงสด” รู้สึกได้ว่า “กรู อยู่ที่นั่น” มากขึ้น ทั้งนี้เพราะเป็นผลมาจาก Dynamic, Detail Transparent ที่ LAMPIZATOR ให้ ยังนำเอาจุดแข็งอีกประการของ LAMPIZATOR Baltic 4 DAC คือการสร้างดนตรีขึ้นมาใหม่จะดึงอารมณ์ดนตรีมาให้ปรากฏขึ้นนั่นเอง ซึ่งผลก็คือฟรอนต์เอนด์เป็นหัวขบวนในห่วงโซ่ของเครื่องเสียงไฮเอนด์ ซึ่งจะลำบากลงทุนในการพยายามสร้างชุดไฮไฟขึ้นมาในห้องฟังทำไมกันล่ะคร้าบ… ถ้ามันทำไม่ได้

Wrap Up

ฮ็อบบี้ที่พัฒนาการฟังเพลงจากซีดีไปสู่การดาวน์โหลดและสตรีมมิ่งในที่สุด ทำนองเดียวกันที่ฮาร์ดแวร์ได้พัฒนาจากเครื่องเล่นซีดีไปเป็น DAC แบบสแตนด์อโลนไปจนถึง DAC ที่ฝังไว้ในปรีแอมป์ สตรีมเมอร์ รวมถึงเน็ตเวิร์กทรานสปอร์ต ยังไม่ต้องพูดถึงอินทิเกรตแบบออลอินวัน สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณานิสัยการฟังของคุณ 

หลังจากที่ผ่านมาแวะไปลับหูกับ Metallica Live Broadcast live from Arlington, TX, USA ซึ่งเป็นโชว์ของ Metallica’s M72 World Tour ไปยังโรงหนังนับพันโรงทั่วโลก รวมถึงฟังดนตรีแจ๊สแสดงสดในงานแต่ง ต่อมาก็ไปฟังแจ๊สในผับกับเพื่อนเพื่อปรับหู พูดได้เต็มปากว่า BALTIC 4 DAC ให้เสียงอะนาล็อกเป็นธรรมชาติมากกก เข้าใกล้ดนตรีสดมากยิ่งด้วยแอมป์และลำโพงที่เหมาะสมก็ยิ่งเจ๋ง

LAMPIZATOR คือเลนส์กล้อง DSLR ระดับมืออาชีพย่อมต่างจากล้องสมาร์ทโฟน ซึ่งให้ภาพความคมชัดเป็นสามมิติอย่างน่าประหลาด หาใช่ว่าระบบเดิมขาดความชัดเจนและรายละเอียดมาก่อน MANGER Zero BOX เป็นลำโพงที่เปิดเผยมาก แสดงประสิทธิภาพของระบบอย่างยอดเยี่ยมเสมอ อาจจะพูดเวอร์ๆ ประมาณว่ายกงาน BAV HI-END SHOW มาไว้ในห้องโฮมสตูดิโอกันเลย!!! ด้วย LAMPIZATOR คู่นี้ มาพร้อม GulfStream ที่จะทำให้การค้นหา Music server ดีๆ สิ้นสุดลงแล้วสำหรับใครบางคน… รวมถึงผมด้วย

GulfStream สวมบทเป็น Roon Core เทพคู่หูที่สมน้ำสมเนื้อกับ BALTIC 4 DAC ให้เสียงอะนาล็อกเป็นเนื้อแท้ของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้น เสริมด้วยเวทีเสียงที่กว้างลุ่มลึก และแม่นยำ โดยมีพื้นหลังเป็นสีดำให้ตัวตนราวกับภาพ 3D มีตัวตนจับต้องได้ มี GulfStream ยิ่งทำให้คุณภาพเสียงของ Baltic 4 Tube DAC เปล่งศักยภาพชัดหายใจรดต้นคอ DAC ค่าตัวสูงกว่ามันไปเลย แหม่..เล่นเอาเสียวกันทีเดียว ค่าตัวของมันทั้งสองจะเป็นจำนวนเงินที่สมเหตุสมผล คู่ควรสำหรับการใช้จ่ายกับ DAC โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แม้เทคโนโลยีดิจิทัลดูเหมือนจะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วมาก แต่ BATIC 4 BALANCED Tube DAC ก็ล้ำและไปยืนรอนานแล้ว

ถ้าอยาก Move On จากชุดเดิมๆ ไปไกลว่านั้น ทางเลือกที่อยากแนะนำ LAMPIZATOR มองให้ไกลก็ยิ่งเริดไปอี๊กกก ถ้าเลือกที่จะเดินทางสู่วิถีไฮเอนด์ก็ต้องไปให้สุดตามกำลังทรัพย์ แน่นอนก็อาจจะหมายถึง คู่หู LAMPIZATOR: GulfStream และ BALTIC 4 BALANCED Tube DAC นี่เอง ล่ะครับท่าน. ADP

BALTIC 4 BALANCED
BALTIC 4 BALANCED   
GULFSTREAM Music Server  

ราคา 270,000 บาท
ราคา 360,000 บาท
ราคา 360,000 บาท

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย
LIVING SOUND
089-517-2222

ผู้เขียน: ธรรมนูญ ประทีปจินดา
Audiophile/Videophile Reviewer
อดีตที่ปรึกษาฝ่ายวิศวกรรมสนับสนุนการผลิตโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ
ผู้เฝ้าติดตามความเป็นไปของดิจิทัลออดิโอ ตาไม่กะพริบ