โซนี่ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัว BRAVIA TV – MASTER Series โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ประเภท OLED 4K TV เพื่อเสริมทัพทีวีของโซนี่ให้มีความหลากหลาย สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วน โดยได้เชิญสื่อมวลชนในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าร่วมงาน ซึ่งจัดขึ้น ณ Suntec Singapore Convention & Exhibition Center ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา สำหรับทีวีที่เป็นรุ่นแม่ทัพของ Master series และเป็นไฮไลต์ในการเปิดตัวครั้งนี้ก็คือ A9G – 4K OLED TV ที่จะนำเสนอความเป็นสุดยอดด้านคุณภาพของภาพเพื่อการชมภายในบ้าน โดยสามารถถ่ายทอดภาพได้เที่ยงตรงตามที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ตั้งใจให้เป็น Master series มีที่มาจากความต้องการของ Sony ที่จะสร้างสรรค์ทีวีที่ดีที่สุด เพื่อถ่ายทอดคุณสมบัติในด้านต่างๆ ของภาพให้มีความใกล้เคียงกับจอมอนิเตอร์ระดับโปรเฟสชั่นนัล นอกจากนั้นทีวีใน Master series ยังมีฟีเจอร์ Netflix Calibrated Mode เพื่อใช้ชมคอนเทนต์จากช่อง Netflix ให้ได้คุณภาพของภาพตรงตามที่ผู้ผลิตสร้างสรรค์มาทีวีรุ่นใหม่นี้ได้ใช้ Picture Processor X1? Ultimate เจเนอเรชั่นใหม่ เพื่อให้รายละเอียดและคอนทราสต์ของภาพมีความเที่ยงตรงมากขึ้น โดยในการทำงานจะใช้อัลกอริธึ่มที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อตรวจและวิเคราะห์ในแต่ละเฟรมภาพ ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ด้านรายละเอียดของภาพและคอนทราสต์ที่สมจริงมากขึ้น ทางด้านระบบเสียงซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการรับชมเช่นกันนั้น ทีวีรุ่น A9G มีฟีเจอร์ Sound-from-Picture Reality ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ ที่จะถ่ายทอดตำแหน่งเสียงพูดของผู้แสดงบนจอภาพได้ตรงตามความเป็นจริง สำหรับคุณสมบัติของทีวีรุ่นใหม่ที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้

MASTER SERIES A9G (ขนาดจอภาพ 77”, 65”, 55”) 4K OLED TV
จอภาพเทคโนโลยี OLED ที่ถ่ายทอดระดับความดำลึกอย่างที่ไม่เคยมีจอภาพใดทำได้มาก่อน เป็นทีวีที่สามารถถ่ายทอดภาพได้เที่ยงตรงตามที่ผู้ผลิตตั้งใจอยากให้เป็น ให้สีสันตรงตามแหล่งสัญญาณต้นทาง และให้มุมมองในการรับชมที่กว้าง หน่วยประมวลภาพ X1? Ultimate ให้ภาพระดับ 4K HDR มาพร้อมเทคโนโลยี Object-based Super Resolution, Object-based HDR remaster, Super Bit Mapping? 4K HDR พร้อม Dual database processing

Pixel Contrast Booster

Pixel Contrast Booster โดยจอภาพจะมีพิกเซลมากถึง 8 ล้านพิกเซล และแต่ละพิกเซลสามารถกำเนิดแสงได้เอง ทำงานร่วมกับ Sony-original panel controller for OLED ซึ่งจะให้ภาพที่สวยงามขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ Acoustic Surface Audio+ ทำงานด้วย Actuator จำนวน 2 ตัว ผสานกับ Power Subwoofer 2 ตัว ถ่ายทอดมิติเสียงได้สมจริง นำคุณเข้าสู่ประสบการณ์ความบันเทิงที่เหนือขึ้นไปอีกระดับ นอกจากนั้นยังมี TV Center Speaker Mode ให้เลือกใช้งานเป็นลำโพงเซ็นเตอร์ ผู้ชมจะได้สัมผัสกับภาพที่มีความสวยงามที่กลมกลืนไปกับคุณภาพเสียงจากฟีเจอร์ Sound-from-Picture Reality ซึ่งจะสร้างความประทับใจให้อย่างที่สุด รูปทรงเพรียวบาง ลงตัวกับการติดตั้งบนผนัง กลมกลืนไปกับการตกแต่งภายในของห้อง Netflix Calibrated Mode ให้ภาพอย่างที่ผู้ผลิตคอนเทนต์ของช่อง Netflix ต้องการให้เป็นระบบเสียง Dolby Vision? ให้คุณภาพเสียงสมจริงกับภาพที่ปรากฏ และระบบเสียง Dolby Atmos? จะทำให้บ้านกลายเป็นโรงภาพยนตร์ชั้นยอด

A8G Series (ขนาดจอภาพ 65”, 55”) BRAVIA OLED 4K TV จอภาพเทคโนโลยี OLED 8 ล้านพิกเซล แต่ละพิกเซลสามารถกำเนิดแสงได้เอง ถ่ายทอดระดับความดำลึกอย่างที่ไม่เคยมีจอภาพใดทำได้มาก่อนให้สีสันตรงตามแหล่งสัญญาณต้นทาง และให้มุมมองในการรับชมที่กว้าง หน่วยประมวลภาพ X1? Extreme ให้ภาพระดับ 4K HDR มาพร้อมเทคโนโลยี Object-based Super Resolution, Object-based HDR remaster, Super Bit Mapping? 4K HDR พร้อม Dual database processing Acoustic Surface Audio ถ่ายทอดเสียงตรงจากจอภาพ ให้เสียงสมจริง แตกต่างจากทีวีทั่วไปที่ไม่สามารถทำได้ ออกแบบมาให้ลงตัวกับการใช้งานลำโพง Sound Bar ระบบเสียง Dolby Vision สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับการชม

จอภาพเทคโนโลยี OLED 8 ล้านพิกเซล แต่ละพิกเซลสามารถกำเนิดแสงได้เอง ถ่ายทอดระดับความดำลึกอย่างที่ไม่เคยมีจอภาพใดทำได้มาก่อนให้สีสันตรงตามแหล่งสัญญาณต้นทาง และให้มุมมองในการรับชมที่กว้าง หน่วยประมวลภาพ X1? Extreme ให้ภาพระดับ 4K HDR มาพร้อมเทคโนโลยี Object-based Super Resolution, Object-based HDR remaster, Super Bit Mapping? 4K HDR พร้อม Dual database processing Acoustic Surface Audio ถ่ายทอดเสียงตรงจากจอภาพ ให้เสียงสมจริง แตกต่างจากทีวีทั่วไปที่ไม่สามารถทำได้ ออกแบบมาให้ลงตัวกับการใช้งานลำโพง Sound Bar ระบบเสียง Dolby Vision สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับการชม

X950G Series (ขนาดจอภาพ 85”, 75” 65”, 55”) 4K TV หน่วยประมวลภาพ X1? Ultimate ให้ภาพระดับ 4K HDR มาพร้อมเทคโนโลยี Object-based Super Resolution, Object-based HDR remaster, Super Bit Mapping? 4K HDR พร้อม Dual database processing จอภาพแบบ full-array local dimming backlight พร้อมเทคโนโลยี X-tended Dynamic Range? Pro ให้ค่า Contrast สูงกว่า LED TV ทั่วไปถึง 6 เท่า Acoustic Multi-Audio by Sound Positioning Tweeters ถ่ายทอดเสียงกลมกลืนกับภาพที่ปรากฏ ให้การรับชมมีความเพลิดเพลินยิ่งขึ้น

X-Wide Angle ลดการเปลี่ยนแปลงสีของจอภาพ เมื่อรับชมจากด้านข้าง สีสันจึงเที่ยงตรงไม่ว่าจะชมจากตำแหน่งใด (เฉพาะขนาด 85” และ 75”) X-Motion Clarity ให้ภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ ไม่พร่าเลือน ภาพที่เห็นจึงยังคมชัด และไม่สูญเสียความสว่าง Netflix Calibrated Mode ให้ภาพจากช่อง Netflix ได้มาตรฐานตามแหล่งสัญญาณต้นทาง Dolby Vision ให้เสียงสมจริง ขณะที่ Dolby Atmos จะให้เสียงที่โอบล้อมเต็มห้องประหนึ่งโรงภาพยนตร์

สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัวในครั้งนี้จะเริ่มจำหน่ายไตรมาสที่ 2 ของปีนี้
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่… บริษัท โซนี่ (ไทย) จำกัด โทร. 0-2715-6100

นิตยสาร AUDIOPHILE AUDIOPHILE ฉบับที่ 266