ชุมพล

นักเขียน : ดร.ชุมพล มุสิกานนท์ :

Bowers & Wilkins ผู้ผลิตลำโพงชั้นนำจากประเทศอังกฤษ ส่งลำโพงซีรีส์ 700 ออกสู่ตลาดตั้งแต่ปลายปี 2560 แรกๆ ที่เปิดตัวมาต่างก็คาดเดากันไปว่ารุ่นนี้จะมาแทน CM Series หรือไม่ โดยเฉพาะราคาแม้แต่ผู้แทนจำหน่ายยังคิดว่าจะถูกกว่าCM Series ด้วยซ้ำไป แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว B&W 700 Series ถูกจัดวางตำแหน่งทางการตลาดให้อยู่เหนือ CM Series คงเป็นรองแต่เฉพาะ 800 Diamond ด้วยความที่ลำโพงรุ่น 700 นั้น รับเทคโนโลยีของรุ่น 800 มาหลายประการ อาทิ Solid Body Tweeter (ท่อบรรจุทวีตเตอร์แยกออกจากตู้), ดอกลำโพงที่ไดอะแฟรมทำด้วย Continumm สำหรับอ่านเสียงกลาง และ Decoupled Midrange สำหรับเสียงต่ำและเบส

สิ่งที่เป็นนวัตกรรม ซึ่ง B&W ไม่เคยใช้ในลำโพงรุ่นไหนมาก่อนเลย นั่นคือ ทวีตเตอร์ชนิด Carbon Dome ที่มีคุณสมบัติพิเศษมาก คือ มีจุดเบรกอัพอยู่ที่ความถี่สูงถึง 47kHz นั่นทำให้การออกแบบครอสโอเวอร์เน็ตเวิร์กของลำโพงเลื่อนจุดตัดระหว่างเสียงกลางและเสียงสูงขึ้นไปได้ ทำให้มีความกลมกลืนทางเสียง ได้อิมเมจชัดเป๊ะ และมีรายละเอียดเสียงเพิ่มมากขึ้น (จริงๆ แล้วมีเท่าเดิมครับ แต่ด้วยประสิทธิภาพของดอกลำโพงเสียงแหลมทำให้เราได้ยินชัดมากขึ้น)

ส่วนตัวขับเสียงทุ้มสองตัวมีขนาด 6.5 นิ้ว เป็นวัสดุ Aerofoil ที่ให้เบสลึกสะใจ B&W 702 S2 จัดเป็นลำโพง 3 ทางครึ่ง ตู้เปิด เพราะมีทวีตเตอร์ มิดเรนจ์ มิดวูฟเฟอร์ รวมไดรเวอร์ทั้งหมด 5 ตัวต่อตู้ ทวีตเตอร์ขนาด 1” ถูกบรรจุอยู่ในหลอดแยกต่างหาก ซึ่งเป็น DNA ของรุ่น Nautilus ครับ ขั้วต่อชนิดไบไวร์ไบดิ้งโพสต์ดูสมราคาลำโพงมี 3 สีให้เลือก คือ สีขาว สีดำมัน และสีโรสวู้ด สเปกสำคัญคือ… ตอบสนองความถี่เสียง 45Hz – 28kHz ±3dB, ความไว 90dB, อิมพีแดนซ์ปกติ 8 โอห์ม

ดูจากสเปกแล้ว น่าจะเป็นลำโพงที่เล่นง่ายใช่ไหมครับ? ทีแรกผมก็คิดว่าอย่างนั้น แต่ปรากฏว่าออเจ้าเดาผิดครับ!!! บอกเลยว่าB&W Series 700 ต้องการเพาเวอร์แอมป์ที่เสียงดี มีพลังขับสูงอยู่เอาเรื่องเลย ตามสเปกที่ผู้ผลิตกำหนดบอกว่ามันต้องการแอมป์ที่มีกำลังขับ 30 – 300 วัตต์ ที่ 8 โอห์ม (Unclipped) ผมลองใช้ 70 วัตต์ โซลิดสเตทมาขับแล้ว ปรากฏว่ามีเสียง แต่ไม่ดีครับ เสียงแหลมฟุ้งพุ่งสาด กลาง-ต่ำไม่มี เปลี่ยนเป็น 200 วัตต์ คราวนี้มาเต็ม แต่ค่อนข้างดุ เลยเปลี่ยนไปใช้แอมป์หลอด EL34 ข้างละ 80 วัตต์ ที่ทำมาสำหรับปราบลำโพงยากๆ ทั้งหลาย คราวนี้ขับสบายเลยครับ

มีคนเคยถามผมว่าจะรู้ได้ไงว่าเพาเวอร์-แอมป์เหมาะกับลำโพงหรือไม่? วิธีสังเกตที่ง่ายที่สุดคือ ลองเปิดเพลงที่คุ้นหูที่ระดับความดังปกติดู หากว่าได้ยินรายละเอียดครบถ้วน ไม่มีเสียงไหนแผ่วหรือจมหาย แสดงว่าแอมป์กับลำโพงไปกันได้ แต่ถ้าหากต้องเร่งโวลุ่มเพิ่มความดังขึ้นมามากเกินไป เพื่อให้ได้ยินรายละเอียดและอื่นๆ เช่น Impact หรือความกังวาน ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามันอาจจะไม่ค่อยเข้ากันครับ

เสียงเป็นอย่างไร?

ลำโพง B&W 702 S2 เปล่งเสียงออกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรีของลำโพง Flagship ในรุ่น การทำงานระหว่างไดรเวอร์แต่ละตัว เมื่อถูกขับด้วยเพาเวอร์แอมป์ที่เหมาะสม (สามารถควบคุมลำโพงได้) คุณจะรู้สึกได้ว่าลำโพงคู่นี้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับการฟังที่ต้องมีระยะห่างจากตำแหน่งนั่งฟังมากเกินกว่า3 เมตรขึ้นไป มิเช่นนั้นอาจจะพบว่ามีอะไรบางอย่างระหว่างเสียงกลางบนๆ กับเสียงแหลมตอนต้นที่ต่อไม่สนิท ซึ่งอาการเช่นว่านี้จะกลายเป็นดีไปเลย เมื่อคุณนั่งฟังห่างจากลำโพงไปพ้นระยะ 3.5 เมตรแล้ว นอกจากนั้น ผมยังอยากจะแนะนำให้คุณปรับระยะของสไปก์ที่ขันติดกับลำโพงให้แผงหน้ายกสูงหรือเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อจูนเสียง หรือทำ Time Alignment ให้เวทีเสียงยกตัวสูงตามขึ้นไปด้วย

การจะสัมผัสได้ถึง 702 S2 ตัวจริงนั้น บอกเลยครับว่าต้องเบิร์นกันยาวๆ ล่วงพ้นไปเกือบจะ 200 ชั่วโมง จึงจะได้ยินเสียงของลำโพงคู่นี้อย่างที่ควรเป็น ไม่งั้นล่ะก็ คุณอาจจะหลงประเด็นไปคิดว่าลำโพงมีลักษณะอมๆ ไม่เปิดโล่งเหมือนกับ B&W ในรุ่นก่อนๆ ซึ่งใช้กรวยลำโพงเป็นเคฟลาร์ บอกได้ตรงนี้ครับ ว่าหากคุณได้ยินเสียงทึบๆ อับๆ จากลำโพงคู่นี้ นั่นอาจจะเนื่องมาจากยังเบิร์นอินไม่ครบ หรือแอมป์ที่ใช้เอาลำโพงไม่อยู่ และอีกหนึ่งข้อคือ ใครที่คิดจะครอบครองลำโพง B&W 700 Series ควรจะพิจารณาเปลี่ยนจั๊มเปอร์ให้มีคุณภาพดีกว่าของที่ติดมากับลำโพง เพราะไอ้นี่แหละเป็นตัวทำลายคุณภาพเสียงอย่างมากเลย หากคุณมีสายลำโพงชนิดไบไวร์ ผมขอสนับสนุนให้เสียบสายไบไวร์เข้ากับลำโพงไปซะรู้แล้วรู้รอด คุณจะพบกับความโอ่อ่าอลังการของเวทีเสียงชนิดหลุดตู้ทะลุกำแพงห้องอย่างแน่นอนครับ

ผมจงใจใช้เพลงไทยหลายๆ อัลบั้มมาเปิดฟังกับ B&W 702 S2 เพื่อดูว่าลำโพงไวต่อต้นทางที่ป้อนเข้าไปแค่ไหน ปรากฏว่ามันฟ้องออกมาอย่างไม่ปิดบังเลยว่าแผ่นไหนเสียงดี แผ่นไหนเสียงแย่ ไม่มีช่วยกลบเกลื่อนความผิดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งหากต้นทางมาดีแล้วมันก็จะถ่ายทอดออกมาได้อย่างไพเราะงดงาม มีเสน่ห์เหลือร้าย ผมคิดว่าB&W ในรุ่นนี้ได้ทิ้งบุคลิกเสียงของ B&W ในรุ่นก่อนๆ แล้วเติมความสด สมจริง รวมทั้งปริมาณเบสเข้าไปอีกนิด บางทีคุณอาจจะบอกตัวเองว่าลำโพง B&W 702 S2 เพียงคู่เดียวก็ให้เบสที่ไม่ต้องง้อซับวูฟเฟอร์แล้วก็เป็นได้

ผมชอบเสียงกลางที่ 702 S2 ถ่ายทอดออกมามันมีความสมจริง ชัดใส เต็มไปด้วยรายละเอียด และฮาร์โมนิก ในขณะที่ยังมีความอบอุ่นเจืออยู่หน่อยๆ ทำให้ฟังแล้วไม่รู้สึกตึงเครียด ลองจัดแผ่นของวง The Eagle มาฟัง มีความตื่นเต้น คึกคัก รับรู้ได้ถึงความสด ดิบ และสมจริงของเครื่องดนตรี คือฟังแบบไหนก็ได้อารมณ์แบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่ฟังร็อกแล้วเหมือนกับนักดนตรีใส่ทักซิโดเล่นอะไรอย่างนั้น

ในขณะที่เมื่อฟังเพลงคลาสสิกวงใหญ่ทั้ง Overture และพวกเพลงช้าๆ ก็ให้ความสง่างาม จำแนกแจกแจงชนิดของกลุ่มเครื่องดนตรีออกมาได้ว่าอะไรเป็นอะไร ยามที่เสียงดนตรีโหมประโคมดังขึ้นพร้อมๆ กัน ก็มิได้มีอาการซวนเซตลบฟุ้งกลบกันจนฟังไม่รู้เรื่อง มันจะรักษาความสงบเป็นระเบียบไว้ได้อย่างน่าชมเชย สมกับเป็นลำโพงชั้นดี ไม่ใช่แค่ลำโพงดูหนังฟังเพลงธรรมดา(แต่ราคาแพง) อีกต่อไปแล้ว นี่คือลำโพงที่คุณสามารถจะฟัง “เอาเรื่อง” ได้เลยครับ

เสียงแหลมจากทวีตเตอร์อะลูมิเนียมคาร์บอนนั้นเป็นสิ่งที่ผมชอบมากกว่าทวีตเตอร์ดับเบิลอะลูมิเนียมในรุ่นก่อนๆ ของ B&W อย่างไม่ต้องคิดมากเลย เหตุผลสั้นๆ ง่ายๆ คือ มันฟังลื่นหู และมีมวลเสียงแหลมที่บริบูรณ์มากกว่าถ้าเราไม่คิดถึงหลักการและสเปกทางเทคนิคของมัน เอาแค่เสียงอย่างเดียว ผมว่าลำโพงรุ่นนี้เอาใจหูคนฟังที่มีประสบการณ์มาพอสมควร มากพอที่จะจำแนกได้ว่า“มีเสียง” กับ “เสียงดี” มันต่างกันแค่ไหน เพลงที่มีเสียงเคาะโลหะมีความเป็นธรรมชาติ ประกายกังวาน ทอดยาวไกล ในขณะที่สเกลของชิ้นดนตรีมีขนาดใหญ่สมกับลำโพงตั้งพื้น การที่ลำโพงคู่นี้มีไดรเวอร์ 5 ตัวต่อข้าง ทำให้ผมกังขาก่อนฟังว่าการออกแบบจุดตัดครอสโอเวอร์เน็ตเวิร์กจะทำได้ดีแค่ไหน พอฟังจริงแล้วชอบมาก เพราะมันต่อเชื่อมหากันได้สนิทแบบไร้ตะเข็บจริงๆ ครับ

เสียงเบสจัดมาให้ทั้งปริมาณและรายละเอียด โดยไม่ขาดตกบกพร่อง ในแผ่นที่บันทึกมามีเสียงทุ้มลึกจริงๆ (ต่ำกว่า50Hz) สามารถรับฟังได้เลยว่ามันส่งผ่านพลังงานออกมาได้ถึงตำแหน่งนั่งฟัง มาทั้งหัวเสียงและการกระเพื่อมตามอีกระลอก ลูกแรกยังไม่ทันจางหาย ลูกสองตามมาตามแบบฉบับของลำโพงที่ดี ไดรเวอร์เสียงเบสซึ่งทำด้วยกระดาษแซนด์วิชกับคาร์บอนอาจทำให้สปีดเสียงไม่ปุ๊บปั๊บว่องไวเท่ากับรุ่น 800 ที่เป็นคาร์บอนทั้งใบ แต่ผมคิดว่ามันมีความ “หนา” และ “โอบอุ้ม” เสียงทั้งหมดให้เกิดความเป็นดนตรีอย่างน่าฟัง เป็นศิลปะในการออกแบบดอกลำโพงที่ให้ความแตกต่างระหว่างรุ่น แต่ยังมีคุณค่าที่แตกต่างฉีกตัวออกไปได้ และที่สำคัญคือ มันเป็นเบสที่ Matching เข้ากับแอมป์ได้ง่ายมาก ขอเพียงให้แอมป์ตัวนั้นมีกำลังวัตต์กับ Damping Factor สูงสักหน่อย รับรองว่าB&W 702 S2 อัดเบสออกมาให้มากเกินพอแน่นอนครับ

คุณสมบัติทางด้านไดนามิกหายห่วงครับ สวิงได้กว้างขวางตลอดย่าน ไร้อาการอั้นตื้อใดๆ ทรานเชียนต์ดีมาก เร็ว ฉับพลัน ไม่มีการออมมือ ฟังเสียงเพอร์คัสชันทั้งไทยจีนเคาะกันมันส์สะใจ ไดนามิกคอนทราสต์ การย้ำหนักเบาอ่อนแก่ค่อยดัง ไม่มีอะไรจะติติงได้ มีความเป็นดนตรีสูงมากครับ พวกฮาร์โมนิก ทิมเบอร์ อะไรนี่เป็นเรื่องหมูหวานสำหรับลำโพงคู่นี้เลยครับ ประเด็นที่ต้องคำนึงถึง หากคุณเกิดความสนใจอยากจะใช้มันแล้วก็คือ การจัดวางครับ เพราะมันไวมาก

การเซ็ตอัพที่ไม่ดี ไม่ลงตัว อาจพาเสียงทั้งซิสเต็มดิ่งลงเหวได้เลย อีกประการหนึ่งคือ เพาเวอร์แอมป์ที่นำมาขับต้องถึงๆ หน่อยครับ มันเป็นลำโพงที่เลือกแอมป์พอสมควร ถ้าเป็นอินทิเกรตแอมป์ ผมเสนอว่าควรมีกำลังขับไม่ต่ำกว่า100 วัตต์ ไม่งั้นคุณจะไม่ได้รับฟังเสียงจริงของ B&W 702 S2 ครับ

สนามเสียงและเวทีเสียง (Soundfield and Soundstage) การจัดวางตำแหน่งอิมเมจภายในสนามเสียง เมื่อจัดวางลำโพงได้อย่างเหมาะสมแล้ว เป็นสนามเสียงที่สมจริง เป็นสามมิติ จัดวางตำแหน่งต่างๆ กระจายกันไปในลักษณะที่ระบุตำแหน่งได้ง่ายมาก มีตื้นลึก ทแยงซ้ายขวาการไล่เรียงหรือแพนเสียงเป็นไปตามที่ถูกที่ควร ในห้องฟังของผม พบว่าเวทีเสียงมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะใบกว้างๆ กว้างขนาดที่ครอบคลุมโอบล้อม ฉีกตัวทะลุผนังห้องฟังออกไปเลยครับ

สิ่งที่ยังเทียบชั้นกับ B&W รุ่น 800 (ทวีตเตอร์โดมเพชร) ไม่ได้คือ ความพลิ้วของหางเสียงย่านสูงที่เกิดจากตัวทวีตเตอร์ในตัวของมันเองแหละครับ ในประเด็นนี้ ผมคิดหนักเลย เพราะผมชอบมวลเสียงแหลมของทวีตเตอร์คาร์บอนในรุ่น 700 แต่ก็ติดใจเรื่องความพลิ้วของโดมเพชร และความเปิดโล่งที่หาตัวจับยาก สุดท้ายผมก็คิดออกมาได้ว่าถ้าผมพร้อมจ่ายที่ Series 700 ในอนาคต ผมอาจจะหาซูเปอร์ทวีตเตอร์ที่มีความไวเหมาะสมกับลำโพงมาใช้งานร่วมด้วย คงจะแก้ไขอาการรักพี่เสียดายน้องแต่งบประมาณจำกัดไปได้

การขยับตำแหน่งที่วางแค่เพียงเล็กน้อยจะส่งผลต่อเสียงอย่างมาก โดยเฉพาะการโทอินหรือโทเอาต์ นี่สุดจะไวเลย อาจจะเป็นเพราะการที่ B&W จัดวางหลอดทวีตเตอร์ไว้ต่างหากบนหลังตู้ลำโพงก็เป็นได้ครับ

สำหรับคนที่ชอบฟังเพลงร้องสากล ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่น ยุโรป หรืออะไรก็ได้ที่บันทึกมาดีๆ เสียหน่อย น่าจะชอบสิ่งที่ 702 S2 ถ่ายทอดออกมาเพราะมันให้รายละเอียดของการจีบปากจีบคอ การเอื้อนเสียง หรือจะเป็นการสั่นลูกคอ การหลบเสียง การเน้นย้ำ ทุกอากัปกิริยาสามารถรับฟังได้โดยง่าย ไม่มีอมพะนำ ย้ำอีกครั้งว่าถ้าคุณไม่ได้ยินเสียงกลางแบบที่กระผมบรรยายมานี้ อาจจะเป็นเพราะว่าลำโพงยังไม่พ้นช่วงเบิร์นอิน 150 ชั่วโมง หรือไม่ก็เพาเวอร์แอมป์ที่ใช้ผลักดันลำโพงไม่เหมาะสม กับแอมป์หลอด TS Audio C-3 MM ที่ผมใช้ทดสอบคราวนี้ พบว่าผิวเสียงเกลี้ยงเกลาพื้นเสียงสะอาด นิ่ง สเกลชิ้นดนตรีมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงของจริง จัดว่าเป็นลำโพงที่อยู่กลางๆ ระหว่างความสด ชัด จริงจัง และการฟังเพื่อความผ่อนคลาย ขนาดผมเอาแผ่นเพลงไทยเดิม(The Merry Angle Opus 5-6) ไปเปิดทดสอบ ยังฟังได้ไพเราะ ไม่พบว่ามีเสียงใดไม่เหมือนกับเครื่องดนตรีจริง แถมจะเพิ่มดีกรีความชัดให้กับเสียงเล็กเสียงน้อยที่เคยฟังออกยาก ต้องตะแคงหูฟัง คราวนี้กลับกลายเป็นได้ยินชัด โดยที่ไม่ต้องเพ่งเล็งอะไรกันจริงจัง

สรุป

ลำโพง B&W 702 S2 เป็นลำโพงตั้งพื้น 4 ทาง ที่ทำออกมาดีมาก ฉีกรูปแบบเสียงเดิมๆ ของ B&W ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นรุ่น CM หรือ 800 Diamond ก็ตาม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ มัน “เอาจริง” กับเสียงมากขึ้น เนื่องจากไดนามิกอิมแพ็คและความสดที่ถูกบรรจุเข้าไปอยู่ในลำโพง ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกลำโพงของผมในขณะนี้. ADP

นิตยสาร Audiophile Videophile ฉบับที่ 253