ในโลกของเสียงดนตรีอันไร้ขอบเขตของทุกวันนี้ การค้นหาอุปกรณ์เครื่องเสียงที่สามารถผสานความแม่นยำแบบดิจิทัลกับเสน่ห์แบบอะนาล็อกได้อย่างลงตัว เป็นความท้าทายที่ผู้รักเสียงเพลงต่างแสวงหา

“ความเพอร์เฟกต์ของเครื่องเสียงไฮเอนด์เป็นการผจญภัยที่ไม่สิ้นสุด ROCKNA Wavelight Pre/DAC ไม่เพียงแต่ก้าวข้ามขีดจำกัดเหล่านั้นด้วยการสร้างประสบการณ์ทางเสียงจากดิจิทัลออดิโอที่เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยี R-2R DAC อันล้ำสมัย แต่ยังคงฝากบทกวีแห่งความเพียรในงานฝีมือไว้ในทุกๆ โน้ตที่ปล่อยออกมาจากอุปกรณ์เพียงชิ้นหนึ่งในซิสเต็มของคุณ ให้กลายเป็นศูนย์กลางของการเดินทางในโลกดนตรี ที่ไม่อยากให้พลาด” ความเป็นเลิศในงานฝีมือของพ่อมดแห่งโรมาเนียด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย และความสามารถในการสร้างประสบการณ์ของผู้ฟังที่เหนือกว่า รู้สึกตื่นเต้นและอยากทำความรู้จักกับ ROCKNA Wavelight Pre/DAC มากขึ้นแล้วซิ

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) นำเสนอตัวเลือกที่มิเพียงตอบโจทย์นี้ด้วยความสามารถในการส่งมอบเสียงแบบ “Smooth as Silk” เช่นเดียวกับโลแกนสายการบินแห่งชาติที่เนียนนุ่มประดุจผ้าไหม มีความแม่นยำแต่ยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของเสียงแบบอนาล็อกที่อบอุ่น สะอาดและมีรายละเอียดอย่างมีชีวิตชีวา ปราศจากอาการ จ้าแบบดิจิทัลที่มักพบในการเล่นเครื่องเสียงดิจิทัลทั่วไป

สัมผัสประสบการณ์อันเป็นที่สุดของทั้งสองโลกที่ ROCKNA Wavelight Pre/DAC มอบให้ ด้วยรูปลักษณ์เพรียวบางทันสมัย อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี ที่จะเติมเต็มทุกพื้นที่การฟัง พร้อมความแม่นยำทางดิจิทัลอย่างเหนือชั้น แต่ให้เสียงอุ่นแบบอะนาล็อก รองรับอนาคตสำหรับรูปแบบเครื่องเสียงอันซับซ้อนที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง นี่คือคุณค่าอันล้ำค่าสำหรับนักฟังสายออดิโอไฟล์ถวิลหา

สวัสดีครับ ทุกคน
พบกันอีกแล้วกับ audiophile go digital… อรรถคดีว่าด้วยเรื่องของ Digital Audio ซึ่งจะมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวให้เล่าขานบนสื่อออนไลน์อยู่ตลอดเวลา

และนี่เป็นบทความทดสอบบนเว็บไซต์ www.audiophile-videophile.com

ขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) ไม่เพียงเป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างโลกดิจิทัลและอะนาล็อกเท่านั้น แต่เป็นการรีเมกรูปแบบการฟังเสียงเพลงให้มีคุณภาพสูงสุด ด้วยวงจร R2R 25 bit + Hybrid mode ที่ออกแบบอย่างประณีต WLD จะส่งมอบความเพอร์เฟกต์ของเสียงดนตรีในทุกตัวโน้ต ให้รายละเอียดในทุกๆ ย่านความถี่ที่เหนือกว่า

นอกจากนี้ WLD ยังเน้นไปที่การให้คุณค่าที่เหนือกว่า การออกแบบที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ทำให้มันไม่เพียงแค่เป็น Pre/DAC ที่มีคุณภาพเสียงไฮเอนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นอุปกรณ์เครื่องเสียงที่มอบความคุ้มค่าอย่างไม่น่าเชื่อ

ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ WLD กำหนดมาตรฐานใหม่ให้กับอุปกรณ์เครื่องเสียง ที่สามารถนำเสนอทั้งคุณภาพและคุณค่าในหนึ่งเดียว ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ที่หลงใหลในเครื่องเสียงมือเก่าหรือมือใหม่ แค่ต้องการเครื่องเสียงพรีเมียมมีชื่อชั้น เพื่อเพลิดเพลินกับเสียงเพลง High Resolution ในชีวิตประจำวัน ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) พร้อมที่จะเป็นเพื่อนคู่ใจที่ทำให้ทุกการฟังจากทุกแทร็กเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน

OVERTURE

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) นำเสนอคุณสมบัติใหม่ที่โดดเด่นจากคู่แข่ง คือนอกจากจะเป็น Stand-alone R2R DAC 25 bit + Hybrid mode แล้ว ยังรวบฟังก์ชันอะนาล็อกปรีแอมป์ไว้ด้วยกัน โดยการมีองค์ประกอบการออกแบบที่เน้นสนองความต้องการ โดยปรับให้ตรงกับความต้องการของยุคสมัย รวมถึงความชอบส่วนบุคคลของผู้เป็นเจ้าของ ตัวเครื่องที่มีสไตล์และล้ำค่าด้วยวัสดุคุณภาพสูง ไม่เพียงแต่มอบความรู้สึกที่ดีต่อการสัมผัสเท่านั้น ยังทันสมัยเหนือกาลเวลาด้วยการเชื่อมต่อที่หลากหลาย เช่น I2S รวมถึง USB, S/PDIF, AES/EBU รวมถึง RCA อะนาล็อกอินพุต ช่วยให้ WLD เข้ากันได้กับทุกอุปกรณ์ในชุดเครื่องเสียงของคุณ สามารถปรับเปลี่ยนปรับฟิลเตอร์ที่ให้เสียงเหมาะสมกับแนวดนตรี รวมถึงความชอบส่วนบุคคล สร้างประสบการณ์การฟังที่เพอร์เฟกต์สำหรับตัวเองได้ในทุกแทร็ก

ROCKNA R2R DAC สายพันธุ์ยุโรป ได้มาปลุกตลาดในบ้านเราให้ดังกระหึ่ม จากการตอบรับจากผู้ใช้รวมถึงมืออาชีพในวงการได้ยืนยันถึงคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม ให้รายละเอียดของเสียงที่ไม่เคยมีมาก่อน รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การใช้งานในบ้านไปจนถึงสตูดิโอบันทึกเสียง ซึ่งพี่ใหญ่ Wavedream ได้แสดงให้เห็นถึงความหลากหลาย และเหนือชั้นที่ทำให้คู่แข่งน้ำลายเหนียวคอทีเดียว 

ส่วนรุ่นน้อง ROCKNA Wavelight DAC (WLD) ผลิตภัณฑ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิวัติวงการเครื่องเสียง ด้วยคุณภาพเสียงระดับไฮเอนด์ ในค่าตัวที่จับต้องได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อสร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับผู้ใช้ ที่ผมเองก็รออยู่เหมือนกัน… บัดนี้เสี่ยมุแห่ง Bulldog Audio จัดส่ง WLD มาอยู่ในห้องโฮมสตูดิโอแล้ว มา มา

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD)

Wavelight คือผลิตภัณฑ์ ROCKNA อีกซีรีส์ซึ่งเป็นของดี ค่าตัวจับต้องได้ อีกหนึ่งผลงานอันเป็นลายเซ็นจากแนวคิดของพ่อมดดิจิทัลตัวตึงจากโรมาเนีย Mr.Nicole Jitariu: Designer/Founder บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังเครื่องเสียงรุ่นดังๆ ของวงการ Digital Audio หลายตัว รวมถึงซีรีส์รุ่นพี่ ROCKNA Wavedream Series ทั้ง 2 ตัว รวมถึงคู่หู Wavelight Server (WLS) ที่เพิ่งรีวิวไปก่อนหน้านี้

What?

ROCKNA Wavelight PRre/DAC (WLD) เป็นผลิตภัณฑ์จาก ROCKNA AUDIO ที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นคู่หูของ WLS และเป็นรุ่นน้องของ ROCKNA Wavedream DAC หนึ่งใน R2R DAC (Digital to Analog Converter) ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในตลาดเครื่องเสียงแห่งยุคสมัย ทีมวิศวกรของ ROCKNA ยึดมั่นในการผสานความแม่นยำของเทคโนโลยีดิจิทัล ความอบอุ่น ละเอียดอ่อนของเสียงอะนาล็อก เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มิเพียงแต่ส่งมอบคุณภาพเสียงไฮเอนด์ รวมถึงให้ประสบการณ์การฟังที่เหนือกว่า

จุดขายเฉพาะของ WLD อยู่ที่เทคโนโลยี R2R Ladder DAC แม่นยำสูง อันเป็นหัวใจของการแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอะนาล็อก นอกจากนี้ WLD ยังมีการออกแบบวงจรที่เหนือกว่าซึ่งลดการรบกวนสัญญาณได้ถึงระดับต่ำสุด ทำให้เสียงที่ถูก reproduce ออกมานั้นสะอาด บริสุทธิ์ทุกครั้ง ทำให้สามารถจับจังหวะและรายละเอียดของเสียงได้อย่างคมชัด ลึกซึ้ง ให้เสียงจริงจัง เปิดโล่งและจะแจ้งในแบบฉบับของ R2R DAC

WLD เป็นสมาชิกใหม่ที่สมบูรณ์แบบในตระกูล ROCKNA Wavelight สามารถตอบสนองความต้องการของออดิโอไฟล์ได้ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความแม่นยำในเสียงดิจิทัล ความอบอุ่นและละเอียดอ่อนของเสียงอะนาล็อก

ROCKNA AUDIO WLD ไม่ได้แค่มีคุณสมบัติใหม่ๆ แต่ได้สร้างตัวเองให้เป็นตัวเลือกระดับไฮเอนด์สำหรับนักฟังเพลงทั้งสองขั้ว เนื่องจากปรัชญาการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และข้อกำหนดทางเทคนิค นี่คือสิ่งที่ทำให้มันแตกต่างกว่า External DAC ทั่วไปในตลาดในระดับเดียวกัน

R2R DAC with Hybrid Mode:

WLD ต่างจาก Delta-Sigma DAC ทั่วไปตรงที่ใช้การออกแบบ R2R ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องเสียงเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีโหมดไฮบริดแบบสลับได้ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรม R2R 25 bit ผสานกับโมดูเลเตอร์เดลต้า-ซิกมา เพื่อลักษณะเสียงที่แตกต่างกันในอนาคต

Future-Proof Design:

ROCKNA จะอัพเดตเฟิร์มแวร์ได้ในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้ปรับแต่งประสบการณ์การฟังของตนเพิ่มเติมผ่านเทคโนโลยี FPGA อันล้ำสมัยได้เสมอ

User-Centric Design:

ใช้สถาปัตยกรรมที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ ที่เขียนคำสั่งผ่าน FPGA : WLD ใช้ FPGA chip ในดีไวซ์ Xilinx Sparton7 ซึ่งเป็นชิปที่ปรับแต่งได้ลึกล้ำแทนที่จะอาศัย DAC chip ที่มีจำหน่ายทั่วไป สิ่งนี้ทำให้ ROCKNA สามารถปรับแต่งอัลกอริธึมการประมวลผลดิจิทัลเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดและไม่เหมือนใคร

Multiple Digital Filters:

WLD มีฟิลเตอร์ดิจิทัลหลากหลาย รวมถึง NOS, linear, minimum และ hybrid phase ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกฟิลเตอร์ที่เหมาะสมกับแหล่งข้อมูล และความชอบในการฟังได้ดีที่สุด

Connectivity Options:

WLD มีอินพุตดิจิทัลที่หลากหลาย ทั้ง Coax, Opt, AES/EBU รวมถึง USB และ I2S ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับแหล่งดิจิทัลต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ สตรีมเมอร์ และเครื่องเล่นซีดีทรานสปอร์ต เท่านั้นไม่พอ ยังมีอะนาล็อกอินพุตให้ต่ออุปกรณ์อะนาล็อกอื่นๆ อีกด้วย

Preamplifier Stage:

ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของ WLD โดยทำหน้าที่เป็นอะนาล็อกปรีแอมพลิฟายเออร์ของแทร่ เพิ่มเติมจาก DAC ทำให้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับเพาเวอร์แอมป์หรือลำโพงแอ็คทีฟได้โดยตรง ช่วยลดความจำเป็นในการใช้ปรีแอมพลิฟายเออร์แยกชิ้นต่างหาก ไหนจะค่าเส้นสายอีกล่ะ รวมกันตรงนี้ก็ประหยัดได้ร่วมแสนเชียวนา

HOW?

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) ใช้เทคโนโลยี R2R ที่ผสมผสานความแม่นยำของดิจิทัลและเสน่ห์ของเสียงอะนาล็อกได้อย่างลงตัว ช่วยให้การเล่นเพลงผ่านอุปกรณ์ดิจิทัล สามารถส่งมอบคุณภาพเสียงที่ราบรื่น มีมิติ ให้รายละเอียดและความละเอียดอ่อน WLD ลดความเข้มข้นของสัญญาณดิจิทัลที่อาจทำให้เสียงดูแข็งกระด้าง กร้านไม่เป็นธรรมชาติ ให้ผู้ฟังได้สัมผัสกับประสบการณ์การฟังที่มีชีวิตชีวา อบอุ่น สมจริง เต็มไปด้วยอารมณ์ เสมือนกับเสียงที่มาจากแหล่งเสียงอะนาล็อก

WLD บรรลุความแม่นยำแบบดิจิทัลโดยไม่สูญเสียความอบอุ่นแบบอะนาล็อกผ่านการใช้เทคโนโลยี R2R Ladder DAC ที่สามารถลด “จ้าแบบดิจิทัล” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การใช้งานการปรับแต่งดิจิทัลยังช่วยให้สามารถปรับเสียงให้เหมาะกับพรีเฟอเรนซ์ของผู้ฟัง ยืนยันว่า WLD เป็นการพิสูจน์ความเป็นไปได้ในอนาคตของเทคโนโลยีเสียงดิจิทัล ผสมผสานความแม่นยำดิจิทัลกับเสน่ห์อนาล็อก ให้เสียงนุ่มประดุจผ้าไหมได้อย่างไร้ที่ติ

Timeless Design

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) ออกแบบได้เหนือกาลเวลา นำเสนอคุณค่าที่ไม่เพียงแต่ให้คุณภาพเสียงเยี่ยมยอด แต่ยังรวมถึงความคุ้มค่า ความทนทาน และความสามารถในการอัปเกรด เพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคต ด้วยการใช้ส่วนประกอบและวัสดุที่มีคุณภาพสูง WLD รับประกันการใช้งานที่ยาวนาน คุณสมบัติการอัปเกรด เช่น ซอฟต์แวร์ที่สามารถอัปเดตได้ และการสนับสนุนรูปแบบไฟล์เสียงใหม่ๆ ตามเทคโนโลยีล่าสุดโดยไม่ต้องลงทุนในอุปกรณ์ใหม่ รับรองคุณค่าการลงทุนที่ยาวนานและเหนือกว่า

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิดที่เน้นความสวยงามที่ต้านทานการเปลี่ยนแปลงของเวลาที่รวดเร็วในโลกยุคดิจิทัลครองโลก ความสามารถในการเข้ากับไฮไฟทุกระบบ, ไม่ว่าจะเป็นความคลาสสิกของเครื่องเล่นแผ่นเสียงหรือสตรีมมิ่งแห่งยุคสมัยก็ตาม ดีไซน์นี้รวมถึงทั้งรูปลักษณ์ภายนอกกลมกลืนกับซิสเต็ม รวมถึงการจัดวางในทุกที่

รูปทรงสลิมความสวยงามไร้กาลเวลา ROCKNA Wavelight DAC มีการออกแบบที่ละเอียดอ่อนและสง่างาม ใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูงอย่างอะลูมิเนียมและกระจก ที่ให้ความรู้สึกของความทนทานและพรีเมียม มีลักษณะเรียบหรู รวมถึงความสะดวกสบายในการใช้งาน การใช้เทคโนโลยี DAC R2R Ladder ล้ำสมัย และการออกแบบวงจรที่ประณีตช่วยให้มั่นใจว่าเสียงที่ออกมาจะมีความละเอียดอ่อนและอบอุ่น โดยไม่สูญเสียคุณภาพเสียง พร้อมความสามารถในทุกการเชื่อมต่อ

เก็บทุกรายละเอียด ความชัดเจนของชิ้นดนตรี มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักเสียงเพลงธรรมชาติและมีความต้องการคุณภาพเสียงระดับไฮเอนด์ วิธีการเหล่านี้ได้แก่ปรีสเตจ เทคโนโลยี DAC (Digital to Analog Converter) ระดับสูง รองรับอย่าง DSD (Direct Stream Digital) และ PCM (Pulse-Code Modulation) ที่มีความละเอียดสูง ช่วยให้สามารถส่งมอบเสียงที่มีคุณภาพ คมชัดไปด้วยรายละเอียด

คุณสมบัติเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นในการคงรักษาคุณภาพเสียงที่ไร้การบิดเบือนระหว่างกระบวนการแปลงจากดิจิทัลกลับไปเป็นอะนาล็อก ให้ประสบการณ์การฟังที่สมบูรณ์แบบ กับความสามารถใหม่ๆ เช่น การปรับแต่งฟิลเตอร์ผ่านแอป ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงที่พวกเขาชื่นชอบได้อย่างไร้ข้อจำกัด

การตั้งค่าผ่านอินเตอร์เฟซของผู้ใช้ถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจ ทำให้ประสบการณ์การฟังเสียงเพลงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของคุณภาพเสียงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสะดวกสบายในการใช้งานด้วย สิ่งนี้ทำให้ผู้รักเสียงเพลงไม่เพียงแต่ได้รับเสียงเพลงที่ดีที่สุดเท่าที่เทคโนโลยีปัจจุบันสามารถมอบให้ แต่ยังรับประกันว่าการเพลิดเพลินกับเพลงนั้นเป็นเรื่องที่สะดวกและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน

“ROCKNA Wavelight DAC” มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์นี้ว่าเป็นการผสานคุณสมบัติของความแม่นยำแบบดิจิทัลกับเสน่ห์แบบอะนาล็อก และยังคงเน้นไปที่การมอบคุณค่าที่เหนือกว่า การออกแบบที่น่าทึ่งและไม่ตกยุค ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเลือกรองลงมาอีกขั้นของรุ่นพี่ใหญ่คือ “ROCKNA Wavedream DAC” (WDD) ที่เป็นรุ่น Edition R2R 26 bit และรุ่น Signature R2R 27 bit ที่เหนือไปอีกขั้น

The Difference

ตอบคำถามนิดนึง เผื่อใครไม่ได้ย้อนอ่านบททดสอบของรุ่นพี่

ROCKNA Wavelight DAC (WLD) และ ROCKNA Wavedream DAC (WDD) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในตลาด DAC ด้วยการใช้วงจร R2R / Hybrid ล้ำสมัยของวันนี้ แต่ทั้งสองมีความแตกต่างที่สำคัญในแง่ของความละเอียดและการออกแบบกับอุปกรณ์ที่เข้มข้นต่างกันตามค่าตัว

Wavelight DAC (WLD) ใช้วงจร R2R 25 bit ซึ่งแม้จะมีความละเอียดที่น้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Wavedream DAC (WDD) ที่ใช้วงจร R2R 26 bit และ 27 bit ซึ่งต้องเข้าใจว่าอย่าคิดว่าแค่บิตเดียวเองแต่ทำไมถึงต่างกันนัก บอกเลยว่าแพงจริงทั้งเสียงและค่าตัว

แม้จะเป็นน้องรองแต่ WLD ยังคงสามารถมอบคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยม แม่นยำ และเต็มไปด้วยรายละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ ความแตกต่างนี้สะท้อนถึงการปรับเทียบความสามารถในการสร้างเสียงให้เหมาะสมกับความต้องการ และราคาที่ต่างกันของสองผลิตภัณฑ์ Wavelight DAC ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงระดับไฮเอนด์ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า โดยยังคงรักษาคุณลักษณะเด่นของวงจร R2R ที่ให้ประสบการณ์เสียงที่ดีเยี่ยม

ในขณะเดียวกัน Wavedream DAC มุ่งเน้นไปที่การเป็นสุดยอดในเทคโนโลยี DAC ด้วยความละเอียดสูงสุด ทำให้เหมาะสำหรับผู้ฟังที่ไม่ยอมคอมโพรไมซ์ในเรื่องของคุณภาพเสียง ความแตกต่างนี้ทำให้ทั้งสองผลิตภัณฑ์เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังที่ต้องการคุณภาพเสียงที่เหนือกว่า มีงบประมาณ และความต้องการที่ต่างกัน

เปรียบเทียบ ROCKNA Wavelight DAC กับ ROCKNA WaveDream DAC

DAC stage R2R: Wavelight: 25 bit ในขณะที่ Wavedream: 26 bit หรือขึ้นไปถึง 27 bit ก็มี และยังสามารถเลือกออปชันอื่นๆ ได้อีก

เปรียบเทียบความแตกต่างนอกจาก R2R บิตที่ต่างกัน ก็ต้องมี Dynamic Range 117dB THD+N 0.005% รวมถึง Signal to Noise Ratio (SNR) 117dB ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพเสียง แน่นอนว่าคุณภาพตามราคาและค่าตัว WDD ก็คงกระโดดไปไกล ถ้าจะไปก็ยินดีเลย

CHECK IN

ROCKNA Wavelight Pre/DAC มีดีไซน์ที่เรียบหรู ทันสมัย มี 2 สี คือ สีดำ และสีเงิน แม้ผิวงานจะออกจะดิบๆ ไปนิดตามสไตล์โรมาเนีย ก็อาจไม่เนี้ยบ หรูหรานัก  ตรงด้านหน้าของเครื่องประกอบไปด้วยจอแสดงผล OLED ขนาดใหญ่ ที่ให้ข้อมูลการทำงานของเครื่องอย่างชัดเจนซึ่งปรับหรี่ได้หลายระดับ มีปุ่มควบคุมหลัก 3 ปุ่มที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ง่ายดาย สามารถปรับระดับเสียงอินพุตแต่ละตัวได้อย่างอิสระ ตัวเครื่องผลิตด้วยวัสดุอะลูมินัมคุณภาพสูงทั้งตัวมี 2 สีคือดำและเงินเช่นเดียวกับ WLS นอกจากให้ความรู้สึกมีมูลค่าแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ อะลูมินัมยังทำหน้าที่ชีลด์การรบกวนใดๆ จากทั้งภายในและภายนอกอีกด้วย

Connectivity

ด้านหลังของเครื่องมีขั้วต่อหลากหลาย ดิจิทัลอินพุตหลายรูปแบบเช่น I2S, USB, AES/EBU, Coaxial และ Optical รวมถึงการเชื่อมต่อสัญญาณอะนาล็อกเป็น RCA Analog In ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย การออกแบบขั้วต่อเพื่อความถูกต้อง สะดวกในการเชื่อมต่อ มีการจัดวางอย่างมีระเบียบ มีระยะห่างเหมาะสม และอักษรระบุชัดเจน นอกจากนี้ยังมีขั้ว Output เป็น XLR และ RCA เพื่อต่อไปยังเพาเวอร์แอมป์หรือลำโพงแอ็คทีฟได้เลย หรือจะอินทิเกรตก็สบาย

ROCKNA Wavelight DAC มาพร้อมกับแอปที่ “เชื่อมจิต” แบบ Bluetooth แทนรีโมตคอนโทรลแบบดั้งเดิม

Under the hood

วงจรภายใน ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์การฟังที่ดีที่สุด ทุกองค์ประกอบของ WLD ได้รับการคำนึงถึงเพื่อให้ได้เสียงดีที่สุด โดยการรักษาความบริสุทธิ์ของสัญญาณ ลดสัญญาณรบกวนให้ต่ำที่สุด โดยผสมผสานคุณสมบัติของดิจิทัลและอะนาล็อกเข้าด้วยกัน จึงถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เครื่องเสียงไฮเอนด์ที่มีการออกแบบอย่างพิถีพิถันจริงๆ ส่งผลลัพธ์ที่ได้คือ ให้เสียงมีความละเอียดสูง ไดนามิกส์ดี เวทีกว้าง ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ

Technologies

มาดูวงจรภายใน ROCKNA Wavelight Pre/DAC กัน

Advanced power supply design: ออกแบบวงจรไฟฟ้าอย่างพิถีพิถัน ให้ความสงัดไร้สัญญาณรบกวน

High-quality components: ใช้ชิ้นส่วนคุณภาพสูง เพิ่มความทนทาน ด้วย Dual Toroidal Power Transformers ซึ่งทำหน้าที่แยกวงจร Analog และ Digital รวมถึงลดสัญญาณรบกวน

Massive Filtering Bank Capacity: มีค่าความจุมากกว่า 100,000 uF จึงให้เสียงที่ราบรื่น ไร้สัญญาณรบกวน

– Analog Stage:

Discrete Class A Output Stage ขับเคลื่อนด้วยทรานซิสเตอร์ JFet และ BJT

Fully Discrete Analog Path: ไม่มีอุปกรณ์ IC ใดๆ ในภาค Analog จึงให้เสียงสะอาด ไร้สัญญาณรบกวน ให้เสียงมีไดนามิกส์เรนจ์กว้างมาก

High-Precision Analog Volume Control: ควบคุมระดับเสียงได้อย่างแม่นยำ

– Digital Stage:

Rockna’s proprietary FPGA code: เป็นการเขียนโค้ด FPGA เอง เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล ใช้ Ultra-low jitter clock มี jitter ต่ำระดับ FEMTO เช่นเดียวกับรุ่นพี่ Wavedream DAC เพื่อการทำงานเที่ยงตรงแม่นยำที่สุด

FPGA-Based Digital Engine: ควบคุมการทำงานทั้งหมด ประมวลผลสัญญาณดิจิทัลอย่างแม่นยำ

Dual DAC Architecture: R2R 25 bit + Hybrid Mode

Hybrid Ladder Topology: ผสมผสานวงจรแบบ R2R และวงจรแบบอื่น ที่ให้เสียงที่มีความละเอียดสูง และไดนามิกส์กว้าง

วงจรภายในใช้สายป้อนสัญญาณที่มีความต้านทานต่ำมาก เพื่อลดสัญญาณรบกวนและการสูญเสีย ผลลัพธ์ที่ได้คือเสียงที่มีความละเอียดสูง ไดนามิกส์กว้าง ฟังเพลงได้อย่างไพเราะและไหลลื่น

จะเห็นได้ว่าวงจรภายใน ROCKNA Wavelight Pre/DAC นั้นสุดจริง มีการออกแบบวงจรภายในที่ซับซ้อนและละเอียดอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพเสียงระดับสุดยอด โดยผสมผสานความแม่นยำของดิจิทัลและความอบอุ่นของอะนาล็อกอย่างลงตัว

High-Resolution PCM and DSD Support: รองรับไฟล์เพลงความละเอียดสูง

PCM: Up to 32bit/384kHz DSD: Up to DSD512

– Multiple Digital Inputs: Asynchronous USB Input และ I2S: รองรับการถ่ายโอนข้อมูลแบบ Asynchronous, S/PDIF, AES/EBU, Optical, Toslink รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลากหลาย

the Perfect Match:

ROCKNA Wavelight Server (WLS) และ ROCKNA Wavelight DAC (WLD) ได้รับการออกแบบให้เป็นคู่หูที่สมบูรณ์แบบในระบบเสียงที่มีความเที่ยงตรงสูง นี่คือวิธีที่พวกเขาจับคู่กัน ซึ่งก็อาจจะใช้ ROCKNA Wavelight Server (WLS) หรือจะเป็น ROCKNA Wavedream NET (WDNET) จับคู่กับ ROCKNA Wavelight DAC เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์ ออกแบบมาเพื่อทำงานร่วมกันในฐานะเครื่องไฮเอนด์ระดับเดียวกัน

ROCKNA Wavelight Server (WLS) หรือจะใช้ ROCKNA Wavedream NET (WDNET) เป็น Roon Server จัดการไฟล์เพลงดิจิทัลที่จัดเก็บไว้ รวมถึงสตรีมมิงเซอร์วิส TIDAL, QOBUZ, KKBox สามารถเชื่อมต่อกับโฮมเน็ทเวิร์ก ทำตัวเป็นเซิร์ฟเวอร์และเน็ตเวิร์กทรานสปอร์ต เพื่อเชื่อมต่อกับ ROCKNA Wavelight DAC โดยตรงผ่านดิจิทัลอินเทอร์เฟซ

WLS หรือ WDNET มีหน้าที่รับผิดชอบในการสตรีมและประมวลผลข้อมูลเสียงดิจิทัล เพื่อให้มั่นใจว่าการส่งสัญญาณเสียงไปยัง DAC ถูกต้องและแม่นยำ ในทางกลับกัน ROCKNA Wavelight DAC ก็เป็นตัวแปลงดิจิทัลเป็นอะนาล็อกที่รับสัญญาณเสียงดิจิทัลจากเซิร์ฟเวอร์และแปลงเป็นสัญญาณอะนาล็อกที่สามารถส่งผ่านวงจรขยายแล้วเล่นผ่านลำโพงหรือหูฟังได้

WLD ได้รับการออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างราบรื่นกับเซิร์ฟเวอร์ WLS หรือ WDNET ทำให้มั่นใจได้ว่าส่วนประกอบดิจิทัลและอะนาล็อกของระบบเสียงจะเข้ากันได้อย่างลงตัว… ในที่นี้เราคงโฟกัสมาที่คู่ของ WLS และ WLD นะ

Designed for Each Other

ทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของ ROCKNA Wavelight Series หมายความว่า ได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น พวกมันมีความสวยงามในการออกแบบรูปทรงที่คล้ายคลึงกันและอาจเสนอการผสานรวมการควบคุมเพื่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่สอดคล้องกันที่ซู้ด

Digital Audio Focus: ทั้งเซิร์ฟเวอร์ Wavelight และ DAC จัดลำดับความสำคัญของการเล่นเสียงดิจิทัลคุณภาพสูง เซิร์ฟเวอร์ทำหน้าที่เป็นสมองในการจัดการคลังเพลงของคุณ ในขณะที่ DAC แปลงสัญญาณดิจิทัลจากเซิร์ฟเวอร์เป็นสัญญาณอะนาล็อกสำหรับเพาเวอร์แอมป์โดยตรง ลำโพงแอ็คทีฟหรือแอมป์หูฟัง รวมถึงอินทิเกรตแอมป์ของคุณ

Audiophile Features:

สามารถคาดหวังคุณสมบัติเสียงระดับไฮเอนด์ได้ในคู่หูทั้งสอง WLS มีความสามารถในการจัดเก็บและประมวลผลเพลงขั้นสูง ในขณะที่ WLD รองรับไฟล์เพลง Hi-Res ไปไกลสุดกู่เท่าที่ WLS ส่งมาแล้วจัดการแปลงดิจิทัลเป็นอะนาล็อกอย่างแม่นยำนั่นเอง

Benefits of the Pairing:

Optimized Performance: การใช้งานร่วมกันทำให้มั่นใจได้ถึงความเข้ากันได้และอาจเพิ่มคุณภาพเสียงที่แต่ละส่วนประกอบสามารถทำได้สูงสุด

Simplified System: การมีเซิร์ฟเวอร์ที่ทำขึ้นเฉพาะ (Dedicate server) และ DAC ช่วยให้การตั้งค่าของคุณง่ายขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้คอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์จะดูแลการจัดการและการประมวลผลเพลง ในขณะที่ DAC มุ่งเน้นไปที่การแปลงเสียงที่บริสุทธิ์เพียงอย่างเดียว

Audiophile Experience: การรวมกันนี้เหมาะสำหรับผู้รักเสียงเพลงที่กำลังมองหาคุณภาพเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จากคลังแสงเพลงดิจิทัล

นอกจากนี้ ROCKNA Wavelight Server และ DAC ยังรวมเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์หรืออัลกอริธึมการประมวลผลที่ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับบทบาทตามลำดับในห่วงโซ่ แถมยังใช้แอปที่ “เชื่อมจิต” ด้วย Bluetooth เช่นเดียวกัน แม้จะเป็นคนละตัวก็ตาม ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม รวมถึงคุณภาพเสียงเมื่อใช้ร่วมกันเพื่อผลต่อคุณภาพสูงสุด

Controlled app

บอกเลยว่า ROCKNA นั้นมาก่อนกาลเสมอ ปกติแล้วการควบคุม external DAC มีรีโมตก็ถือว่าหรูแล้ว แต่ ROCKNA Wavelight DAC กลับเลือกสั่งการผ่านแอปบนสมาร์ทโฟนที่ “เชื่อมจิต” เอ้ย “เชื่อมต่อ” ด้วย Bluetooth อัตโนมัติโดยไม่ต้อง pairing อาจสงสัยทำไมเลือกวิธีนี้ จริงๆ ก็มีเหตุผลนะ มีขั้นตอนนิดหน่อย และฟังก์ชันที่ทำให้การใช้งาน WLD ได้เต็มประสิทธิภาพ ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น มาดูวิธีการทำงานแล้วจะรู้ว่า… ทำไมถึงพูดเช่นนั้น?

1. **การเชื่อมต่อ Bluetooth**: เริ่มต้นด้วยการเปิด Bluetooth ทั้งบนสมาร์ทโฟน เมื่อเปิดแอป ROCKNA Wavelight DAC (WLD) จะ “เชื่อมจิต” โดยอัตโนมัติ เมื่อเชื่อมต่อแล้ว สามารถสื่อสารกับสมาร์ทโฟนไปยัง DAC ได้โดยตรง

2. **การใช้งานแอปควบคุม**: แอปที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ ROCKNA Wavelight DAC จะช่วยให้สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของ DAC ได้จากสมาร์ทโฟนของคุณ เช่น ปิด เปิด การเลือกอินพุต การปรับฟิลเตอร์ การควบคุมระดับเสียงของแต่ละอินพุต

3. **การปรับแต่งเสียง**: เมื่อมันเป็นปรีก็ต้องปรับเร่งเกนขยายผ่านแอปหรือตั้ง Bypass Option สำหรับอินทิเกรตแอมป์ ทีเด็ดคือสามารถปรับแต่งเสียงโดยการปรับฟิลเตอร์ที่เหมาะสมกับประเภทของเพลงหรือความชอบส่วนตัว

4. **การเลือกอินพุ**: สามารถเลือกแหล่งเสียงเพลงจากตัวเลือกที่มีในแอป เช่น เพลงจากดิจิทัลอินพุตเช่น CD Transport หรือ Network Transport เพื่อสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ หรือเพลงจากอุปกรณ์เพลเยอร์อะนาล็อกตรงๆ เช่นจากโฟโนสเตจ หรือ PassThrough สำหรับโฮมเธียเตอร์ก็ยังได้

5. **การอัพเดตซอฟต์แวร์**: ต้องทำยังไง แอปยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้สามารถอัพเดตซอฟต์แวร์ของ DAC ได้โดยตรง จริงอ่ะ ไม่ใช่ Streaming DAC นี่นา เคยเจอแต่ต้องโหลดไฟล์มาเสียบหน้าเครื่อง

โดยที่ WLD “เชื่อมจิต” ด้วย Bluetooth กับสมาร์ทโฟนซึ่งต่อกับเน็ตเวิร์กอยู่แล้วไง เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของคุณมีฟังก์ชันล่าสุด ใหม่และมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเสมอ ตรงนี้ถือว่าเริดมาก คิดได้ไงฟะ ไอเดียพี่แหลมคมมากกก

การควบคุม ROCKNA Wavelight DAC ด้วยแอปที่เชื่อมกับเครื่องด้วย Bluetooth จากสมาร์ทโฟน ไม่เพียงแต่ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างง่ายดาย แต่ยังเพิ่มความสามารถในการปรับแต่งเสียงและการใช้งานให้เหมาะสมกับรสนิยมส่วนบุคคลของผู้ใช้แต่ละคนอีกด้วย ขออย่างเดียว พึงจำไว้ว่า Bluetooth มีระยะทางการ “เชื่อมจิต” จำกัดอยู่ ต้องอยู่ในระยะทำการนะ อย่างงว่าทำไมแอปเด้งคุม WLD ไม่ได้หรืออัปเดทไม่เสร็จซะที

HOOK UP

ร่ายมายืดยาว ได้เวลาฟังกันแล้ว ก็ง่ายเลย… WLD ต่อจับคู่กับ WLS คู่หูที่่ส่งมาพร้อมกัน ลากสายบาลานซ์ไปเสียบกับแอมป์และลำโพงเจ้าถิ่น รวมถึงใช้เพลเยอร์ภายนอก เช่น WLS, Pachanko Labs: Constellation Mini รวมถึง Cyrus: Stream-XR ที่่กำลังทดสอบคาเขียงอยู่ในห้องโฮมสตูดิโอเดียวกัน

ไหนๆ ก็ลองจากหลายอินพุตแล้วก็ทดลองฟังแบบไม่ใช้ปรีแอมป์ในตัว และรวมถึงใช้ปรีแอมป์ในตัวไปด้วยเลย

SET UP

เริ่มใช้งานก็เปิดแอปเพื่อเลือกอินพุตตามต้องการ ตาม Input selection – Analog; – USB; – I2S; – Optical; – AES/EBU; – RCA ในที่นี้เมื่อใช้ WLS ก็คงต้อง I2S ดิ ดีที่ซู้ด

เช่นเดียวกับ DAC ทั่วไปคือต้องเลือก Input ให้ตรงกับ Transport ที่ส่งมา ในที่นี้ผมใช้ USB, I2S, Coax กับ AES รวมถึงอะนาล็อกอินพุตจากเพลเยอร์ภายนอก

เมื่อ WLD มีอะนาล็อกปรีแอมป์ซึ่งของดีติดตั้งมาให้ทั้งที จะไม่ใช้ก็จะน่าเสียดายมาก เสี่ยมุ ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องลอง ใช้ปรีในตัวเสียเลยโดยให้มันยิงตรงไปที่แอมป์ ซึ่งอย่างที่ทราบกันผมใช้อินทิเกรตแอมป์… ทำไงดีฟะ

ก็ไม่ยาก ปลด Fix Vol ที่ WLD กลายเป็น Vol Enable แถมยังมีให้ 2 เลย คือ Hybrid และ Analog ก็ต้องเลือกไปที่ Analog Vol ซื ในขณะที่อินทิเกรแอมป์ก็เลยต้องเลือกไปที่ Bypass (PassThrough) ทีนี้การควบคุมเกนการขยายจะมาอยู่ที่แอล่ะนะ

ข้อควรระวัง อย่าเพิ่งเปิดแอมป์หรือปรับเปลี่ยนใดๆ บนแอมป์ ทำกระบวนการทุกอย่างบน WLD ให้สำเร็จก่อน อย่าเพิ่งเล่นเพลง แล้วจึงจัดการเปิดแอมป์และปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการทำงานเป็นลำดับสุดท้าย ตรวจสอบให้ดีแล้วจึงเล่นเพลง

ถ้าใครอ่านมาบ้าง นอกจากตั้งค่า Upsampling / Upconversion ทางฝั่ง WLS แล้ว ก็ของมันทำมาคู่กัน ดังนั้นไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนไปอย่างใด แน่นอนว่า WLD รองรับได้สบาย ปล่อยมายังไงก็ออกไปอย่างนั้น สุดโก่ยมาก

ทีนี้ก็ถึงคิวสนุกกับ ROCKNA Wavelight Pre/DAC กับการตั้งค่าฟิลเตอร์ในสไตล์เสียงตัวเองล่ะครับ

ROCKNA Wavelight Pre/DAC มีฟิลเตอร์ให้เลือก 3 แบบ แต่ละแบบมีผลต่อเสียงแตกต่างกัน ดังนี้

การเลือกฟิลเตอร์ของ Rockna Wavelight Pre/DAC อย่างเหมาะสมกับแนวเพลงที่ฟังเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวและลักษณะของแนวเพลงที่คุณชื่นชอบ แต่ละฟิลเตอร์มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และสามารถส่งผลต่อคุณภาพเสียงในแบบที่แตกต่างกันดังนี้

1. **Linear Phase Filter**

ฟิลเตอร์ประเภทนี้เน้นเฟสแม่นยำ ทำให้เสียงที่ออกมามีความแม่นยำสูง ทั้งในด้านตำแหน่งเสียงและความรู้สึกของ timing ในเพลง เหมาะกับเพลงที่ต้องการความละเอียดอ่อนและความแม่นยำสูง เช่นเพลงคลาสสิก แจ๊ส หรือเพลงออร์เคสตราที่มีการจัดวางเครื่องดนตรีหลากหลาย

2. **Minimum Phase Filter**

ฟิลเตอร์นี้มีลักษณะเฉพาะที่ให้เสียงที่มีความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติมากขึ้น จะลดปัญหาเรื่อง pre-ringing ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เสียงดูไม่เป็นธรรมชาติ เหมาะกับเพลงร็อก ป๊อป หรือแนวเพลงที่เน้นเสียงร้อง เพราะมันช่วยให้เสียงร้องมีความอบอุ่น มีมิติมากขึ้น

3. **Hybrid Phase Filter**

ฟิลเตอร์นี้ผสมผสานระหว่างคุณสมบัติของ Linear Phase และ Minimum Phase เพื่อพยายามให้ได้ทั้งความแม่นยำของเสียงและความเป็นธรรมชาติ มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ฟังที่ต้องการความสมดุลระหว่างความเป็นธรรมชาติ ความแม่นยำ สามารถใช้ได้กับหลายแนวเพลง

ส่วนตัวแล้วผมว่าควรทดลองฟังด้วยฟิลเตอร์ต่างๆ กับเพลงที่ชื่นชอบจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาฟิลเตอร์ที่เหมาะสมที่สุด อย่างสุดท้ายในการเลือกฟิลเตอร์ที่เหมาะสมกับการฟังเพลงของคุณคือการทดลองฟังด้วยตัวเอง การทดลองฟังเพลงในแนวต่างๆ ด้วยฟิลเตอร์ต่างๆ ที่มีให้เลือกจะช่วยให้รู้สึกถึงความแตกต่างและเลือกฟิลเตอร์ที่ตอบสนองความชื่นชอบได้ดีที่สุด เพราะแต่ละฟิลเตอร์สามารถส่งผลต่อลักษณะเสียงในแบบที่แตกต่างกัน เลือกฟิลเตอร์ที่เหมาะกับสไตล์การฟังเพลงของคุณมากที่สุด

แนะว่าควรลองฟังเสียงกับไม่ใช้ (NOS)    หรือใช้ฟิลเตอร์แต่ละแบบเพื่อหาแบบที่เหมาะกับความชอบของคุณ ฟิลเตอร์ที่ดีที่สุดอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเพลง ไม่จำเป็นต้องฟิกซ์ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับประเภทของเพลงรวมถึงซิสเต็มของคุณด้วย

SHOWTIME

ฟังอัลบั้มหลายแนว ที่ล้วนเป็นอัลบั้มเพลงเพราะและบันทึกดี นักฟังสายออดิโอไฟล์ต้องฟังเพื่อทดสอบระบบยังเป็นตัวอย่างของการแสดงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ รวมถึงการถ่ายทอดดนตรีที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก สามารถดึงดูดใจผู้ฟังให้มีส่วนร่วมไปกับเพลงได้อย่างลึกซึ้ง

ขอนำเสนอผลงานดังของป้าแพทที่เพิ่งปล่อยสตรีมหลังจากตกค้างอยู่นาน ซึ่งในที่สุดก็มาเสียที ซึ่งก็คืออัลบั้ม “Modern Cool” ของ Patricia Barber ซึ่งเพิ่งรีลีสบนตรีมมิ่งผ่านระบบเสียงระดับไฮเอนด์อย่าง ROCKNA Wavelight Server (WLS) และ ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) นำเสนอประสบการณ์อันล้ำลึก น่าหลงใหลสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดนตรีแจ๊สพร้อมกับการรับรู้ที่เหนือชั้น อัลบั้มนี้เป็นการผสมผสานระหว่างแจ๊ส บลูส์ และอิเล็กทรอนิกส์ที่ละเอียดอ่อนและเต็มไปด้วยพลังอารมณ์ โดย Patricia Barber มีเสียงที่มีเอกลักษณ์พิเศษและเล่นเปียโนได้เก่งกาจ

ROCKNA (WLS และ WLD) ช่วยให้เสียงในอัลบั้มนี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ทำหน้าที่ในการส่งผ่านสัญญาณเสียงอะนาล็อกไปยังแอมป์โดยไม่สูญเสียคุณภาพเสียง เสียงเปียโนที่อ่อนโยนไปจนถึงเสียงของดับเบิ้ลเบสรวมถึงเพอร์คัสชัน สามารถรับรู้ถึงความลึกและพื้นที่ของเสียงเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นได้อย่างชัดเจนเมื่อเริ่มต้นฟัง “Modern Cool” จะรู้สึกได้ถึงความเข้มข้นของมวลเสียงเป็นชั้นๆ ของเสียงดนตรีที่ถูกรีโพรดิวส์อย่างประณีต ที่มีการจัดวางโน้ตเปียโน ประสานเสียงเบส จนถึงสแนร์ เสียงกลองในแบบที่อาจไม่เคยสัมผัสมาก่อน

เสียงร้องของ Barber ในอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกได้ถึงการทำงานร่วมกันของเธอกับนักดนตรีอื่นๆ ในวง ประสบการณ์เหนือระดับด้วยคุณภาพเสียงที่ชวนหลงใหล ทุกโน้ตและจังหวะถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความละเอียดอ่อนและชัดเจน ทำให้รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องบันทึกเสียงข้างๆ กับป้าแพทเลย เสียงของเธอลอยมาอย่างเป็นธรรมชาติ มีมิติและความลึกน่าทึ่ง เบสหนักแน่น ในขณะที่เสียงเปียโนและเครื่องดนตรีอื่นๆ มีการแยกส่วนเป็นชั้น มีตำแหน่งชัดเจน ทุกองค์ประกอบรวมกันอย่างลงตัว สร้างอารมณ์ที่สะกดใจ การฟังผ่านซิสเต็มนี้ทำให้สัมผัสได้ถึงความพิเศษและเอกลักษณ์ของอัลบั้ม “Modern Cool” ที่มีอยู่ทุกห้องฟังของสมาชิกชมรมหลงเสียงนางอย่างแท้จริง

เสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ Patricia Barber ดังก้องผ่านคู่หู ROCKNA Wavelight ราวกับเธออยู่ตรงหน้า เสียงเปียโนพลิ้วไหว ไล่เรียงอารมณ์ได้อย่างประณีต รายละเอียดของเครื่องดนตรีทุกชิ้นชัดเจน แยกแยะได้อย่างน่าทึ่ง เสียงดับเบิลเบสแน่น ลึก ลงได้อย่างใจ ปลายแหลม กังวาน ไร้ความสาก ระบบ ROCKNA Wavelight ถ่ายทอดได้อย่างมีชีวิตชีวา เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ดึงดูดให้จมดิ่งสู่โลกแห่งดนตรีแจ๊สอย่างลึกซึ้ง ช่างน่าประทับใจจริงๆ อัลบั้มแจ๊สของนักร้องหญิงท่านอื่นยังสะท้อนถึงความหลากหลายของแนวเพลงแจ๊ส ตั้งแต่เสียงเปียโนอันอบอุ่นของ Diana Krall ไปจนถึงการผสมผสานแนวเพลงอย่างลงตัวในเสียงของ Norah Jones แต่ละอัลบั้มนำเสนอความเป็นเอกลักษณ์ของศิลปินในการตีความเพลงแจ๊ส และนำเสนอมันในแบบฉบับของตนเอง

Patricia Barber มักเลือกที่จะคัฟเวอร์เพลงหลากหลายแนวเพลงเข้าสู่สไตล์แจ๊สด้วยวิสัยทัศน์ศิลปะเฉพาะตัวของเธอ เธอเลือก “Light My Fire” แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเธอในการข้ามขีดจำกัดทางดนตรีและนำเพลงร็อกคลาสสิกมาตีความใหม่ในมุมมองแจ๊ส ที่ลื่นไหลและได้รสชาติแจ๊สจากเพลงคลาสสิกร็อก ด้วยการคัฟเวอร์เพลง “Light My Fire” ของ Patricia Barber ซึ่งเป็นเพลงดั้งเดิมของ The Doors ถือเป็นเพลงเด่นจากอัลบั้ม *Modern Cool* ในเวอร์ชันนี้ได้เปลี่ยนจากเอกลักษณ์ของเพลงไซเคเดลิกร็อกกลายเป็นเพลงแจ๊สที่มีเสน่ห์

การผลิตอัลบั้มนี้ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน โดยใช้วิธีการที่เรียบง่ายซึ่งทำให้แต่ละเครื่องดนตรีได้รับการบรรเลงให้เสียงมีรายละเอียดชัดเจน ดับเบิลเบสที่เล่นด้วยเสียงทุ้มและนุ่มช่วยสร้างฐานที่แข็งแกร่งให้กับเพลง ในขณะที่วงแบ็กอัปกีตาร์ ทรัมเป็ต และกลองเล่นกันอย่างละเอียดและมีประสิทธิภาพเข้ากับฝีมือเปียโนของเจ้ ทำให้เพลงนี้มีบรรยากาศที่ใกล้ชิดและชวนให้ฟังติดหู

การฟังอัลบั้มเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการทดสอบระบบเสียงที่คุณมี แต่ยังเป็นการสัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเพลงแจ๊ส ให้โอกาสในการศึกษาเพื่อเข้าใจถึงบริบททางดนตรี รูปแบบการบันทึกเสียงจนถึงวิธีการที่ศิลปินเหล่านี้ถ่ายทอดอารมณ์และเรื่องราวผ่านดนตรี นี่คือประสบการณ์ที่ทั้งเร้าใจและสร้างแรงบันดาลใจได้ไม่จำกัดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเพลงแจ๊ส และผู้ที่หลงใหลในการสัมผัสเสียงคุณภาพสูงให้มีความเข้าใจอย่างแท้จริงต่อทั้งเนื้อหาและศิลปะในการบันทึกเสียงดนตรีแจ๊สที่เป็นอัลบั้มอ้างอิง

ไหนๆ ก็ฟังเสียงเปียโนแล้ว ต้องต่อด้วยอัลบั้ม “The Köln Concert” ของ Keith Jarrett นี่เลยผ่านระบบเสียงที่มีคุณภาพสูง เช่น ROCKNA Wavelight Server และ ROCKNA Wavelight Pre/DAC จะเปิดมิติใหม่ในการสัมผัสกับผลงานนี้อย่างลึกซึ้ง

“The Köln Concert” เป็นหนึ่งในอัลบั้มโซโลเปียโนสำแดงสดที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ที่บันทึกโดยนักเปียโนแจ๊สอัจฉริยะ Keith Jarrett ในค่ำคืนที่ประวัติศาสตร์ที่โอเปร่าเฮาส์ในโคโลญ เยอรมนี เมื่อวันที่ 24 มกราคม 1975 การแสดงสดที่ไร้สคริปต์และเต็มไปด้วยอารมณ์ ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านเสียงเปียโนอันทรงพลังและอ่อนไหว

ROCKNA Wavelight Server และ Pre/DAC มอบความสะอาดของเสียง ความละเอียดอ่อนถ่ายทอดให้เสียงเปียโนของ Jarrett มีชีวิตชีวาอย่างน่าทึ่ง จากทุกการเคาะคีย์ ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาอย่างเต็มที่พลวัตของเสียง ทำให้การแสดงของ Jarrett มีมิติมากขึ้น จากเบาไปหนัก จากความสงบสู่พายุ คู่หูจากโรมาเนียตอบสนองของเสียงความถี่ต่ำให้ความลึกของซาวด์สเตจลึกล้ำ โดยไม่ทำให้เสียรายละเอียดของการบันทึก เสียงเปียโนดังก้องในซาวด์สเตจที่กว้างและดำดิ่งสู่ห้วงลึกทะลุมิติ เหมือนนั่งอยู่ในโรงละคร สามารถจับต้องได้ถึงความละเอียดอ่อนของอารมณ์ให้ประสบการณ์การฟังมีมิติมากขึ้น

แนะนำอัลบั้มใหม่กันบ้าง อัลบั้มเพื่อชมรมหลงเสียงนาง “I Hear Your Voice” ของตัวแม่คนใหม่ Loren Allred เจ้าของเสียงตัวจริงของเพลง Never Enough จาก The Greatest Showman ในรูปแบบ Hi-Res Audio เสียงร้องที่สวยงามและเต็มไปด้วยอารมณ์ของ Loren Allred ความละเอียดอ่อนและความเป็นธรรมชาติ

ถ่ายทอดความละเอียดอ่อนและความเป็นธรรมชาติของเสียงร้องของ Loren Allred ได้อย่างไร้ที่ติ ความรู้สึกในทุกอณูที่ปรากฏในเสียงร้องของเธอ ตั้งแต่ความเข้มแข็งไปจนถึงความอ่อนไหว ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเต็มที่พลวัตทางอารมณ์

อัลบั้ม “I Hear Your Voice” ผ่าน ROCKNA นี้คือความรู้สึกของซาวด์สเตจที่กว้างและมีมิติ ความสามารถในการรับรู้ตำแหน่งของเสียงแต่ละชิ้นในเพลงทำให้การฟังเพลงเป็นประสบการณ์ที่ดื่มด่ำยิ่งขึ้น ถ่ายทอดอารมณ์และความละเอียดอ่อนของเสียง Loren Allred ให้สามารถสัมผัสถึงความงามของเสียงดนตรีได้อย่างเต็มที่  ให้เห็นความสามารถและศักยภาพของ Loren Allred ที่แสดงออกผ่านการถ่ายทอดอารมณ์และเทคนิคการร้องที่หลากหลาย เผยให้เห็นรายละเอียดเล็กๆ ของเสียงเพลงที่อาจจะไม่ได้สัมผัสได้จากการฟังในรูปแบบอื่น ให้เข้าใจถึงความลึกของศิลปะการร้องของเธอและการใช้เสียงเพื่อสร้างอิมแพ็กต่อผู้ฟังรวมถึงการทำให้เรารู้สึกถึงพลังของการเป็นหนึ่งเดียวกับเพลง การบันทึกแต่ละเพลงไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถในการร้องของ Loren Allred เท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของทีมผลิตที่อยู่เบื้องหลังอีกด้วยการฟัง “I Hear Your Voice” ในรูปแบบ Hi-Res ผ่าน ROCKNA Wavelight มิเพียงได้ชื่นชมความสามารถของ Loren Allred ในฐานะนักร้องเสียงดี เทคนิคสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นการศึกษาเรื่องราวและอารมณ์ที่เธอต้องการจะสื่อสารผ่านเพลงแต่ละเพลง ทำให้เราได้รับรู้ถึงความหลากหลายของอารมณ์ ตั้งแต่ความรัก ความเสียใจ ไปจนถึงความหวังและความฝันของนักร้อง Introvert คนนี้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

อัลบั้ม “Hans Zimmer: Live 2023” เป็นการบันทึกแสดงสดล่าสุดที่เน้นความสามารถอันเยี่ยมยอดของฮันส์ ซิมเมอร์ คอมโพสเซอร์ที่โด่งดังที่สุดในยุคนี้ด้วยเสียงดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่โด่งดังอย่าง DUNE, Wonder Woman, Gladiator, Man of Steel, Dark Knight, Dunkerk, Interstellar, James Bond… เมื่อฟังผ่าน ROCKNA Wavelight Pre/DAC ยิ่งเผยให้เห็นรายละเอียดอันวิจิตรบรรจง ด้วยความละเอียดอ่อนทางเสียง ที่สามารถแยกแยะเครื่องดนตรีแต่ละชนิดเป็นชั้นๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเสียงร้อง ดนตรีสตริงส์ที่ไหลลื่นของเครื่องสาย เสียงเครื่องเป่า เครื่องดนตรีโลหะที่แหลมใสหรือแม้แต่เสียงตีกลองทิมพานีที่ทรงพลัง ทำให้ประสบการณ์การฟังนั้นยิ่งใหญ่และอลังการเสมือนหนึ่งได้นั่งชมการแสดงสดในฮอลล์ หลุดเข้าไปในโลกภาพยนตร์ ยกคำพูดเพื่อนวรพจน์ ที่ว่า “Pink Floyd เล่าเรื่องราวด้วยดนตรีร็อก ส่วน Hans Zimmer นั้นช่วยให้ผู้ชมเข้าไปสู่หนังด้วยดนตรีซิมโฟนีผสมผสานกับอิเล็กทรอนิกส์ร่วมสมัย”

ยกตัวอย่างแทร็ก Man of Steel suit Part 2 กีตาร์ของ Guthrie Goven เฟี้ยวมาก ยิ่ง “The Dark Knight ทั้ง 2 พาร์ต เผยให้เห็นถึงไดนามิกส์ที่หลากหลายและความลึกล้ำของการแต่งดนตรีของ ฮันส์ ซิมเมอร์ได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่เสียงกระหึ่มที่มีน้ำหนักจากกลองตัวใหญ่ที่สะท้อนถึงความดาร์ค ตึงเครียดและอันตรายที่แฝงอยู่ ไปจนถึงเสียงสตริงที่ล่องลอย เต็มไปด้วยอารมณ์ซึ่งนำพาความรู้สึกได้ถึงหัวใจ ความละเอียดอ่อนและไดนามิกส์ในแต่ละช่วงช่วยเพิ่มพูนความตื่นเต้นและความลึกลับ เสียงดนตรีแต่ละส่วนผสานกันอย่างกลมกลืน สร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำไม่รู้ลืม แม้ว่าซิสเต็มของผมจะไม่ใหญ่ แถมอยู่ในห้องเล็กๆ เสียอีก แต่ก็ยังให้ความโอ่อ่าอลังซะขนาด นั้นชวนขนแขนสแตนด์อัพกันเลยทีเดียว

ย้อนนึกถึงจากอีกอัลบั้ม HANS ZIMMER LIVE IN PARGUE ซึ่งมี Dark Knight ครบทั้งไตรภาคเลย ฮันส์ ซิมเมอร์กล่าวถึงเรื่องราวที่น่าประทับใจเกี่ยวกับการสร้างภาพยนตร์ไตรภาคแบทแมน ซึ่งเริ่มจากการที่คริสโตเฟอร์ โนแลนติดต่อมาเพื่อชวนทำหนังแบทแมน และตัวเองก็มีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับเขาอยู่แล้ว แต่ก็มีปัญหาที่ไม่รู้ว่าจะเล่นดนตรีให้เป็นแบทแมนและมหาเศรษฐีบรูซเวย์นได้อย่างไร จากนั้นคริสได้แนะนำให้ติดต่อเจมส์ นิวตัน โฮเวิร์ด ซึ่งเป็นนักประพันธ์เพลงที่มีความสง่างามและยอดเยี่ยม จากนั้นฮันส์ ซิมเมอร์และเพื่อนๆ ได้เดินทางไปลอนดอนเพื่อร่วมกันสร้าง แบทแมน บีกินส์โดยไม่เคยคิดถึงภาคต่อหรืออะไรทำนองนั้นเลย

หลายปีผ่านไป คริสกลับมาหาที่สตูดิโอ เล่าเรื่องของโจ๊กเกอร์ให้ฟัง นำเสนอเรื่องราวของความวุ่นวายและทัศนคติแบบสุดขั้ว จึงถามว่าใครจะมารับบทโจ๊กเกอร์นี้ คริสบอกว่า ฮีธ เลดเจอร์ ซึ่งฮีธก็มอบบทบาทการแสดงที่น่าทึ่งอย่างเต็มที่ แต่ก่อนที่จะจบการถ่ายทำ พวกเราทราบว่าฮีธได้จากไป ทำให้คิดว่าควรจะลดทอนบรรยากาศของดนตรีลง แต่ในที่สุดก็ตระหนักว่าการรักษาความเข้มข้นในดนตรีจะเป็นการแสดงความเคารพที่แท้จริงต่อการแสดงและต่อฮีธเอง

เมื่อเวลาผ่านไป คริสชวนกลับมาเพื่อจบไตรภาคนี้ เรื่อง ดาร์ก ไนท์ ไรส์จึงเกิดขึ้น ความสนุกและการทดลองทางศิลปะกลับมาอีกครั้ง

หลังจากที่จบการถ่ายทำและมีการฉายรอบปฐมทัศน์ที่นิวยอร์กอย่างยิ่งใหญ่ เช้าวันรุ่งขึ้น ฮานส์และทีมงานได้ขึ้นเครื่องบินกลับลอนดอน ไปยังอพาร์ทเมนต์และตอนนั้นเองที่มีนักข่าวโทรศัพท์มาหา เพื่อถามถึงความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นขณะที่มีการฉายหนังในเมืองเล็กๆ ที่โคโลราโดชื่อออโรรา ซึ่งไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน คำที่ฮานส์ตอบไปแรกๆ คือ พินาศและตระหนักว่าคำนั้นจะถูกใช้โดยทุกคน คิดถึงเหยื่อและครอบครัวของพวกเขา รวมทั้งความเหงาที่พวกเขาต้องประสบ

ในคืนนั้น ฮานส์โทรหาคณะนักร้องและถามว่าพวกเขาว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง สามารถสร้างผลงานดนตรีบรรเลง เพื่อสื่อความรู้สึกเหมือนกำลังยื่นแขนข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังเมืองเล็กๆ ในโคโลราโดได้หรือไม่ ให้พวกเขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป ให้พวกเขารู้ว่าเรากำลังคิดถึงพวกเขา รู้สึกถึงพวกเขาด้วยหัวใจของเรา และโลกนี้ยังไม่ดีขึ้นเลย

และในค่ำคืนนี้ เราอยู่ที่นี่ในปรากกำลังยื่นแขนออกไป กำลังเล่นและร้องเพลงจากใจของเราเพื่อคุณ ท่านผู้ชมทั้งหลาย นี่คือ ออโรราจากบทเพลงนี้ กินใจเหลือเกิน ยิ่งได้ฟังดนตรียิ่งขนลุกกันเลยทีเดียว

การใช้ ROCKNA Wavelight Pre/DAC ยิ่งเพิ่มมิติให้กับเสียงดนตรีของศิลปินคนโปรด ด้วยคุณภาพเสียงที่แม่นยำและไดนามิกส์เรนจ์ของเสียงที่กว้างช่วยให้สามารถจับความรู้สึกและอารมณ์ของการแสดงได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเสียงที่เงียบสงบหรือพีคของการระเบิดของเสียงดนตรีในช่วงพีคสูงสุดของการแสดง อัลบั้มนี้ไม่เพียงแต่นำเสนอความสามารถของซิมเมอร์ในฐานะนักประพันธ์เพลงประกอบภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นการพิสูจน์คุณภาพของอุปกรณ์เสียงไฮเอนด์อย่าง ROCKNA Wavelight Pre/DAC ที่สามารถถ่ายทอดทุกอณูของเสียงดนตรีได้อย่างคมชัดสมบูรณ์แบบออกมาได้น่าประทับใจ ทั้งๆ ที่ซิสเต็มไม่ใหญ่เลย นี่คือความสำคัญของตัวต้นทาง (Source First) ที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด

Pre-Stage benefit

เท่าที่ใช้มาภาคปรีแอมป์ของ ROCKNA Wavelight Pre/DAC มอบคุณภาพเสียงที่โดดเด่นอย่างมากเหนือกว่าที่คิด ด้วยการออกแบบที่เน้นให้ความสงัด ให้ความใสสะอาดและชัดเจนของสัญญาณเสียง ทำให้เสียงที่ได้มีความแม่นยำมาก ภาคปรีแอมป์นี้ช่วยเพิ่มรายละเอียดและละเอียดอ่อนให้กับเสียงดนตรี เสริมให้เบสกระชับมีพลัง ปลายแหลมพลิ้ว สามารถคาดหวังได้ว่าจะได้รับความประทับใจจากคุณภาพเสียงที่หลากหลายและเต็มไปด้วยอารมณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับการเล่นเพลงแบบไฮเรสโดยไม่สูญเสียไดนามิกส์ ให้ความลึกล้ำ เก็บรายละเอียดเล็กๆ ความเป็นธรรมชาติของเสียงดนตรีดีเยี่ยม

ปรีช่วยให้เสียงใสสะอาด ปราศจากสัญญาณรบกวน จึงให้รายละเอียดครบถ้วนได้ยินเสียงดนตรีทุกชิ้น แม้แต่เสียงเล็กๆ ที่แผ่วเบา ให้เวทีเสียงกว้างขวาง รู้สึกเหมือนอยู่ในคอนเสิร์ต ไดนามิกส์ยอดเยี่ยม เสียงเบา เสียงดัง ถ่ายทอดได้อย่างมีชีวิตชีวาฟังเพลงได้อย่างไพเราะ เพลิดเพลินกับเสียงเพลงทุกประเภท

แม้ราคาค่าตัว Wavelight Pre/DAC ค่อนข้างสูง แค่คุณสมบัติเมื่อเทียบกับ DAC และปรีแอมป์แยกชิ้นตัวอื่นๆ ที่คงต้องลงทุนไปกับสายอีก ผมว่าคงสูงเกินกว่านี้แน่ๆ ถึงจะพอสู้ได้ ที่แน่ๆ สู้ได้กับปรีในอินทิเกรตแอมป์หลายตัวอย่างสบาย

ซึ่งไม่ว่าจะป้อนจากแหล่งอะไร ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) ไม่เพียงแต่ยกระดับคุณภาพของเสียงให้เหนือกว่า ให้การฟังเพลงจากเครื่องเสียงกลายเป็นประสบการณ์ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยรายละเอียดให้ความรู้สึกทางอารมณ์อันหลากหลาย คงไว้ซึ่งความอ่อนนุ่มและความละเอียดของเสียงร้องของตัวแม่ รวมถึงการนำเสนอเครื่องดนตรีของวงออร์เคสตราในแบบที่ทั้งชัดเจน มีเลเยอร์ มีมิติ และไดนมิกส์ นั้นเป็นสิ่งที่เครื่องเสียงไฮเอนด์สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามหนักนัก เพื่อรักษาความสมดุลของเสียง (Tonal Balance) ในทุกส่วนของเพลง จากโน้ตที่อ่อนโยนไปจนถึงช่วงพีคที่เต็มไปด้วยพลังอย่างสบายๆ

คู่หู ROCKNA Wavelight นำเสนอการฟังที่เหนือระดับ สามารถสัมผัสถึงทุกองค์ประกอบดนตรีได้อย่างมีไดนมิกส์เต็มที่ เป็นการการันตีว่าจะได้รับประสบการณ์ทางเสียงที่แท้จริง ทำให้ทั้งศิลปินและผู้ฟังสามารถเชื่อมถึงกันได้ในระดับที่ลึกกว่าการฟังเพลงทั่วไป

“Precision, Warmth and Clarity”

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความแม่นยำ ความอบอุ่น และความชัดเจนในเนื้อเสียงที่มอบให้กับผู้เป็นเจ้าของ ด้วยการออกแบบที่เน้นความประณีตในทุกรายละเอียด Wavelight Pre/DAC ของดีค่าตัวไม่แรงนักจากโรมาเนีย มิเพียงแต่สะท้อนถึงคุณภาพสูงสุดในด้านเทคโนโลยี R2R DAC พร้อมอะนาล็อกปรีของแท้เท่านั้น แต่ยังมอบประสบการณ์การฟังที่ละเอียดอ่อนและอบอุ่น ทำให้มันเหมาะสำหรับทั้งเพลงคลาสสิกและร่วมสมัย ความแม่นยำในเสียงของ WLD ทำให้มันสามารถจับรายละเอียดเล็กๆ ในเสียงดนตรีได้อย่างไร้ที่ติ ความอบอุ่นของเสียงก็เติมเต็มมิติทางอารมณ์ให้กับเพลงร้อง หรือแม้เสียงเครื่องดนตรีที่ยากและซับซ้อนของวงออร์เคสตรา สร้างสรรค์ความรู้สึกที่เชิญชวนและมีชีวิตชีวา ส่วนความชัดเจนในเสียงไม่เพียงแต่เน้นรายละเอียดและความเที่ยงตรงของเสียงดนตรีเท่านั้น แต่ยังนุ่มนวลประดุจผ้าไหมเช่นสาวในภาพนี้ แม้จะเธอถูกสร้างด้วย AI แต่ความเป็นธรรมชาตินั้นคงปฏิเสธยากว่าชวนหลงใหลเพียงไร… หรือไม่จริง?

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) ไม่เพียงแต่เป็นอุปกรณ์หลักที่ยอดเยี่ยมสำหรับชุดเครื่องเสียงไฮเอนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสกับประสบการณ์ดนตรีที่ไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ WLD จึงเป็นตัวเลือกที่ไม่อาจมองข้ามได้สำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงที่เหนือกว่าในทุกมิติ ในงบประมาณใกล้เคียงกัน

ไม่ว่าคุณจะชอบเพลงจากแนวไหน จากยุคใด จากอุปกรณ์ใดๆ ทั้งดิจิทัลและแหล่งต้นทางอะนาล็อก

ROCKNA Wavelight Pre/DAC (WLD) ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีจึงไม่เพียงแต่เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับผู้ที่มีความรักและความหลงใหลในเสียงเพลงคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีอย่างแท้จริง ต้องการสัมผัสกับรายละเอียดทุกอณูของเสียงดนตรีในระดับที่สูงขึ้น WLD นั้นถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มทุกความต้องการเหล่านี้

ทำให้ WLD เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์การดนตรีเหนือระดับ WLD ค่าตัวไม่ดุ จึงค่อนข้างได้เปรียบในสินค้าระดับใกล้เคียงกัน ด้วยชื่อชั้น อเนกประสงค์ ใช้งานง่าย ควบคุมการใช้งานผ่านปุ่มกดรวมถึง เชื่อมจิตรีโมแอบนสมาร์ทโฟนที่เริด แนะนำอย่างยิ่งครับ. ADP

ราคา 220,000 บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่
Bulldog Audio
โทร.081-454-0078

ผู้เขียน: ธรรมนูญ ประทีปจินดา
Audiophile/Videophile Reviewer
อดีตที่ปรึกษาฝ่ายวิศวกรรมสนับสนุนการผลิตโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ
ผู้เฝ้าติดตามความเป็นไปของดิจิทัลออดิโอ ตาไม่กะพริบ