ชานนท์

จะเล่นชุดแยกชิ้น AV Processor + Multi-channel Power Amp ต้องใช้งบเท่าไหร่ ? หากเป็นเมื่อก่อนคงต้องใช้เงินจำนวนมาก ทว่าการมาของ “BasX Series” โดย Emotiva ผู้ผลิตอุปกรณ์โฮมเธียเตอร์ชื่อดังสัญชาติอเมริกัน ถือเป็นการทลายมาตรฐานชุด AV Pre + Power แยกชิ้น ให้มีราคาที่เอื้อมถึงได้ง่ายกว่าเดิมหลายเท่า !

“MC1” คือ AV Processor รุ่นล่าสุดของ Emotiva โดยเป็นหนึ่งในสินค้าตระกูล “BasX” ซึ่งถือเป็นซีรี่ส์ที่เน้นความคุ้มค่า ระดับราคาพูดได้ว่าเป็นมิตรมาก ๆ นอกจาก MC1 เครื่องนี้แล้ว ยังมี BasX Power Amp ที่ออกแบบมาให้ใช้งานร่วมกันอย่างลงตัวหลากหลายรุ่นให้เลือกตามความต้องการ

ถามว่าราคา MC1 เป็นมิตรมากแค่ไหน ? หากเทียบกับ XMC-2 ซึ่งเคยเป็น Processor รุ่นราคาต่ำที่สุดของ Emotiva จะพบว่า Processor จาก BasX Series รุ่นนี้ มีราคาต่ำกว่า 3 เท่าตัวเลยทีเดียว

Design

ด้านรูปลักษณ์ หากเทียบขนาดกับ Processor รุ่นราคาสูงที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้ของ Emotiva พบว่า MC1 มีขนาดกะรัดกว่า ด้วยความสูงเพียง 8 ซม. บางกว่ารุ่นอื่น 2 เท่า แต่ถึงแม้ราคาและขนาดดูเล็กลงมาก ทว่า Emotiva ก็มิได้ลดทอนคุณสมบัติเด่นของการเป็น AV Processor โดยยังคงเน้นหนักเรื่องความสามารถถอดรหัสเสียงรอบทิศทางยุคใหม่อย่าง Dolby Atmos และ DTS:X ได้สูงสุดที่ 13.2 แชนเนล (7.2.6/9.2.4) จำนวนแชนเนลสูงสุดอาจดูน้อยกว่ารุ่นที่ราคาสูงกว่า (ที่ 16 แชนเนล, 9.1.6) แต่การใช้งานในห้องโฮมเธียเตอร์ตามบ้านทั่วไป เท่านี้ถือว่าเหลือ ๆ แล้วครับ

แผงหน้าเน้นความเรียบง่าย ปุ่มควบคุมจำนวนไม่มาก หน้าจอแสดงผลตัวอักษรและแสงสีฟ้าอิงเอกลักษณ์แบบเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ของ Emotiva ความพิเศษของลูกบิดปรับระดับโวลุ่มนอกจากทำผิวเท็กเจอร์ให้เกาะกับนิ้วมือได้ดีแล้ว เมื่อใช้งานโดยกดลงไปยังทำหน้าที่เป็นปุ่ม Mute เพื่อปิดเสียงชั่วคราวได้ และถ้ากดค้างเป็นการเข้า Setup Menu

ช่องต่อด้านหลังของ MC1 ยืนยันหน้าที่การเป็นศูนย์กลางรับสัญญาณจากแหล่งโปรแกรมต่าง ๆ ได้ครอบคลุม มี HDMI In ถึง 6 ช่อง HDMI Out 2 ช่อง (รองรับ eARC ที่ช่อง 1) ทั้งหมดเป็นมาตรฐาน HDMI 2.0 สามารถ Pass-through สัญญาณภาพได้ที่ 4K 60Hz พร้อมมาตรฐาน HDR10+ และ Dolby Vision แน่นอนว่ารับสัญญาณและถอดรหัสเสียงรอบทิศทางยุคใหม่อย่าง Dolby Atmos และ DTS:X ได้

ช่องรับสัญญาณเสียง Digital Audio In (S/PDIF) ทั้ง Coaxial และ Optical In ให้มาอย่างละ 2 ช่อง ส่วน Analog Audio In ให้มาทั้งหมด 4 ชุด

Pre out 13 แชนเนล เป็นแบบ Unbalanced RCA ทั้งหมด ในขณะที่ช่อง Subwoofer Out ทั้ง 2 ชุด (SW1/SW2) จะให้มาทั้งแบบ Unbalanced RCA และ Balanced XLR ใครอยากลากสายซับวูฟเฟอร์ยาว ๆ ด้วยสายบาลานซ์น่าจะถูกใจ ทั้งนี้ช่องต่อลำโพงซับวูฟเฟอร์ทั้ง 2 ชุด ยังตั้งค่าต่างๆ แยกอิสระจากกันได้ด้วยนะครับ ช่วยให้การปรับจูน Dual Subwoofer ทำได้ยืดหยุ่นกว่า

ส่วนช่องต่อสำคัญอื่น ๆ อย่าง USB DAC In และ Emo-Q Microphone จะกล่าวถึงอีกครั้งในหัวข้อถัด ๆ ไปครับ

มาดูส่วนประกอบภายในกันบ้าง ปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ตัวเครื่อง MC1 มีขนาดแบนบาง เป็นผลจากการใช้งานภาคจ่ายไฟแบบสวิตชิ่งที่มีขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพสูง และที่พิเศษ คือ รองรับแรงดันไฟฟ้าช่วงกว้างตั้งแต่ 100V ถึง 240V (ปรับอัตโนมัติ) ในขณะที่แผงวงจรหลักทำหน้าที่ถอดรหัสและรับสัญญาณภาพ-เสียง ก็มีขนาดที่กะทัดรัด อุปกรณ์ภายในที่ดูโปร่งโล่งยังส่งผลให้แทบไม่มีความร้อนสะสมเลย ผมทดลองใช้งานต่อเนื่องหลายชม. เอามือจับที่ฝาหลังก็ไม่รู้สึกว่าร้อนแต่อย่างใด

Accessories

อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ให้มานอกจากตัวเครื่อง MC1 (ในภาพถูกห่ออยู่ในถุงผ้าสีดำ) ยังมีคู่มือการใช้งานเล่มใหญ่, Emo-Q Microphone สำหรับใช้วัดเสียงตั้งค่าลำโพง, IR Remote Control, สายไฟเอซีท้ายเลข 8 (C7) และ DC Trigger cable 

รีโมทคอนโทรลขนาดค่อนข้างใหญ่ จำนวนปุ่มเรียงรายเต็มพื้นที่ แต่จุดที่พิเศษ คือ มี Backlit เรืองแสงได้ ให้ความสะดวกเมื่อใช้งานในห้องมืดได้ดีมากครับ

DC Trigger Cable ที่ให้มามีประโยชน์ เพราะใช้เชื่อมต่อกับ Power amp หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ช่วยให้เวลาสั่งเปิดและปิดเครื่อง MC1 อุปกรณ์เหล่านั้นก็จะเปิด-ปิด ตามทันทีแบบอัตโนมัติ

USB DAC Input

MC1 ไม่มีคุณสมบัติด้านการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายเพื่อเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์ หรือแม้แต่เชื่อมต่อ USB Storage (Flash Drive) เพื่อเล่นไฟล์เพลงโดยตรง ทว่าก็แทนที่ด้วย “USB DAC Mode” ทางช่อง USB Type B ที่อยู่ด้านหลังตัวเครื่อง รองรับมาตรฐาน USB Audio Class 1 (UAC1) ทำให้เชื่อมต่อใช้งานฟีเจอร์นี้ร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้หลากหลายเพราะไม่จำเป็นต้องติดตั้งไดรเวอร์ จะเชื่อมต่อกับ Windows PC, MAC หรือแม้แต่ Smartphone, Tablet ระบบปฏิบัติการ Android และ iOS ก็ทำได้หมด

พิสูจน์โดยเชื่อมต่อสายแบบ USB-C to USB-B (สาย USB ต้องจัดหาเอง) จาก Android Smartphone เข้าที่ช่อง USB DAC In ของ MC1 พบว่าระบบสามารถตรวจพบอุปกรณ์ และเปิดแอพ USB Audio Player Pro เล่นเพลงโดยให้เสียงไปออกที่ MC1 เพื่อฟังกับชุดลำโพงโฮมเธียเตอร์ได้ทันที

อย่างไรก็ดีด้วยข้อจำกัดของ UAC1 ฟอร์แม็ตเสียงสูงสุดที่ MC1 รองรับผ่านฟีเจอร์ USB DAC คือ 16/48k หรือ 16/44.1k ยังไม่รองรับมาตรฐาน Hi-res (24/96k, 24/192k, …) แต่เพียงเท่านี้คุณภาพเสียงที่ได้ก็ดีกว่าการเชื่อมต่อไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth แน่นอนครับ แต่ถ้าเน้นความสะดวก ไม่ต้องพะวงเรื่องความยาวสาย USB การเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth จะตอบโจทย์ได้ดีกว่า ซึ่ง MC1 ก็รองรับเช่นเดียวกัน

EmoQ: Speaker Auto Calibration

ระบบโฮมเธียเตอร์ยุคใหม่มักจะให้ฟีเจอร์ Auto Calibration มาด้วย ซึ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้จัดการกำหนดชดเชยตั้งค่าเสียงของลำโพงรอบทิศทางที่มีความซับซ้อนได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยระบบของ Emotiva ใช้ชื่อเรียกว่า “Emo-Q” มาพร้อมไมโครโฟนวัดเสียงขนาดเล็ก

เช่นเดียวกับระบบ Auto Calibration อื่น ๆ ก่อนเริ่มกระบวนการ สิ่งที่ต้องทำก่อนเป็นอันดับแรก คือ กำหนดลักษณะและจำนวนลำโพงที่มีการติดตั้งใช้งานจริงอยู่ภายในห้อง ซึ่งสำหรับ MC1 ไปกำหนดที่ Setup Menu → SETUP → Speaker Setup → Speaker Layout และกรณีที่มีการใช้งานลำโพงด้านสูง (Height Speakers) สำหรับระบบเสียง Dolby Atmos/DTS:X อย่าลืมกำหนดตัวเลือก “Height Type” ให้ตรงกับลักษณะลำโพงที่ติดตั้งใช้งานอยู่ด้วยครับ 

จากนั้นทำการเสียบสาย Emo-Q Microphone เข้าที่ช่องด้านหลังของ MC1 แล้วนำไมโครโฟนไปวางที่จุดนั่งฟังหลัก มีข้อสังเกต คือ ไมโครโฟนที่ Emotiva ให้มากับรุ่นนี้ ไม่สามารถยึดเข้ากับขาตั้งได้ครับ จึงจำเป็นต้องอาศัยวางไมโครโฟนบนพื้นผิวเรียบ ซึ่งถ้าใครโชคดีใช้งานโซฟาที่มีพนักพิงที่เรียบและสูงประมาณระดับหูแบบที่ผมใช้อยู่ก็ไม่มีปัญหา แต่หากใช้งานโซฟาหรือเก้าอี้รูปแบบอื่น ก็จำเป็นต้องหาแท่นหรืออะไรที่สามารถตั้งวางไมโครโฟนตรงตำแหน่งจุดนั่งฟังได้มั่นคง และมีความสูงเดียวกับระดับหูผู้ฟัง

เมื่อตั้งวางไมโครโฟนในตำแหน่งที่เหมาะสมแล้ว ก็มาเริ่มกระบวนการ Auto Calibration กัน โดยไปที่หัวข้อ “EMO-Q” จะเห็นว่าสามารถดำเนินการได้ 2 ทางเลือก ตัวเลือกแรก EmoQ Calibration ระบบจะดำเนินการตรวจวัดและชดเชยตั้งค่าลำโพงทุกขั้นตอนควบรวมถึง Room EQ ในขณะที่ Individual Test เราสามารถเลือกให้ระบบดำเนินการเฉพาะชดเชยระดับเสียงและระยะตั้งวางลำโพง (Level/Distance) หรือดำเนินการเฉพาะในส่วนของ EQ Test (Room EQ) ก็ได้ โดยในแต่ละขั้นตอนจะมีข้อความขึ้นที่หน้าจอ สามารถดำเนินการและตรวจสอบผลลัพธ์ไปตามลำดับ สิ่งที่ต้องระวังระหว่างขั้นตอนตรวจวัด ภายในห้องควรต้องเงียบ และต้องไม่มีสิ่งใดกีดขวางไมโครโฟนจากการรับเสียงลำโพงแต่ละแชนเนล

ผลการใช้งาน

Emo-Q อาจให้ผลลัพธ์ที่เที่ยงตรงแตกต่างไปในแต่ละซิสเต็มและสภาพแวดล้อม ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องปรับจูนเพิ่มเติมภายหลังดำเนินการ แต่ก็ทำต่อจากที่ระบบกำหนดไว้ให้ได้สะดวกขึ้น ซึ่งความพิเศษของ AV Processor อย่าง MC1 รุ่นนี้ คือมีตัวเลือกที่ใช้ในการปรับจูนเสียงของลำโพงแบบ “เชิงลึก” นอกเหนือจากการตั้งค่าพื้นฐานที่จำเป็นได้อย่างยืดหยุ่น ตัวอย่างเช่น การกำหนด Filter Slope (12/24dB per octave) ที่ในบางสถานการณ์มีส่วนช่วยให้รอยต่อเสียงระหว่างลำโพงหลักและซับวูฟเฟอร์ลงตัวกลมกลืนมากยิ่งขึ้น หรือ Subsonic Filter ที่ช่วยลดทอนภาระของลำโพงซับวูฟเฟอร์โดยการกรองย่านความถี่ต่ำลึกออกไป ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้กรณีที่ลำโพงซับวูฟเฟอร์มีขนาดเล็ก เป็นต้น

ยืนยันผลการถอดรหัสเสียงรอบทิศทางของ MC1 รองรับทั้ง Dolby Atmos (จำเป็นต้องมีการติดตั้งใช้งานร่วมกับ Height Speakers อย่างน้อย 2 แชนเนล ขึ้นไป) และ DTS:X

MC1 สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการรับฟังได้ โดยกดปุ่ม MODE ที่หน้าเครื่องและปุ่มที่รีโมท (กดซ้ำ ๆ) หรือจะเลือกผ่าน Menu หัวข้อ SOUNDFIELD ก็ได้ ตัวเลือกโหมดเสียงอาจไม่มากเน้นที่สำคัญเพราะไม่เน้นรูปแบบที่ปรุงแต่งเยอะ แต่ก็เพียงพอต่อการเป็นทางเลือกในการ “จำลองเสียง” รอบทิศทางที่ใช้งานได้จริง

ด้านคุณภาพเสียง ผมอ้างอิงการใช้งานร่วมกับ Emotiva BasX A5 ซึ่งเป็น 5 Channel Power Amp จากซีรี่ส์เดียวกัน พบว่า การแจกแจงรายละเอียดและแยกแยะทิศทางเสียงทำได้โดดเด่นอันเป็นคุณสมบัติจาก Processor แยกชิ้น มีคำแนะนำสำหรับซิสเต็มที่ไม่มีข้อจำกัดด้านการใช้งาน คือสามารถเปิดฟังในระดับเสียงปกติหรือค่อนข้างดังได้ แนะนำให้ Off ตัวเลือก DRC (อยู่ใน Menu หัวข้อ TRIMS) เพื่อให้ระบบปลดปล่อยไดนามิกเรนจ์จากระบบเสียงรอบทิศทางออกมาได้อย่างเต็มที่ แรงปะทะและน้ำหนักเสียงที่ได้จากซิสเต็มนี้จะให้ความสะใจดีมาก

ในแง่แนวเสียงของ MC1 ถือว่ายังคงเอกลักษณ์เสียงของชุดลำโพงโฮมเธียเตอร์ที่นำมาใช้งานด้วยได้ เสียงไม่จัดจ้านจนรู้สึกรุกเร้าเกินพอดี จุดนี้ส่งอานิสงส์ด้านการฟังเพลงที่ยังคงความกลมกล่อมของน้ำเสียง ฟังเพลงเบา ๆ ก็ให้ความผ่อนคลายได้ หรือจะฟังแนวร็อคหนักหน่วงก็ยังหนักแน่นดุดัน ข้อดีของชุดแยกชิ้น Processor + Power Amp คือ สามารถปรับจูนเสียงเพิ่มเติมจากสายสัญญาณได้อีกทางหนึ่ง อนาคตยังรองรับขยับขยายแชนเนลลำโพงเพิ่มเติม ครอบคลุมไปถึงซิสเต็มขนาดใหญ่ สูงสุดที่ 7.2.6/9.2.4 แชนเนล ศักยภาพของ MC1 จึงเผื่อให้อัพเกรดไปได้อีกยาว ๆ

ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ AV Processor ระดับราคาเป็นมิตร อันเป็นต้นทางของระบบเสียงรอบทิศทางที่สำคัญ ด้วยคุณสมบัติตอบโจทย์การใช้งานในห้องโฮมเธียเตอร์ขนาดทั่วไป จนถึงซิสเต็มขนาดใหญ่ได้อย่างยืดหยุ่น และด้วยชื่อชั้นของ Emotiva คุณภาพการถอดรหัสเสียงรอบทิศทางเป็นหัวใจสำคัญ MC1 จึงเป็นเป้าหมายของการอัพเกรดระบบโฮมเธียเตอร์ที่น่าสนใจในแบบที่ไม่เดือดร้อนกระเป๋าสตางค์ครับ. VDP

Emotiva BasX MC1 ราคา 68,000 บาท
Emotiva BasX A5 ราคา 40,000 บาท

นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย IAV (Inventive AV)
โทร. 02-238-4078-9