ภดรเดช

นักเขียน : ภมรเดช หัสเนตร

 เมื่อลายปีที่แล้ว ผมได้ทดสอบ Focal : Chorus 605 ช่วงหนึ่งของรีวิวสรุปความว่า “เจ้านี่อาจไม่ใช่ลำโพง

ในอุดมคติ แต่มันทำให้คุณไม่ต้องไปหาลำโพงในอุดมคติ แบบเดียวกันนี้ที่ไหนอีก ลำโพงดีมีคุณภาพในความเป็นจริงนอกจากต้องเปล่งเสียงดนตรีลื่นไหลน่าฟังแล้ว ก็ควรสื่อสารอารมณ์ของนักร้องนักดนตรีออกมาไม่มากก็น้อย” ถ้าผมจะนำแนวคิดนี้มาใช้กับสายเคเบิ้ลบ้าง ก็คงไม่ผิดความเป็นจริงแต่อย่างใด ในมือผมก่อนและหลังรีวิวนับร่วมหนึ่งเดือน คือสายเอซีที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด เพราะชื่อเสียงและน้ำเสียง ของมันนั่นเอง !!!

 ใครไม่รู้จักชื่อ Kimber บ้าง คงไม่มีซินะ…

ให้บุคลิกเสียงละเอียดลออ มีนุ่มเนิบผสมแจกแจงเสียงในย่านต่ำและสูง ส่งผลให้เสียงกลางมาเต็มละมุน ไม่แข็ง ไม่คม มีความน่าฟังตั้งแต่รันอิน

สายเอซี…ในอุดมคติ..

Kimber Kable” ชื่อนี้กับโลโก้ K มี อิทธิพลต่อนักเล่นเครื่องเสียงบ้านเรามาช้านาน สมัยผมเริ่มเล่นเครื่องเสียงใหม่ๆ ก็มองหาชื่อนี้ และตัดสินใจซื้อสายของเขามาใช้ เนื่องจาก ราคาและความคุ้มค่าของเม็ดเงิน เดิมทีนับเป็น สิบๆ ปี สายแบรนด์นี้นำเข้ามาและจัดจำหน่าย โดยร้าน เค.วันเดอร์ซาวน์ ล่าสุดหมาดๆ ร้าน I-AV หรืออินเวนทีฟ เอวี โดยคุณคริส เป็น ตัวแทนจัดจำหน่าย ทั้งจำหน่ายจากหน้าร้าน โดยตรงและผ่านซัพพลายเออร์ (ไม่ได้นำเข้ามาทุกรายการ สอบถามข้อมูลได้ที่ร้าน I-AV) ไม่ว่าผ่านไปกี่ยุค Kimber ก็ยังคงเป็น “ขวัญใจสายออ-ออดิโอไฟล์” ที่เปี่ยมล้น คุณภาพสายและคุณภาพเสียงเหมือนเดิม เพิ่ม เติมคือมีเซอร์ไพรส์ต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายเอซี สายสัญญาณ ขณะที่สายลำโพงขวัญใจมหาชน ยังคงเป็นสายแกนเดี่ยวตีเกลียวรุ่น 8TC และ 12TC (ล่าสุดเป็นเวอร์ชั่นใหม่ ฉนวนใหม่ รุ่นที่ ผมใช้ในห้องฟังมานานเนิ่นยังเป็นรุ่นดั้งเดิมอยู่)

สิ่งที่ทำให้แบรนด์นี้ติดตลาดและเป็นที่นิยมของนักเล่นฯ ข้ามยุคสมัยคือ “น้ำเสียง ที่เกิดจากประสิทธิภาพเนื้อทองแดงบริสุทธิ์ และเทคนิคตีเกลียวสายที่เรียบง่าย

น้ำเสียงนี่เองบ่งบอกบุคลิกเสียงที่ กลมกล่อม กลมกลืนไปกับซิสเต็มต่างๆ ถูกหู และจริตคนฟังทั่วไป เนื่องด้วยผลิตภัณฑ์มี ให้เลือกตั้งแต่ไฮเอ็นต์ไปถึงเบสบาย ทว่ารุ่นยอดนิยมในกลุ่มนักเล่นออดิโอไฟล์และ ดีไอวายกลับเป็นรุ่นไม่ใหญ่นัก อย่างเช่น PK, TC ตัวอย่างเช่นสายเอซีที่ขายดีคือ แบบ ตัดแบ่งขายรุ่น PK10 (รุ่นเดิมมีฉนวนสีเขียว

ไม่ได้ประกอบหัว / ท้ายปลั๊กและชีลด์ตาข่าย จากโรงงาน) สายรุ่นนี้สามารถแม็ตชิ่งกับหัว / ท้ายปลั๊กต่างๆ แบบเสริมส่งและเอื้อประสิทธิภาพเสียงซึ่งกันและกัน (นักเล่นฯบางคนลงทุนใช้หัวท้ายปลั๊กแพงกว่าสายบางคนเน้นราคาไม่แพงแต่มีคุณภาพดี) พูดได้ว่า บุคลิกเสียงของสาย Kimber มีความเป็นกลางอย่างเพียงพอที่จะแม็ตชิ่งเข้ากับ บุคลิกเสียงของห้วท้ายปลั๊กได้โดยไม่ก่ออาการเสียงผิดเพี้ยน จุดขายนี้เองที่ทำให้สายเอซี Kimber โด่งดังท้ากาลเวลา หากว่ากันเฉพาะสายเอซีอย่างเดียวในทำเนียบ สายทั้งหมดคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Ray Kimber ผู้ก่อตั้ง Kimber เคยทำงานให้กับบริษัทติดตั้งเสียงและแสงในลอสแองเจลิส โนว์ฮาวเรื่องกระแสสัญญาณที่ครบถ้วน ไม่โดนคลื่นรบกวน(Noise) แพร่ถาโถมหาตัวนำ จึงถูกถ่ายทอดสู่ สาย Kimber นานนับ 4 ทศวรรษ

แบรนด์นี้เจนจัดทำสายเคเบิ้ลมาตั้งแต่ ปี 1979 ทั้งสายสัญญาณอะนาล็อก / ดิจิทัล สายลำโพง สายเอซี สายโทนอาร์ม มีทั้งหมด 8 ซีรีส์คือ Select, Sumit, Ascent, Base, Axios, DIY, Specialty, Classic (DIY เป็นกลุ่ม

ขั้วต่อออดิโอเกรดของ WBT และ WattGate ขั้วต่อสายลำโพงบานาน่า หางปลา ปลั๊กตัวผู้ ปลั๊กตัวเมีย เต้ารับ ซ็อกเก็ตอาร์ซีเอ เครื่องมือ ขันล็อก ตะกั่วบัดกรี – ตะกั่วบัดกรีนิยมมากใน บ้านเรา) Kimber ประกอบสายและไวริ่งด้วย มือทุกชิ้น เน้นใช้ขั้วต่อสายของ WBT และ WattGate ทั้งสองเป็นแบรนด์ติดอันดับที่ วงการเครื่องเสียงและดีไอวายทั่วโลกให้การ ยอมรับ

ฉนวนสาย 3 ชั้นส่งผลดีต่อน้ำเสียงในแง่ลดทอนคลื่นรบกวนจากภายนอก น้อยส์ที่ เกิดขึ้นในกระแสเสียงจึงน้อยที่สุดตามที่ผู้ผลิตคิดคำนวณมา เมื่อทำงานร่วมกับเทคนิคตีเกลียวสาย 3 กลุ่มตัวนำเส้นฝอย จึงทำให้สายเอซีรุ่นนี้เปล่งประสิทธิภาพสูงสุด

MARINCO CONNECTORS

หัว Marinco ที่ i-AV ให้มา
มีสเป็กด้านหัว 15A / 125V,
ด้านท้าย 10A / 250V

PK-14 รหัสร้อนๆ เสียงอุ่นๆ

Kimber มีสายเอซี 3 ซีรีส์ 6 รุ่น ได้แก่ ซีรีส์ Sumit (PK10 Palladian / PK14 Palladian), ซีรีส์ Ascent (PK10 Ascent / PK14 Ascent) และ ซีรีส์ Base (PK10 Base / PK14 Base) ขอพูดถึง PK10 และ PK14 ซึ่งเป็นรุ่นยอดนิยมในกลุ่มนักเล่นฯ นักดีไอวายสายบ้านเรา เดิมทีเราคุ้นกับ ฉนวนสีเขียวของ PK10 และสีม่วงของ PK14 ที่คุ้นหนักเข้าไปอีกคือ คุ้นน้ำเสียงของทั้งสอง รุ่นว่าเน้นไปทางให้รายละเอียดดี ชิ้นดนตรีมีความชัดเจน เกลี่ยงเกลา เสียงสูงให้ความกังวานของเสียงตั้งแต่ต้นไปจนสุดหางเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ เสียงกลางเกลี้ยงเกลาให้รูปทรงเป็นสามมิติสมส่วน เสียงต่ำกลมกล่อมในโทนอะนาล็อก หนักแน่น เปิดเผย และ ไม่พร่าเลือน

สรุปโทนเสียงรวมง่ายๆ ว่า PK10 ให้ เนื้อเสียงนุ่มละมุนกว่า PK14 เนื่องจากใช้ ตัวนำหน้าตัดใหญ่กว่า

สาย PK10 และ PK14 รุ่นใหม่เปลี่ยนเป็นฉนวนสีเทาใช้ตัวหนังสือสกรีนบอกรุ่นบนฉนวน (ภาพประกอบ) เส้นที่ผมได้มารีวิว เป็นสายรุ่นใหม่ ร้าน I-AV ตัดแบ่งสายมาให้ ยาว 2 ม. พร้อมติดตั้งหัวและท้ายปลั๊กสีดำด้านรุ่นยอดนิยมของ Marinco อย่างเรียบร้อย และยังรันอินสายมาให้ด้วย (ราว 70 ชม.) การรันอินสายเอซีถือว่าสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสายอื่นๆ ในซิสเต็ม เนื่องจากมันได้รับกระแสไฟความต่างศักย์ไฟฟ้ามาก จึงค่อนข้างอ่อนไหวต่อการฟังไม่ว่าจะฟังแบบละเอียดหรือฟังผ่านๆ ก็ตาม (ใครที่เล่นเครื่องเสียงและเข้าใจเรื่องแม็ตชิ่ง+ดีไอวาย จะเข้าถึง เรื่องนี้ได้เร็วกว่าคนไม่เน้นเรื่องนี้)

สายเอซีทุกเส้นมีบุคลิกเสียงของตัวเอง การเพิ่มตัวแปรทางเสียงจำพวกหัวและท้ายปลั๊กเป็นการเพิ่มบุคลิกเสียงในลักษณะ สนับสนุนบุคลิกเสียงเดิมของสายนั้นๆ หรือ กลบเกลื่อนบุคลิกเสียงเดิมบางอย่างให้ลดเลือนไป

การฟังเพื่อวิเคราะห์แนวเสียงอย่างถูก วิธีจึงควร ฟังเสียงของสาย เสียงของหัวและ ท้ายปลั๊ก แล้วนำทั้งสองมาบวกรวมกัน พิจารณาแง่การเสริมส่งจุดเด่นและจุดด้อย ซึ่งกันและกัน จากประสบการณ์ สายเอซีที่ดีและเหมาะสมต่อการใช้งานกับทุกซิสเต็มนั้นส่วนใหญ่ใช้ตัวนำเส้นฝอยเบอร์ใหญ่พอประมาณ Kimber เองเจาะจงใช้ตัวนำแบบนี้2 ขนาดคือ 10 กับ 14 AWG (American Wire Gauge คือขนาดหน้าตัดสายที่นิยมใช้ในอเมริกา ค่ายิ่งน้อย หน้าตัดยิ่งมีขนาดใหญ่) PK14 จึงอัดแน่นด้วยตัวนำทองแดงบริสุทธิ์หน้าตัด 14 AWG (ราว 2.5 mm2) จำนวน 3 กลุ่มตีเกลียวไขว้ตลอดความยาวโดยมีชีลด์ 3 ชั้น (รวมฉนวนนอกสุด) PK14 จึงมีไซส์เล็กกว่า PK10 ที่มีตัวนำขนาด 10 AWG ผู้ผลิตระบุว่า PK10 เหมาะกับแอมป์กำลังขับสูงๆ (200W+) ขณะที่ PK14 นั้นเหมาะกับฟร้อนต์เอ็นด์ที่บริโภคกระแส 0-200W นั่นแปลว่าหากใช้งานทั้ง PK10 และ PK14 ในซิสเต็ม คุณย่อมได้รับอานิสงส์เสียง อย่างที่ผู้ผลิตออกแบบมา (เสียดายที่ไม่ได้ลองครบองค์ เนื่องจากผมไม่มี PK10 รุ่นใหม่) หลังจากเสียบ PK14 หลังเครื่องกรองไฟ Viola รันอินพ้น 150 ชม. มีลีลาเสียงบางอย่าง เปลี่ยนไปจากสายรุ่นเดิมแบบอัพเกรดซะด้วยซิ

Before & After

Ray ผลิตสายด้วยแนวคิด Before & After น้ำเสียงที่เกิดขึ้น ก่อนหน้าและหลังใช้สาย จึงแสดงถึงความแตกต่างของเสียงอย่างชัดเจน สมัยที่ยังลุยภาคสนาม เขาใช้วิธีนี้นำเสนอประสิทธิภาพเสียงแก่ลูกค้า ซึ่งถือเป็นวิธีฟังบุคลิกเสียงที่ง่ายและเห็นผลชัดไม่ว่าจะเป็นนักเล่นฯ แบบไหน การทดสอบของผมขอต่อยอดแนวคิดข้างต้นด้วยการสังเกตเสียงที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่รันอินไปจนถึงชม. ที่สายพร้อมใช้งานเต็มร้อย (ควรรันอินพ้น 180 ชม.) กรณีซื้อแบบตัดแบ่งควรดูทิศทางสายให้ถูกต้องและควรไวริ่งตัวนำแต่ละเฟสให้ตรงตามตำแหน่งขารับในปลั๊ก หลายคนตกม้าตายเพราะไวริ่งผิดเฟส ทำให้ไม่ได้ยินเสียงอย่างที่ควรจะเป็น

PK14 ผลิตมาสำหรับแหล่งโปรแกรมที่ไม่กินกระแสไฟเกิน 200w ตัวสายเองทนกระแสไฟสูงถึง 600 โวลต์ จึงใช้งานกับปลั๊กเกรดต่างๆ ทั้ง 15A / 125V, 20A / 125V หรือ 20A / 250V ก็ยิ่งดีเลิศเข้าไปอีก (หัว Marinco ที่ i-AV ให้มามีสเป็กด้านหัว 15A / 125V, ด้านท้าย 10A /250V) สายรุ่นนี้ให้บุคลิกเสียงละเอียดลออ มีนุ่มเนิบผสมแจกแจง เสียงในย่านต่ำและสูง ส่งผลให้เสียงกลางมาเต็ม ละมุน ไม่แข็ง ไม่คม มีความน่าฟังตั้งแต่รันอิน ฟังกับลำโพงใหญ่ เสียงทุ้มช่วงข้างต้นจะไม่ แผ่ตัวเป็น 3 มิติ แต่เสียงแหลมจะสว่างไสวติดปลายฉ่ำ เสียงดังกล่าว นี้จะปลดปล่อยกินพื้นที่ในอากาศมากขึ้นและเพิ่มมวลให้จับต้องได้เมื่อ รันอินพ้น 160 ชม. ผมสัมผัสได้ถึงมวลเสียงและแรงปะทะของโน้ตต่ำของเปียโน เบสไฟฟ้า เชลโล อัลโต้แซกฯ มันให้สำเนียงและ รายละเอียดของเสียงตรงตามเสียงเครื่องดนตรีจริง ไม่มีเสียงแปร่ง เพี้ยน ส่งผลให้เสียงเพลงสมจริง ไพเราะ โดยมีความนุ่มเนิบของจังหวะที่ติดช้านิดๆ โอบอุ้มไว้ ถ้าฟังกับเพลงจังหวะช้าจะสังเกตชัดเจน ฟังชุด Bewitched (I love You For Sentimental Reason) เสียงไวโอลิน เครื่องเป่า เปียโน ถอยร่นสร้างเวทีและบรรยากาศห้อมล้อม โอ่โถง ขณะที่เสียงร้องกังวานพลิ้วเจือปลายเสียงแหบเสน่ห์ของ Laura Fygi เด่นเป็นสง่ากลางเวที ซึ่งเมื่อฟังเทียบกับสายเอซีอื่น ผมรู้สึกว่า PK14 ให้ได้มากกว่า ลื่นไหลและเสนาะหูกว่าผมชอบการไล่เรียงเสียงเครื่องดนตรีและวางตำแหน่งในเวทีที่สายรุ่นนี้มีให้ อัลบั้ม H.M. The King’s Composition Big Band Jazz Vol. 1-2 ให้คำตอบอย่างนั้น

นักฟัง “สายอะนาล็อก” ต้องรีบคว้า

การใช้งานที่หลากหลายและยืดหยุ่นของ PK14 ทำให้นักเล่นฯ สนุก และเจอทางสวรรค์ หลากหลายในที่นี้คือเหมาะกับซิสเต็มไม่ว่าวินเทจ หรืออินเทรนด์ตั้งแต่บีกินเนอร์ไปจนถึงมือเก่าลายคราม โดยเฉพาะหากชื่นชอบแนวเสียงอะนาล็อกที่กลมกล่อมน้อมรับไปกับทุกบทเพลงล่ะก็ PK14 นี่เข้าทางอย่างยิ่ง ส่วนยืดหยุ่นคือถ้าต่อ PK10 กับแอมป์อยู่ ลองใช้ PK14 กับเพลเยอร์ แดค ปรีแอมป์ การผสมผสานโทนเสียงแบบ Family Cable จากการทำงานทางไฟฟ้าของตัวนำที่มีบุคลิกเสียงแบบเดียวกันจะทำให้บุคลิกเสียงของซิสเต็มคุณชัดเข้มเต็มพลังยิ่งขึ้น (ใช้กับอินทิเกรต แอมป์ 20-65w ก็เหมาะ) สิ่งเดียวที่น่าจะผลักดันเสียงของ PK14 ให้ทะยานตามความชอบของคนฟังคือ การอัพเกรดด้วยหัวและท้ายปลั๊กออดิโอเกรดอย่างที่ผู้ผลิตนำไปจับคู่กับ Wattgate และ WBT นั่นเอง สำหรับผม ลำพังเสียงเดิมๆ ของสายก็ถือว่าดีและคุ้มราคาอยู่แล้ว ประมาณเอาสเต๊กมาแลกก็ไม่ยอม… ADP

นิตยสาร Audiophile Videophile ฉบับที่ 264