ธรรมนูญ ประทีปจินดา

สวัสดีครับ… สมาชิกผู้ติดตาม WE ARE AN AUDIOPHILE คอลัมน์เยี่ยมห้องฟัง หนึ่งในคอลัมน์ยอดนิยมตลอดกาล คู่นิตยสารออดิโอไฟล์ ตลอดเวลาร่วมยี่สิบปี คุณผู้อ่านได้พบกับหลากหลายเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในบทความนี้ เราได้รู้จักเจ้าของห้องฟังกับชุดเครื่องเสียงโปรดทั้งชุดเล็ก ชุดใหญ่นับร้อยห้อง ที่เป็นแขกรับเชิญของเรา โดยผมรับหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอด นับเป็นโชคดีของผมที่มีโอกาสพูดคุยกับท่านเจ้าของห้องฟังในเรื่องที่ชอบเหมือนกัน ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่นี้

อีกครั้งที่ผมได้รับคำชวนให้ไปเยี่ยมห้องฟัง อยากให้ไปฟังเครื่องเสียง Super Hi-End 2.2 ch / 7.1 ch ในกรุงเทพฯ นี่เอง เพียงขับรถข้ามสามจังหวัด จากเหนือสุดถนน 345 สู่ถนนพัฒนาการ ไม่ไกลจากสำนัก AUDIOPHILE นัก เดินทางไปกลับแค่สามชั่วโมงเอง ครั้งนี้เป็นห้องฟังที่หลายท่านอาจเคยได้ติดตามบน Facebook ซึ่งก็ไม่ใช่อื่นไกล เป็นห้องโปรดของ พี่วิฑูรย์ วงศ์หาญกุล ประธานบริษัทไบโอเน็ท-เอเซีย จำกัด ผู้ใหญ่ใจดี ในฐานะนักธุรกิจนักสู้

ผู้ฟันฝ่าอุปสรรค ผ่านร้อนผ่านหนาวมากมาพอควร ซึ่งเรื่องบางเรื่องก็หนักหนาสาหัสเอาการ แต่ก็เพราะรักเสียงดนตรี มีเสียงเพลงจากชุดเครื่องสียงไฮเอ็นด์เป็นเครื่องจรรโลงใจ ทำให้เรื่องใหญ่กลายเป็นเรื่องท้าทาย มีกำลังลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ปรัชญาการดำเนินชีวิต พร้อมเรื่องราวดีๆ จากห้องฟังชุดเครื่องเสียงซูเปอร์ไฮเอ็นด์ห้องนี้ มีความเป็นมาน่าสนใจมากมาย โปรยมาถึงตรงนี้ สนใจล่ะสิ งั้นมาๆ เลย

ตัวตน

จากเด็กในร้านขายยาของคุณอา ผันตัวมาเป็นเซลส์แมนขายยา เข้ามาสู่ธุรกิจเกี่ยวกับวัคซีนสำหรับใช้กับคน ใช้ชีวิตลูกจ้างมายี่สิบกว่าปี เปิดบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ ปี 2540 เจอวิกฤตต้มยำกุ้ง เกือบล้มละลาย จากยี่สิบห้าล้านกลายเป็นห้าสิบล้าน ก็จากยี่สิบเจ็ดบาทขึ้นเป็นห้าสิบสี่บาท เมื่อเครดิตเราดี หนี้มันก็เพิ่มขึ้นอัตโนมัติ สาหัสเลย บทเรียนครั้งนั้นต้องยอมรับว่าไม่มีที่ไหนสอน รอดมาได้นี่ถือว่าบรรลุแล้ว จากนั้นนก็เป็นเอเย่นต์ขายวัคซีน จับพลัดจับผลูไปเจอเพื่อนชาวยุโรป เลยตั้ง BioNet Asia ผมเองอยู่ในวงการนี้มานานถึงสี่สิบหกปี รู้อย่างเดียวเรื่องวัคซีน วัคซีนหลายตัว เราเป็นตัวแทนนำเข้าแล้วขาย เป็นที่ปรึกษาอยู่สองแห่ง ปัจจุบันมีกิจการตัวเอง มีโรงงานอยู่แถวอยุธยา

มองโลกในแง่บวก

ปัจจุบันอายุหกสิบเก้าแล้ว เป็นคนมองโลกในแง่บวกมาถึงตรงนี้ เฉยๆ แล้ว ถึงเวลาก็เอาไปไม่ได้ ไปได้แต่ตัว ของที่เห็นอยู่นี่จะแพ็กใส่โลงไปก็คงไม่เอาหรอก ขอใช้ตอนมีชีวิตก่อนดีกว่า แต่มีข้อแม้ว่าจะเล่นของพวกนี้ คนจะเล่นต้องมีกำลัง จะว่าฟุ่มเฟือยมันก็ใช่สำหรับคนที่ไม่มี แต่ถ้ามีพอที่จะเล่นได้ ก็ถือว่าซื้อให้เกิดการหมุนเวียนเงิน เป็นการกระจายรายได้ เศรษฐกิจก็จะไม่ชะงัก มีเงินก็ต้องใช้ ไม่ใช้ก็เป็นเพียงกระดาษ ถือไว้ทำไม ใช้ก็ใช้ให้เป็น อีกอย่างอายุมากแล้ว ทำงานก็เหนื่อย แรงกดดันก็ไม่น้อย อาจใช้ร่างกายมากเกินไปหน่อย เข่า กระดูกคอ ก็เลยไม่ค่อยดีด้วย ทุกวันนี้ยังทำงานอยู่เลยนะ ทำงานเจ็ดวันต่อสัปดาห์ ไม่มีวันหยุด เจ้าของกิจการหยุดได้ไง ชีวิตคนเรามีวิบากกรรม ไม่เหมือนกัน เราถือเป็นประสบการณ์ ฟังคนเล่า อย่างไรก็ไม่เท่าเราทำเอง อย่างเมื่อปี 2554 น้ำท่วมใหญ่ เรากำลังจะเปิดโรงงานใหม่ 300 ล้านบาทหายไปกับตา ไม่รวมเสียโอกาสทางธุรกิจอีกสองปี น้ำขึ้นสูงไปสามเมตร พรรคพวกบอกวิฑูรย์ไปแน่ แต่แล้วก็ฟื้นขึ้นมาใหม่ เรียกว่าผ่านมาเยอะแล้ว ผ่านมาแล้ว พูดไปก็ไร้ประโยชน์ ก็แค่จำไว้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น วันนี้เรายกโรงงานขึ้นไปอีกสี่เมตร เพราะเชื่อว่าน้ำท่วมครั้งนั้น ไม่ใช่เกิดจากธรรมชาติ เกิดจากความผิดพลาดของคนก็อาจเกิดขึ้นได้อีก เราต้องไม่ให้ความเสียหายเกิดซ้ำอีก

“ทำวันนี้ให้ดี พรุ่งนี้ก็มาเอง”

ใครๆ เขาหาว่าผมบ้าเครื่องเสียง แค่มองโลกในแง่ดี “ทำวันนี้ให้ดี พรุ่งนี้ก็มาเอง” คนมีเงินมากกว่าผมก็เยอะไป แต่เขาอาจไม่ได้เอ็นจอยชีวิตเหมือนผม ผมไม่ต้องห่วงหรือกลัวอะไร ไปไหนก็ได้ เสาร์อาทิตย์ก็ดูหนัง ฟังเพลงอยู่บ้าน เป็นอะไรที่ชอบที่สุด ฮอบบี้อื่นไม่มีเลย อย่างกีฬา ระยะหลังนี่ ไม่ได้เล่นเลย เคยไปเล่นแบดฯ อยู่พักหนึ่ง ด้วยเวลาที่จำกัด หันมาเล่นเทนนิส เข่าไป เล่นกอล์ฟ เราก็แพ้แดด ว่ายน้ำก็แพ้คลอรีน สรุปแล้วก็ซื้อเครื่องออกกำลังกายมายืดเส้นยืดสายนิดๆ หน่อยๆ ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ความจริงสุขภาพนี่ จิตมาสิ่งแรกที่ต้องมาก่อน เมื่อสุขภาพจิตดี กายมันก็จะดีขึ้น อยู่ที่ว่าวิบากกรรมเก่ามีแค่ไหน อย่างพวกเบาหวาน ความดัน พวกตามใจปาก กินไม่บันยะบันยัง บางคนอายุน้อยกว่าเราป่วยทั้งปีก็มี ของเราก็มีบ้าง ก็ยอมรับมัน อยู่กับมันไป

…เพราะได้ยินเพลงของ ทูล ทองใจ

แรงบันดาลใจ ตั้งแต่เด็กเมื่อสมัยอยู่อุบลฯ คือเมื่อเดินผ่านร้าน มีเพลงของ ทูล ทองใจ ร้องอยู่ เอ๊ะ! ผ่านไป อีกร้าน ทูล ทองใจ ก็ร้องอีกเพลงหนึ่งก็เกิดทึ่ง จริงๆ เขาต่างเปิดวิทยุ เริ่มสงสัยการทำงานของวิทยุ ทำให้ชอบเสียงเพลงมาตั้งแต่นั้น สมัยนั้นกลางวันไม่มีไฟฟ้าหรอกนะ เขาใช้ถ่านไฟฉายเป็นกระบะเพื่อจ่ายให้วิทยุหลอด น่าจะเป็น Ray-O-Vac ตอนนั้นทรานซิสเตอร์ยังไม่มีหรอก ผมเรียนภาษาจากเพลง สงสัยว่าทำไมภาษาที่เขาร้องกับภาษาเขียนต่างกัน เผอิญโชคชะตาชีวิตทำให้ไปค้าขายกับฝรั่ง สมัยสงครามเวียดนาม ฝรั่งเข้ามาก็ต้องค้าขายกับฝรั่ง ก็ใช้วิธีครูพักลักจำ จนทีหลังเมื่อเรามีเงินพอ ก็ไปจ้างครูมาสอนได้เป็นเรื่องเป็นราวก็อาศัยทำมาหากินได้ มันก็อยู่ที่ตัวเรา ว่าจะทำยังไง

ตัวต้นเหตุ… เทิร์นเทเบิ้ลกระเป๋าหิ้ว

น้องชายไปซื้อเทิร์นเทเบิ้ลพลาสติกกระเป๋าหิ้วมาราคา 650 บาท ทุกคนรุมด่าเขาทั้งบ้าน รวมทั้งผมด้วย ทำไมจะไม่ด่ามันล่ะ ไม่มีเงินแล้วไปซื้อทำไม เงินก็ไม่ค่อยพอใช้ บ้านก็ต้องเช่าอยู่ เงินเดือนก็หกเจ็ดร้อย จะพออะไร แต่เพราะน้องเขาอยากได้ ความจริงเราก็ชอบ เราก็ฟังกับเขา ทั้งๆ ที่เราก็ด่าเขาด้วย …นั่นคือจุดเริ่มต้น

ตอนนั้น เตี่ยทำงานอยู่อุดรฯ มีเครื่องเสียงจากแคมป์ทหารอเมริกัน เช่น Akai, Pioneer เป็นหลอด

ส่วน Sansui เป็นทรานซิสเตอร์ ตอนนั้นดังมาก ตอนนี้ยังเก็บไว้อยู่คือ Sansui 8 ความจริงก็เล่นมาเรื่อย อย่างลำโพงที่วางอยู่โน่นเป็นลำโพง ITT ซื้อมาเป็นแพ็กเกจเอามาจากหาดใหญ่ แล้วมาจ้างเขาต่อตู้ ยังใช้ได้ดีผมว่าต้องมีห้าสิบปีแล้วผมมาอยู่เมืองทอง 2 ตั้งแต่แรกๆ ในปี 2523 จนถึงปี 2535 ก็มาซื้อแปลงนี้ เล่นแอมป์ NAD 3225 ลำโพง AR93 มีวูฟเฟอร์ด้านข้างด้วย ทุกวันนี้ยังใช้ดีอยู่เลย แต่อยู่ต่างจังหวัด เคยเอาลำโพงมาต่อให้เป็นสี่ทิศทาง เคยเอาลำโพง Bose มาต่อด้วย ทุกวันนี้

ก็อยู่ ซับก็เป็น Yamaha อย่างจอภาพพลาสม่าของ Pioneer รุ่นแรกนี่สี่แสนกว่า ไปซื้อ LG ราวสองแสน มาเล่นกับเลเซอร์ดิสก์ เล่นครื่องของ Pioneer ไปสามเครื่อง จนต่อมาเสียแล้วซ่อมไม่ได้ ที่เล่าให้ฟังเพื่อให้เห็นภาพของพัฒนาการการเล่นเครื่องเสียงที่เล่นมานาน ไม่ใช่เพิ่งมาเล่น เล่นเทิร์นมาตั้งแต่สมัยเตี่ยโน่น

เล่นเครื่องเสียงต้องมีตัวช่วย

ระยะแรกไม่ได้เล่นอะไรเยอะ เริ่มจากเอวีแอมป์ หรือ Theater in the Box บ้าง เสียงออก 5.1 ต่อมาอยากฟังเพลง อย่างแผ่นซีดีซื้อไว้เยอะมาก ยังซุกไว้อีกหลายที่เครื่องเสียงนี่แปลก แรกๆ เราว่าดี พอฟังไปฟังมา มันชักไม่ดีแล้ว คงเริ่มเบื่อ ประมาณว่าหูเริ่มหาเรื่อง หาเรื่องเปลี่ยน มีโอกาสไปเวียดนาม ก็เอาลำโพงและเครื่องเสียงบ้าง เอาเข้ามา ทิ้งอยู่ตรงโน้นก็มี ต่อมาก็คิดได้ว่า เราไม่มีความรู้ ซื้อมาก็เสียของ เริ่มรู้จักปิยะนัสแล้ว เขาแนะนำดี มีเหตุผล หาโซลูชั่นให้ลูกค้า ตัวเก่าก็รับเทิร์นด้วย ต่างจากร้านอื่นที่จะปิดการขายลูกเดียว ทุกอย่างดีหมด ยัดเยียดสินค้า ไม่แม็ตช์ให้ หรือไม่รู้วิธีแม็ตช์ก็ไม่รู้ แถมไม่รับเทิร์นด้วย เมื่อเราอัพเกรดเครื่อง แน่นอนว่าโดนหักส่วนลดไป ถือว่าเช่าฟังก็แล้วกัน นี่ก็ตัดสินใจง่าย ผมว่า คุณชัยวัฒน์ และคุณปิยะนัส คิดถูก ที่ว่าคนที่มีศักยภาพจะซื้อยังมีอยู่มาก ไม่ได้หมายความว่าเขามีความรู้เรื่องเครื่องเสียงทั้งหมด แล้วเขาจะไปหาของที่ไหน บางร้านคนขายใช้ไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าคนที่มาดูสินค้าต้องการอะไร “ผมเองมีสตางค์ก็กล้าที่จะเล่น บางคนมีสตางค์ แต่ขอเลือกที่จะเล่น” ปิยะนัสให้โซลูชั่นที่ดีกว่ากับเราแบบ One Stop Shopping ซึ่งในตลาดมีน้อยที่ทำ คนที่มีกำลัง และไม่ได้เดือดร้อนกับสภาพเศรษฐกิจยังมีอยู่อีกเยอะ อย่างรถเบนซ์เนี่ย ปกติก็ขายอยู่ยี่สิบสองคัน เศรษฐกิจดีก็ขายได้อีกหน่อย อาจจะเป็นยี่สิบห้าคัน เศรษฐกิจไม่ดีก็เหลือยี่สิบคัน ซึ่งถือว่าไม่มีผลกระทบเลย คนกลุ่มนี้ยังไงเขาก็ซื้อปิยะนัสจับตลาดได้ตรง ลองอ่านบททดสอบในหนังสือเครื่องเสียงสิครับ ไม่มีเลยที่บอกว่าสินค้าไม่ดี มันดีสำหรับคนกลุ่มของมัน ถ้าคุณต้องการ ก็มีให้เลือกได้ตามกำลังของคุณอยู่แล้ว แสนหนึ่ง ล้านหนึ่งหรือสิบล้าน ห้าสิบล้านก็ยังมี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนฟังแล้วจะลอย มันเหมาะกับเขาตรงนั้น ความชอบก็ต่างกัน กำลังซื้อก็ต่างกัน เขามีกลุ่มลูกค้าของเขา การอ่านหนังสือเครื่องเสียงเป็นการเปิดโลกทัศน์ขยายความรู้ ซึ่งยังไงก็ต้องอ่าน งานโชว์เครื่องเสียงอย่าง BAV HI-END SHOW ก็ต้องเดินต้องเปิดหูเปิดตาไว้บ้าง

“เล่นเครื่องเสียง มันไม่จบง่ายๆ หรอก จะเอาสิบล้าน ห้าสิบล้าน หรือร้อยล้านก็ได้ ขึ้นอยู่ที่ว่ากำลังของเรามีเท่าไหร่ ขึ้นอยู่ที่ว่าจะลงทุนเท่านั้น จะเพราะชอบอวดว่าเครื่องเสียงของเราชุดใหญ่กว่าคนอื่น หรือเพราะว่าเรารักในเสียงดนตรี ผมซื้อมัน เพราะผมชอบได้ฟังอย่างที่ตัวเองปรารถนา ส่วนเรื่องของความชอบนี่ ลางเนื้อชอบลางยา เพื่อนบางคนมาฟังของเรา เขาเฉยๆ ก็มี ผมชอบของผม ก็ฟังคนเดียวนี่แหละ” เคยไปฟังของเพื่อนที่เวียดนาม เขาเปิดเพลง Private Investigation ของ Dire Strait มันสุดยอดจริงๆ ประทับใจจริง ผมใช้เป็นแทร็กอ้างอิงเลยครับ อีกคนก็ Andreas Vollenweider: Down to the moon เป็น Harp โอ้โฮ! ชอบมากจริงเลย พวกนี้เขาเก่งมาก ฟังทั้งอัลบั้มต่อเนื่องกันไปเลย อย่าง Lee Ritenour ผมชอบไม่กี่แทร็ก ที่ชอบมากๆ ก็เลือกเอา เพราะผลงานเขาเยอะมาก ถือว่าเป็นกีตาร์แนวแจ๊สที่เก่งมาก เวลาฟังเพลง ยิ่งเรารู้ประวัติของศิลปินที่มาของอัลบั้ม มันได้อารมณ์เพลงดีจริงๆ

วิถีไฮเอ็นด์

มาเล่นตอนมาอยู่บ้านนี้ อย่างที่จำได้ ProAc 8 และ Bryston กับ Acoustics Art CD Transport กับ DAC II HD … แล้วก็เปลี่ยนเอา Constellation มา ตอนนั้นก็ถือว่าดีนะ แต่ไม่ใช่สำหรับเรา ผมว่า ProAc ยังไม่ใช่ พอดีวันนั้นไปที่ปิยะนัส สาขาพาราไดซ์ พบเจ้าลำโพง Focal JM Labs Scala Utopia คู่นี้เข้า เขาเปิดเพลงของ สายัณห์ กับ ทูล ทองใจ เข้าฉับเลย มันใช่เลย นึกถึงความรู้สึกแว้บแรกที่เรารู้จักเพลงของ ทูล ทองใจ จากวิทยุเลย เสียงมันละเอียด ชอบเลย แต่ก็มีอยู่นิดที่ยังต้องติคือเรื่องของเบส แม้ว่าวูฟเฟอร์ดอกใหญ่ถึง 13 นิ้วแล้วก็ตาม เบสมันไม่มาอย่างที่อยากได้ ดนตรีถ้าจะเพราะต้องสมดุลตั้งแต่เบสเสียงต่ำไปจนถึงปลายเสียงแหลม เราฟัง เราจะรู้เลยว่าดนตรีสดเล่นยังไง แต่ว่าถึงอย่างไรก็ตาม ลงทุนเป็นพันล้านก็ไม่ได้แบบนั้น มันต้องเป็นคนเล่นสดๆ เท่านั้น เครื่องเสียงที่ดีควรถ่ายทอดออกมา ควรให้อารมณ์ประมาณนั้น ซึ่งยากจริงๆ ขณะดูคอนเสิร์ตจากแผ่นบลูเรย์ เราสนุกเมื่อดู ทั้งภาพและเสียง แต่ถ้าลองปิดภาพสิ มันคนละเรื่องกันเลย นั่นเพราะภาพมันหลอกพาเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง แม้ว่าฟังชุดเดียวกัน แผ่นซีดีให้เสียงดีกว่าบลูเรย์อีก เมื่อฟังสองแชนเนล ต่อให้เครื่องเสียงชุดเดียวกันก็ให้เสียงไม่เหมือนกัน ยิ่งแผ่นไวนิล ยิ่งไปกันใหญ่ แฟ็กเตอร์เยอะมาก เคยซื้อแผ่นจากฟิลิปปินส์เสียงห่วยแตก ฟังไม่ได้เลย เสียเงินเปล่า แผ่นดีก็จะดีจริง แต่หายาก ไวนิลนี่ฟังน้อยมาก เพราะเข่าเราไม่ค่อยดี ก้มๆ เงยๆ ไม่ค่อยถนัด แย่เลย เครื่องเสียงถ้าเบสออกดี เราไม่ต้องเปิดดัง มาก เมื่อเบสไม่มี เรามักพยายามจะเปิดให้ดังเพื่อให้ได้ยินเสียงเบส ฟังดังมากไม่ดีต่อหู ฟังนานๆ แล้วจะล้า ยิ่งเพลงร็อกก็ต้องฟังดัง เบสที่ดีต้องสมดุล ถามตัวเองตลอดเวลา เวลาฟังเพลง ทำไมมันไม่มีซับฯ ทำไมดูหนังถึงใช้ซับได้ ไปเอา Focal JM Labs Scala Utopia มา ลูกชายก็ชอบ เขาบอกว่าดีกว่าตัวเดิม ความจริงหูเขา สู้ผมไม่ได้หรอก แต่เขาวิจารณ์ได้เป็นเรื่องเป็นราวว่าเสียงกลางแหลมดี แต่เบสไม่แน่น เคยเอาซับอื่นมาลอง พอใส่เข้าไป กลางแหลมกลับกุดลง ฟังแล้วมันอู้ๆ เบสมันดังไปคนละทาง ไม่ใช่เลย เลยจบอยู่แค่นั้น

…เพราะปาร์ตี้คืนนั้นเชียว

เขามาบอกผมว่ามีซับตัวใหม่มา มันทำมาเพื่อฟังเพลงโดยเฉพาะเลย เฮ้ย! มีเหรอ พอดีเขาไปโชว์ที่งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า Piyanas Opera Night Thank You Party ที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล อีกเรื่องหนึ่ง เขาบอกว่ามีเครื่องเล่นดิจิทัลประเภท Music Server ที่เสียงดี และสะดวกสบายมาก มีเพลงเป็นหมื่นๆ เพลง แถมจัดการริปซีดีของเราไปเก็บได้ด้วย ผมขอตามไปฟัง วันนั้นก็เลยได้ฟังทั้งสองตัวเลย พอได้ฟังของจริงปรากฏว่าตอบโจทย์ได้หมด ใช้ได้เลย

สำหรับ REL เนื่องจากชุดของของผมเป็นแอมป์ Monoblock ต้องใช้สองตัว สองก็สองสิ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ตกลงให้มาลองที่บ้าน ลองฟังเปรียบเทียบ เพียงชั่วโมงเดียวเอง ผมก็จ่ายเงินเลย ก็ใจมันไปตั้งแต่อยู่ในงานแล้วนี่นา ตอบโจทย์ผมได้อยู่แล้ว

ใส่ REL Acoustics แล้วได้อะไร

เมื่อฟังกับสองแชนเนลแบบ 2.2 เทียบกับเพลงที่ชอบนอกจากได้เบสที่มีมวล แต่นุ่ม มีน้ำหนักขึ้น แน่น กระชับ ไม่บวม ดนตรีมีฐานล่าง แปลกใจที่ได้มิติกว้างขึ้นเฉยเลย เสียงกลางแหลมโปร่งขึ้นอีกด้วย จะเป็นเพราะแอมป์ทำงานสบายขึ้น ก็มีขุมกำลังมาช่วยแรง ตั้งข้างละพันวัตต์ แอมป์หลักก็ขับกลางแหลมสบายสิ แทนที่แอมป์จะต้องพยายามทุ่มพลังมาที่เบส ที่เด่นก็ตรงที่เราฟังไม่ออกเลยว่า เสียงความถี่ต่ำมาจากตู้ซับ REL 212SE สองตู้นั่น คือมันกลืนไปกับลำโพงหลักไปเลย ไร้รอยต่อด้วยครับ ไม่ต้องกังวลเรื่องดูหนังแบบ 7.1 มันก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบมาก ยิ่งผมใส่ REL ให้กับแชนเนลเซอร์ราวด์ด้วย เสียงโอบล้อมมีพลังมาทุกทิศทางเลย อย่างฉากที่วาฬขาวโจมตีเรือในหนัง In the Heart of the Sea มาจากทุกทิศทุกทางเล่นเอาสยองกันเลยทีดียว

พูดถึงเจ้าชายอสูร

เมื่อเล่นเครื่องเล่นซีดี Acousctic Arts แยกชิ้น ก็ว่ามันดีแล้ว แต่พอทราบว่ามีเครื่องเล่น Music Server ที่ใส่เพลงได้เป็นหมื่นเพลง น่าสนใจมาก ในงานคืนนั้นไปเจอฝรั่ง Mr. Gary เจ้าของ the Beast ได้ถามเขาว่า เมื่อเอาแผ่นริปเข้าไป แล้วเล่นกลับ จะสู้ของเดิมมันได้ไหม เขาบอกว่า “ยูเอาไปลองเลยนะ แต่เมื่อลองแล้วคุณจะต้องเอามันเก็บไว้เลี้ยงดูแน่” “เมื่อ ยู ชาเลนจ์ไอ ไอก็จะไปลองนะ” มาลองเล่นดู พบว่าใช้งานง่ายมาก แม้ Music Server เป็นของใหม่สำหรับผม แต่มันคือ อนาคตของเครื่องเล่นยุคนี้ ผมเห็นประโยชน์มันตรงนี้ เวลาเรามีแผ่นซีดี เราริป มันหาปก ใส่เข้าหมวดหมู่เรียบร้อย เคยลองเอาแผ่นปลอมใส่เข้าไป มันริปให้เพลงเดียว ฉลาดมาก มันไม่ยอมริปแผ่นผี เสียงที่ออกมา มีความโปร่งกว้าง ความนุ่มนวล มิติเสียงกว้างกว่าแผ่นซีดีอย่างฟังได้ชัด แถมเล่นไฟล์ Hi-Res ได้อีก ซึ่งให้เสียงไปอีกไกล ลองแค่ชั่วโมงเดียว ตัดสินใจซื้อเลย เห็นน้องเขาบอก ตัวที่ผมเล่นเป็น Clock ตัวใหม่ที่เรียกว่า Femto 33 ด้วย ทางปิยะนัสก็รับเทรด Acoustic Arts กลับไปทั้งสองชิ้น สั่งเครื่องจากสวิสราวเดือนกว่าเอง ตอนนั้นเขาเอาเครื่องเดโมมาฟังก่อน ผมลองเอาแผ่นที่ชอบ ฟังบ่อยๆ จนคุ้นมาเทียบเหนือกว่าทุกด้าน แหม! มันได้ดั่งใจจริงๆ ฟังแล้วมีความสุขมาก ไม่ผิดหวังเลย ได้ความสะดวกสบายเสียงดีมาก ดีกว่าซีดีที่เคยเล่นเยอะ ยิ่งกับไฟล์ Hi-Res ไปไกลเลย ไฟล์ก็ซื้อบน HDTracks การอัพโหลดเข้าไปใน Library ก็ง่าย ไม่ยุ่งยากอะไรเลย IT มันของชอบผมอยู่แล้ว เป็นเรื่องหมูๆ ผมจัดการได้เอง โดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากปิยะนัสเลย ทีนี้ก็มีความสุขไปกับมัน อายุอย่างเรา จะเอาอะไรกันมาก

Transrotor ZET3

จริงอยู่ที่เราเล่นแผ่นดำมาตั้งแต่เด็ก ฟรอนต์เอ็นด์ ปัจจุบันก็มีเทิร์นเทเบิล Transrotor ZET3 โทนอาร์ม SME ซึ่งนานๆ เล่นครั้ง โฟโนสเตจของ Octave ความจริงเล่นน้อยกว่า the Beast เลือกแผ่นที่ชอบไม่กี่แผ่นหรอกครับ ไม่ค่อยสะดวกสำหรับผมที่จะไปก้มๆ เงยๆ

เล่นเครื่องเสียง Luxury หรือเพื่อ Entertain

การเล่นเครื่องเสียง ว่ากันแล้ว จะถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือยก็ได้ บางคนอาจจะมองว่าอวดหรู หรือจะเล่นเพื่อความบันเทิง อย่างโฮมเธียเตอร์ ระดับการเล่นมันมีหลายแบบ ระดับ Consumer ขายตามโฮมโปร Theater in the Box หรือ Hi-End ซึ่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ตามกำลังของเขา ซึ่งคงว่ากันไม่ได้ จะบอกว่ามันไม่ดีไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าของไฮเอ็นด์ราคาสูงนั้นก็จริง แต่ความแตกต่างอยู่ตรงสิ่งที่มันให้มามีความแตกต่างกันมากไหม คุณเห็นหรือฟังมันออกถึงความคุ้มค่า หรือคุณค่าของมันหรือไม่ แล้วมีกำลังที่จะเล่นมันไหม ชาวบ้านเขาก็มีความสุขกับชุดเล็กๆ ของเขา เหมือนผมมีความสุขนั่นแหละ ดูหนังเรื่องเดียวกันเสียด้วย มันไม่ต่างกันหรอก ความพึงพอใจของแต่ละคนต่างหากเป็นตัววัด

ไฮเอ็นด์ ห้องฟังสําคัญมาก

ยืนยันเลยว่าจะเล่นเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ต้องมีห้องฟังดีๆ ห้องฟังของผม เดิมไม่ได้อยู่ห้องนี้หรอก เมื่อเราจะทำใหม่ แม่บ้านก็ทักว่า จะไปสร้างทำไม ผมก็บอกเขาว่า อายุก็เท่านี้แล้ว เครื่องเสียงเป็นสิ่งที่รักมาตั้งแต่สมัยไหนแล้ว อย่าขัดใจเลย ก็อธิบายเสริม โน้มน้าวเขาว่า บ้านเราเนี่ย ถ้าไปดูฮวงจุ้ย ส่วนที่เป็นโรงรถเหมือน อ้าปากอยู่น่าจะปิดซะตรงกลางตรงนี้ก็ทำที่กั้นไว้ บ้านก็จะสมส่วนตรงนี้เป็นห้องทำงานยุงจะได้ไม่กัด เรามีความสุข ตรงนี้ก็ไม่ได้ไปไหนให้กังวลใจนี่นา เธอก็เข้าใจ สุดท้ายเมื่อทำเสร็จ เธอก็บอกกับผมว่า “เหลือเชื่อว่าโรงรถจะทำได้ดีถึงขนาดนี้” สุดท้ายเธอก็เข้ามาดูหนังด้วยกันในห้องนี้โดยได้สัดส่วนขนาดห้องกว้าง 4.15 เมตร ยาว 6.20 เมตร สูง 3.20 เมตร ซึ่งโปร่งสบาย โครงสร้างบ้านหลังน้ีรวมถึงห้องฟังก่อผนังสองช้ัน ใส่โฟมตรงระหว่างช้ันของอิฐมอญเหมือนกันท้ังบ้าน ได้เรื่องกันความร้อนจากภายนอก เปิดแอร์ก็จะเย็นเร็วประหยัดพลังงานด้วย และท่ีสำคัญได้อีกอย่างคือ ความน่ิงของเสียง เมื่อคล่ืนเสียงความถ่ีต่ำปะทะผนังด้วย ต้องย้ำอีกครั้งเลยว่า ใครที่คิดว่าจะเล่น เคร่ืองเสียงไฮเอ็นด์ต้องทำห้อง เพราะห้องมีผลต่อคุณภาพเสียงมากเกินครึ่ง ต่อให้เครื่องเสียงเป็นสิบล้าน ถ้าทำห้องไม่ดีเสียของเลย คุยกับคนที่บ้านให้เข้าใจ ควรศึกษาเรื่องการทำห้องให้ดี หาผู้รับเหมาฝีมือดี มีความรับผิดชอบ ถ้าคิดจะทำห้องต้องวางสัดส่วนห้องให้ได้ วางสโคปให้ครบ ต้องมองให้ครบรอบด้าน ทั้งฝ้าผนัง และพื้นประตูเป็นยังไง ถึงจะไม่มีปัญหา จะลากสายไว้ตรงไหน รวมถึงระบบไฟด้วย ต้องคุยใหเ้คลียร์ คนที่มาทาต้องอธิบายให้ชัดว่ามีอะไรบ้าง อย่าให้ตกหล่น คนที่เขากล้าเล่นขนาดนี้ เขาจ่ายได้อยู่แล้ว คนขี้เหนียวคงไม่กล้าเล่นของแบบนี้หรอกจริงไหม

ห้องฟังนี้กว่าจะเสร็จก็เล่นเอามึนเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่ารายละเอียดปลีกย่อยมันเยอะ เจอปัญหา เรื่องฝ้า ที่เขาไม่ได้คิดไว้ตั้งแต่แรก ขา ตรงที่ว่า เมื่อห้องเสร็จ ลูกชายเราเขาเป็นเอ็นจิเนียร์บอกให้ลองตบมือดู เออ… เสียงมัน ไม่ก้องนี่หว่า ก็คิดว่าโอเคแล้ว ที่ไหนได้ แต่พอเปิดซับเบสมา ฝ้าร้องกราวทั้งห้อง… สลบเลย ต้องมาปรับแก้อีกครั้ง ได้อย่างที่เห็น บทเรียนห้องคือ กล่องหกแผง ผนังสี่ด้าน ฝ้า และพื้นด้วย…

เผื่องบกันบานปลายไว้ด้วย

อีกอย่างควรวางงบไว้ให้พอ คงต้องเผื่อไว้ด้วย มันจะมีเกินงบก็ตรงสายนี่แหละ ของดีจะมีที่ดีกว่าเสมอ รายน้ี เขาชอบเกินตรงสายน่ีแหละ เจอ Zensati เข้าไป สายตะหวักตะบวยอะไรกัน ราคาเป็นล้าน 555 น่ี ไม่กล้าบอกแฟนเลยนะ โชคดีที่แฟนไม่อ่านหนังสือ AUDIOPHILE ถึงพูดได้ แต่ว่าก็ว่าไป “ใส่ไปแล้ว ก็ถอดไม่ออกแล้ว” หนึ่ง คือ เกรงใจ ข้อสองรู้ว่ามันดีกว่าเดิมเยอะ ความจริงผมน่ะใส่ใจกับสายมานานแล้วต้ังแต่ยุคคุณกุลชาตขิ ายสาย Kimber นั่นแหละ สายผมมีเยอะมาก สายตัวกรองไฟ ชั้นวางเครื่องเสียงล้วนมีผล แม้แต่เก้าอ้ี ไม่ควรใช้ไวนิล เพราะมันมีผลต่อเสียง เรื่องการระบายอากาศในห้องด้วย ผมใช้ประโยชน์เต็มที่ในช่วงเสาร์อาทิตย์เท่านั้น เพราะเราไม่ได้ไปไหน ก็ขลุกอยู่ในนี้แหละ สัดส่วนก็ดูหนังมากว่าฟังเพลง ฟัง เพลงจาก The Beast เป็นหลักมากกว่าเทิร์นเทเบิล ซึ่งบอกตรงๆ ว่าเปิดแผ่นดำไม่กี่แผ่นเลยครับ

ฝากถึงนักเล่นรุ่นน้อง

ขอออกตัวว่า ผมไม่ใช่นักเล่นเครื่องเสียงจริงจัง หรือซีเรียสอะไรนัก ชอบเล่นเครื่องเสียงด้วยใจรัก ฟังเพลงจากอัลบั้มโปรด ถ้าจะรู้แบ็กกราวด์ของศิลปินกับผลงานที่เขาเล่น ทราบถึงแรงบันดาลใจที่ทำอัลบั้มที่เราชอบก็ยิ่งดี สำหรับชุดเครื่องเสียงก็แล้ว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องชุดใหญ่เสียงถึงจะดีคนที่เล่นเคร่ืองเสียงจะมีจิตใจอ่อนโยน ไม่ก้าวร้าว มีอารมณ์ สุนทรี เสพงานของศิลปิน แต่เราคงไม่ต้องไปเสพ อย่างเขาหรอกจริงไหม นักร้องผมชอบเอลวิส เขาร้องเพลงช้าได้ดี อักขระชัดเจน ฟังเพลงหลายแนว คลาสสิกก็ฟังบ้าง อย่างของเบโธเฟ่น แจ๊สก็ชอบ อย่างของ Eddie Higgins บางชุด Lee Ritenour ร็อกฟังได้อย่าง Dire Strait: Love Over Gold กับ Brother in Arm มันสุดยอดจริง ๆ เวลาฟังเพลงร็อก

Equipment lists

แล้วทำให้กระชุ่มกระชวย ฟังเพลงตามแนวที่ชอบนั่นแหละ แล้วก็มีความสุขไปกับมัน ขอบคุณครับ

บทสรุป

คุณผู้อ่านได้รับทราบเรื่องราวอันน่าท่ึงของพี่วิฑูรย์แล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง ผมเองได้ข้อคิด ปรัชญาในการดำเนินชีวิต แม้จะบอกว่าเล่นเครื่องเสียงไม่ใช่ต้องชุดใหญ่กว่าคนอ่ืน แต่ความจริงเล็กท่ีไหนล่ะครับ ผมไม่บอกพี่ผู้หญิงหรอกครับ ประทับใจกับคำพูดคมๆ หลายประโยค อ่านดีๆ อาจมีคนสะอึกบ้าง ตรงที่ตอบไม่ตรงโจทย์ของลูกค้าเป็นบทเรียน Marketing ท่ีไม่มีที่ไหนสอน ไม่มีครูคนไหนกล้าพูด แต่นี่คือ Voice of Customer ที่ปิยะนัสทำข้อสอบได้ดีกว่า ไม่มีอะไรดีเท่ากับได้รับทราบทุกแง่มุมจากผู้มีประสบการณ์โดยตรงอิจฉาผมไหมที่ได้คุยกับพี่วิฑูรย์ ขอขอบพระคุณอีกคร้ังสำหรับการต้อนรับ และให้เกียรติป็นแขกรับเชิญบนหน้ากระดาษของเรา

และที่ท่านได้ทราบเรื่องราวดีๆ เช่นนี้ก็เพราะ… “WE ARE AN AUDIOPHILE”

นิตยสาร AUDIOPHILE VIDEOPHILE ฉบับที่ 233